ปทุมธานี 13 ต.ค. – ตำรวจจับสองพี่น้องก่อเหตุรุมทำร้ายเจ้าหน้าที่ตัดมิเตอร์ไฟได้แล้ว อ้างแค้นมานานเคยตัดไฟไม่แจ้งล่วงหน้า
จากเหตุการณ์ตัวแทนการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคอำเภอลาดหลุมแก้ว ปทุมธานี ไปตัดมิเตอร์ไฟฟ้าที่ค้างชำระเงินค่าไฟฟ้า แล้วมีชายฉกรรจ์ 2 คนเข้ามารุมทำร้าย ได้รับบาดเจ็บยังนอนรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล
เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.คูบางหลวง ได้นำหมายค้นของศาล จ.ปทุมธานี เพื่อไปตรวจค้นบ้านหลังเกิดเหตุใน ต.คูบางหลวง ซึ่งเป็นบ้านของชายฉกรรจ์ 2 คนตามภาพคลิปวิดีโอ ซึ่งระหว่างที่เจ้าหน้าที่นำกำลังเข้าตรวจค้น ก็ได้รับแจ้งว่าหนึ่งในชายฉกรรจ์ที่รุมทำร้ายนั้น ได้ขี่รถจักรยานยนต์ ออกมาพร้อมกับญาติคนหนึ่ง เจ้าหน้าที่จึงนำกำลังติดตามไป และได้พบกับนายอดุลย์ อายุ 32 ปี ซึ่งเป็นบุคคลตามภาพคลิปวิดีโอ จึงได้เชิญตัวมาสอบปากคำที่โรงพัก
จากนั้นได้นำหมายศาลฯ เข้าค้นบ้านเลขที่ดังกล่าว เมื่อไปถึงเจ้าหน้าที่ได้แสดงหมายค้นโดยมีนายอานนท์ อายุ 34 ปี อยู่ในบ้านพร้อมกับผู้เป็นแม่และญาติอีก 2 คน เจ้าหน้าที่จึงตรวจค้นเบื้องต้นไม่พบสิ่งผิดกฎหมาย นายอานนท์ ยอมรับว่าเป็นคนในคลิปที่ทำร้ายตัวแทนการไฟฟ้า แต่ไม่ยอมไปให้ปากคำที่โรงพัก
เจ้าหน้าที่จึงถอนกำลังกลับพร้อมแจ้งกับทางญาติว่าจะมาอีกครั้งพร้อมหมายจับและจะไม่มีการพูดคุยเจรจาใดๆ ทั้งสิ้น ต่อมาขณะที่ตำรวจกำลังสอบปากคำนายอดุลย์ ปรากฏว่าญาติได้นำตัวนายอานนท์ เดินทางมาที่โรงพักจึงสอบปากคำ เบื้องต้นทั้งคู่ให้การรับสารภาพว่าได้ร่วมกันก่อเหตุตามคลิปวิดีโอจริง
นายอดุลย์ ให้การว่าก่อนเกิดเหตุตนและญาติพี่น้องคับแค้นใจคู่กรณีมานาน เนื่องจากเมื่อประมาณ 3-4 เดือนที่ผ่านมา คู่กรณีได้มาตัดไฟที่บ้านตนซึ่งขณะนั้นมีแม่ที่แก่ชราและสายตามองไม่ค่อยเห็นอยู่บ้าน พอรู้ว่าถูกตัดไปโดยไม่มีการแจ้งล่วงหน้า จึงเกิดความไม่พอใจ รอจังหวะจะสอบถาม จนกระทั่งในวันเกิดเหตุคู่กรณีขี่รถจักรยานยนต์ผ่านมา จึงเรียกให้จอดรถ แต่ยังไม่ทันพูดคุย พี่ชาย คือ นายอดุลย์ ได้เดินตามออกมา เมื่อคู่กรณีเห็นพี่ชายตนจึงจะขับรถหลบหนี ตนจึงดึงเอาไว้แล้วชกต่อยกัน โดยพี่ชายตนก็เข้าชกไป 1 ครั้ง จากนั้นก็มีญาติตนมาห้ามไว้
ส่วนรถจักรยานยนต์ของคู่กรณี นายอานนท์ ยอมรับว่าขณะที่น้องชายได้ต่อยกับคู่กรณีตกไปในคูน้ำข้างทาง ตนเห็นว่ารถจักรยานยนต์ยังไม่ดับเครื่อง จึงได้บิดคันเร่งทำให้รถก็พุ่งตกลงไปในคลอง
เบื้องต้นทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้แจ้งข้อกล่าวหาทั้งคู่ “ร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่นและทำให้เสียทรัพย์” พร้อมกับนำตัวทั้งคู่ไปตรวจหาสารเสพติดที่ พบว่ามีสารเสพติด (ยาบ้า) จึงได้แจ้งข้อหาเสพสารเสพติดให้โทษประเภท 1 แล้วควบคุมตัวเข้าห้องขังทันที .-สำนักข่าวไทย