กทม. 8 ต.ค.-ครอบครัวแรงงานไทย วอนรัฐบาลเร่งช่วยเหลือลูกชายถูกจับเป็นตัวประกันในอิสราเอล ให้กลับมาอย่างปลอดภัย
กรณีกลุ่มฮามาสโจมตีอิสราเอลอย่างรุนแรงที่สุด ช่วงเช้ามืดวันที่ 7 ตุลาคม รัฐบาลอิสราเอลได้ตอบโต้ จนมีผู้เสียชีวิต มากกว่า 400 ราย บาดเจ็บอีกหลายพัน มีแรงงานไทยหลายคนถูกจับเป็นตัวประกัน เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา
เมื่อเวลา 09.30 น.วันที่ 8 ตุลาคม 2566 ผู้สื่อข่าวเดินทางไป อ.กุดจับ จ.อุดรธานี พบนายพรชัย อายุ 52 ปี และนางวาสนา อายุ 45ปี พ่อและแม่ของนายอนุชา อาย 28 ปี เป็น 1 ในแรงงานไทยที่ถูกจับเป็นตัวประกัน โดยมีญาติ และเพื่อนบ้านที่ทราบข่าวเดินทางมาให้กำลังใจ
นายพรชัยและนางวาสนา เล่าทั้งน้ำตาว่า นายอนุชา เป็นลูกคนโต แต่งงานกับ น.ส.วนิดา 30 ปี มีลูกสาววัย 7 ขวบ ลูกชายสมัครไปทำงานเกษตร สวนอโวคาโด ได้เงินดือน 50,000 บาท สัญญา 5 ปี เดือนมีนาคม 2567 จะครบ 2 ปี ลูกจะกลับบ้านมาพัก เพื่อขึ้นบ้านใหม่ แต่พอรู้ข่าวเมื่อเย็นวานนี้ จากญาติที่ทำงานอยู่ในกรุงเทพ ส่งภาพและโทรมาบอก ต่างตกใจ เพราะลูกจะโทรมาหาประจำ ครั้งล่าสุดวันศุกร์ตอนเที่ยงลูกโทรมาหา แต่เมื่อวานนี้ไม่ได้โทรหา เมื่อโทรกลับก็ไม่รับสาย เห็นภาพที่ลูกถูกควบคุมตัว ไม่ได้นอนทั่งคืน กินข้าวก็ไม่ได้ เพราะเป็นห่วงลูกมาก ไปไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั่งหมดในหมู่บ้าน ภาวนาให้ลูกปลอดภัย และขอให้รัฐบาลช่วยเหลือลูกให้กลับมาอย่างปลอดภัย
ต่อมาเวลา 10.00 น.วันเดียวกัน ว่าที่ร้อยโท อนุเทพ ศรีดาวเรือง จัดหางานจังหวัดอุดรธานี เดินทางมาพบพ่อแม่นายอนุชา เพื่อเป็นกำลังใจ และแจ้งว่าทุกคนอย่างปลอดภัย พร้อมเผยว่า ตอนนี้ขอให้ฟังข่าวจากทางการ ซึ่งทางการจะหาทางช่วยเหลือแรงงานไทย จ.อุดรธานีในประเทศอิสราเอลอย่างเต็มที่ ญาติแรงงานไทยที่ได้รับบาดเจ็บ วอนช่วยเหลือและติดต่อผู้บาดเจ็บ ญาติเป็นห่วงเนื่องจากไม่สามารถติดต่อได้เลย
โดยจังหวัดสุรินทร์ มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 1 คน คือนายสนธยา อายุ 42 ปี ชาวอำเภอท่าตูม ที่รักษาตัวที่อยู่ รพ. Soroka และถูกจับเป็นตัวประกัน 1 คน คือนายคมกฤษ อายุ 29 ปี ชาวอำเภอลำดวน โดยช่วงบ่ายผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ไปยัง ต.หนองเมธี อ.ท่าตูม จ.สุรินทร์ ซึ่งเป็นบ้านของแม่นายสนธยา แรงงานที่ได้รับบาดเจ็บ พร้อมด้วยสมาชิก อบต.ในหมู่บ้าน ได้มาสอบถามเรื่องราวและให้กำลังใจกับนางโปรง อายุ 69 ปี ผู้เป็นแม่ และนางประภาพร อายุ 38 ปี ภรรยา ด้วยความเป็นห่วง
ทั้งนี้ขณะที่กำลังพูดคุยกันอยู่นั้น ก็ได้มีโทรศัพท์จากกระทรวงแรงงานโทรเข้ามาสอบถามให้กำลังใจ และแจ้งข้อมูลว่า ตอนนี้นายสนธยา ได้รับการรักษาตัวอยู่ที่ รพ. Soroka แล้ว และอาการค่อนข้างหนัก แต่ทางแพทย์ช่วยรักษาอย่างเต็มที่ ไม่ต้องกังวล ขอให้ทางภรรยาและแม่ รวมถึงญาติๆไม่ต้องเป็นห่วง โดยทางกระทรวงแรงงานจะประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพร้อมให้การช่วยเหลืออย่างเต็มที่
นางประภาพร อายุ 38 ปี ภรรยานายสนธยา บอกว่า จากการสอบถามเพื่อนสามีที่ทำงานด้วยกัน ทราบว่า สามีตนเป็นคนตื่นเช้าเพื่อมากินกาแฟ จังหวะที่กำลังเดินมาล้างถ้วยกาแฟ ระเบิดลงมาพอดีจนร่างกระเด็นเจ็บหนัก และนายจ้างได้พาแรงงานที่ไม่ได้รับบาดเจ็บมาอาศัยอยู่บ้านแล้ว ตนเลยโทรประสานกับกรมแรงงานที่อยู่ทางโน้น เขาขอหลักฐานต่างๆ และโทรหานายจ้าง ตอนนี้ทางกระทรวงแรงแจ้งว่าจะเข้าที่บ้านพรุ่งนี้ (9 ต.ค.66) ตอนนี้รู้ว่าสามีตนอยู่ที่โรงบาลไหน แต่ยังไม่รู้อาการหนักแค่ไหน สามีไปทำงานด้านเกษตรอยู่ที่นั้นมา 3 ปีแล้ว กุมภาพันธ์ปีหน้าจะกลับมาพัก และเตรียมมาสร้างบ้าน อยากให้ทางสถานทูตทางอิสราเอลช่วยประสานข่าวว่าเป็นมากเป็นน้อยตนอยากรู้
ทั้งนี้ญาติๆ ไม่อยากให้นางโปรง แม่นายสนธยา รับรู้ถึงอาการบาดเจ็บของลูกชาย เพราะเป็นหลายโรค ทั้งหัวใจ ความดันและเบาหวาน ไม่เช่นนั้นจะไปกระทบกับโรคที่เป็นอยู่ กลัวจะเป็นอะไรไปอีกคน.–สำนักข่าวไทย