พท.ไม่ปิดทาง “ร.อ.รรมนัส” ร่วมซักฟอกรัฐบาล

พรรคเพื่อไทย 18 ก.ค.-เพื่อไทยแถลงความพร้อมศึกซักฟอก จัดหนัก “พล.อ.ประยุทธ์” 30 ชั่วโมง ไม่ปิดทางถ้า “ร.อ.ธรรมนัส” ร่วมอภิปราย เปิดช่องประชาชนมีส่วนร่วมผ่าน LINE OA เพื่อไทย @pheuthai


นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย นายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย นายสุทิน คลังแสง ประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) ร่วมแถลงความพร้อมการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลระหว่างวันที่ 19-22 ก.ค.นี้ และลงมติในวันที่ 23ก.ค.นี้ว่า วัตถุประสงค์การอภิปรายไม่ไว้วางใจ คือ ต้องการยุติ หยุดยั้งการบริหารราชการแผ่นดินของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมกับคณะรัฐมนตรี โดยเฉพาะรัฐมนตรี 10 คนที่ฝ่ายค้านยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ

นพ.ชลน่าน กล่าวว่า การอภิปรายไม่ไว้วางใจถือเป็นมาตรการที่หนักที่สุดในการตรวจสอบควบคุมการบริหารราชการแผ่นดินในระบบรัฐสภา ครั้งนี้เราใช้ชื่อว่ายุทธการเด็ดหัว สอยนั่งร้าน ทำไมต้องเด็ดหัวสอยนั่งร้าน เนื่องจากคณะรัฐมนตรีชุดนี้ใช้อำนาจที่ไม่ชอบธรรมเข้าสู่อำนาจและสืบทอดอำนาจ สิ่งที่ต้องการสืบทอดอำนาจไม่ใช่จากสภาประชาชนแต่เป็นการรวบรวมเอาบรรดา ส.ส.พรรคร่วมรัฐบาลมาค้ำจุนให้อยู่ในอำนาจ โดยใช้วิธีการ กลไกบิดเบี้ยว ใช้สินจ้างรางวัล ใช้เงินขับเคลื่อนทางการเมือง จนสภาได้รับการสถาปนาว่าสภากินกล้วย เพราะฉะนั้น นั่งร้านที่ค้ำจุนมีความจำเป็นที่พรรคร่วมฝ่ายค้านต้องชี้ให้เห็นว่า นั่งร้านเหล่านี้เป็นพิษเป็นภัย ทำให้ประชาชนต้องทนทุกข์จากการบริหารราชการแผ่นดินของ พล.อ.ประยุทธ์ โดยการสนับสนุนของบรรดานั่งร้านมาตลอด 8 ปี


“จริงอยู่ การลงมติการอภิปรายไม่ไว้วางใจในระบบรัฐสภาเป็นระบบเสียงข้างมาก มือในสภาเป็นระบบเสียงข้างมาก ยากมากที่เราจะเอาชนะได้ เว้นแต่มีเหตุการณ์ เว้นแต่มีสิ่งที่สามารถบอกกับสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในสภาได้ว่า ข้อมูล ข้อเท็จจริง หลักฐานสามารถพิสูจน์ได้ ประชาชนเห็นว่าเป็นจริง เห็นควรลงมติไม่ไว้วางใจ อาจจะเป็นการบีบให้สมาชิกที่ไม่ใช่พรรคร่วมฝ่ายค้าน ลงมาร่วมลงมติอภิปรายไม่ไว้วางใจกับเรา ซึ่งมีโอกาสเป็นไปได้” หัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าว

นพ.ชลน่าน กล่าวว่า การอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งนี้ เราเตรียมความพร้อมเตรียมข้อมูลเตรียมหลักฐานเพื่อจะบอกกล่าวกับสภาผู้แทนราษฎรถึงพฤติกรรมความผิดพลาด บกพร่อง ล้มเหลวที่กระทำต่อประเทศชาติบ้านเมืองและประชาชนพฤติกรรมที่สิอทุจริต เอื้อประโยชน์ ใช้งบประมาณแผ่นดินไทย ภาษีอากรของประชาชนไปแสวงหาผลประโยชน์ โดยเฉพาะผลประโยชน์ทางการเมือง นี่คือสิ่งที่เรามีความมั่นใจว่าสมาชิกที่จะอภิปรายจะทำหน้าที่อย่างดีที่สุด พร้อมขอบคุณประชาชนที่ให้ความสนใจ

นพ.ชลน่าน กล่าวว่า คำว่าฝ่ายค้าน แบ่งเป็นพรรคฝ่ายค้านและพรรคร่วมฝ่ายค้าน โดยพรรคร่วมฝ่ายค้าน คือเมื่อพรรคการเมืองประกาศเจตนารมณ์ว่าจะมาทำงานร่วมกับพรรคฝ่ายค้าน ก็ถือว่าเป็นการประกาศเจตนารมณ์ในการทำงานร่วมกันได้ พรรคใดจะมาร่วมตรวจสอบการทำงานของรัฐบาลก็ยินดี แต่ในการทำหน้าที่พรรคฝ่ายค้าน เช่นพรรคไทยศรีวิไลย์ที่ไม่ได้ยึดติดการทำงานกับพรรคร่วม แต่จะมาร่วมการทำงานกับฝ่ายค้านเป็นบางครั้ง จึงไม่รู้ว่าพรรคเศรษฐกิจไทยจะมาในทิศทางใด ซึ่งก็ยินดีอยู่แล้วที่จะรับสมาชิกเข้ามาร่วมตรวจสอบรัฐบาล


ส่วนการอภิปรายพล.อ.ประยุทธ์ ที่จะใช้เวลาประมาณ 30 ชั่วโมง นพ.ชลน่าน กล่าวว่า จะมีข้อกล่าวหาคือเรื่องผิดพลาดล้มเหลวในการบริหารแผ่นดิน ส่อทุจริตเอื้อประโยชน์ จงใจฝ่าฝืนและปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญ ซึ่งข้อกล่าวหาเหล่านี้เป็นข้อมูล อาจจะมีต่อเนื่องบ้างจึงทำให้จะมีทั้งข้อมูลเก่าและข้อมูลใหม่ด้วย ซึ่งเรื่องการทุจริตจะเป็นข้อมูลใหม่ทั้งหมด

นายประเสริฐ กล่าวว่า พรรคเพื่อไทย ให้ความสำคัญอย่างยิ่งกับการอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งนี้ เนื่องจากมีความหมายเป็นอย่างยิ่งต่อชีวิตความเป็นอยู่ปากท้องของพี่น้องประชาชน และอนาคตของประเทศ ดังนั้น เราจึงมุ่งมั่นที่จะทำให้พี่น้องประชาชนได้เห็นธาตุแท้ของเครือข่ายประยุทธ์ ที่ประคับประคองกันอยู่ด้วยความเชื่อมโยงของผลประโยชน์และการทุจริตคอร์รัปชั่น โดยไม่สนใจความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชน โดยเฉพาะในช่วงเวลานี้ ซึ่งเป็นปลายอายุขัยรัฐบาลประยุทธ์ แต่ละพรรคการเมืองมุ่งจะกอบโกยงบประมาณประเทศอย่างโจ๋งครึ่ม ไม่หวั่นเกรงต่อสายตาพี่น้องประชาชน เพียงหวังที่จะใช้สะสมเป็นกระสุนดินดำสำหรับการเลือกตั้งในครั้งต่อไป

“พรรคเพื่อไทยมั่นใจในข้อเท็จจริง เอกสารและหลักฐานที่จะนำไปสู่การเอาผิดผู้ทุจริตและผู้มีส่วนร่วมทั้งหมด และหลังการอภิปรายไม่ไว้วางใจเสร็จสิ้นลง พรรคเพื่อไทยจะรวบรวมเอกสารหลักฐานยื่นเรื่องต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เพื่อเอาผิดกับผู้ที่ทุจริตและผู้สมรู้ร่วมคิดให้เกิดการทุจริตทุกคน โดยไม่ละเว้นแม้แต่คนเดียว จึงขอเชิญชวนพี่น้องร่วมกันติดตามการอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งนี้ และขอเรียกร้องให้เพื่อนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรรับฟังเสียงสะท้อนของประชาชน พิจารณาลงมติญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ โดยเห็นแก่ประชาชนเป็นที่ตั้ง” เลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าว

นายประเสริฐ กล่าวว่า พรรคเพื่อไทยขอเชิญชวนประชาชนร่วมการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ‘ครั้งสุดท้าย’ ของรัฐบาลประยุทธ์ จันทร์โอชา ไปกับพรรคเพื่อไทย ซึ่งได้เปิดกลไกการมีส่วนร่วมผ่านช่องทาง LINE OA เพื่อไทย @pheuthai หรือสแกน QR Code ซึ่งพี่น้องประชาชนสามารถมีส่วนร่วมผ่านริชเมนู (Rich Menu) ได้ดังนี้ 1. ลงมติไล่ประยุทธ์ : ร่วมลงมติประชาชน ไม่ไว้วางใจประยุทธ์และพวก พร้อมฝากข้อความสั้น ๆ ถึง พล.อ.ประยุทธ์และรัฐมนตรีในรัฐบาล ผ่านระบบของ LINE OA เพื่อไทย เพื่อบันทึกการมีส่วนร่วมในภารกิจประวัติศาสตร์ครั้งนี้ร่วมกัน

“2. เสียงประชาชน : กดปุ่มเพื่อแสดงความเห็นในประเด็นต่าง ๆ ส่งเสียงจากประชาชนไปถึง ส.ส.เพื่อไทยในสภาได้ตลอดการอภิปรายไม่ไว้วางใจ 3. ร่วมคิดนโยบายกับเพื่อไทย : มาร่วมกันเดินหน้าเปลี่ยนรัฐบาล มาร่วมกันคิดนโยบายเพื่อคืนความหวัง สร้างชีวิตใหม่ให้พี่น้องประชาชนอีกครั้ง” เลขาธิการพรคเพื่อไทย กล่าว

นายสุทิน กล่าวว่า การอภิปรายไม่ไว้วางใจที่เริ่มตั้งแต่พรุ่งนี้ (19 ก.ค.) พรรคฝ่ายค้านจะจัดเต็มทั้ง 4 วัน แบ่งอภิปรายรัฐมนตรีเป็นกลุ่ม ๆ วันแรกจะอภิปรายกลุ่มของรัฐมนตรีพรรคภูมิใจไทย เริ่มที่นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ตามด้วย นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม จากนั้น รัฐมนตรีของพรรคพลังประชารัฐ คือ นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน และอภิปรายพรรคประชาธิปัตย์คือ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ และนายจุติ ไกรฤกษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์

“ส่วนวันที่ 2 เริ่มจากนายนิพนธ์ บุญญามณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย นายสันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและพล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ก่อนจะเข้าสู่การอภิปรายชุดพี่น้อง 3 ป. ที่จะให้เห็นถึงวีรกรรมเอื้อประโยชน์ให้พวกพ้อง คาดว่าเริ่มอภิปราย พล.อ.ประยุทธ์ได้ในช่วงค่ำของวันที่ 2 โดยฝ่ายค้านจะจัดหนักอภิปราย พล.อ.ประยุทธ์ถึง 30 ชั่วโมง “ยุทธการเด็ดหัว สอยนั่งร้าน” ครั้งนี้ จะทำให้ประชาชนได้เห็นความล้มเหลวในการบริหารราชการแผ่นดิน สงท้ายก่อนที่จะหมดวาระของรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์” นายสุทิน กล่าว

นายสุทิน กล่าวว่า สำหรับกรอบเวลาการอภิปรายไม่ไว้วางใจตลอด 4 วัน รัฐบาลจะได้เวลา 18 ชม. ซึ่งรวมประธานและ ครม.แล้ว ส่วนฝ่ายค้านได้เวลาเต็มที่ 45 ชม. ซึ่งเวลาทั้งหมดนี้ พรรคร่วมรัฐบาลจัดสรรให้กับฝ่ายค้านตามความเหมาะสม จะไม่ต่อรองหรือขอเวลาเพิ่ม ซึ่งพรรคเพื่อไทย จะมีผู้อภิปราย 27 คน พรรคก้าวไกล 14 คน พรรคประชาชาติ 3 คน พรรคเสรีรวมไทย 2 คน พรรคเพื่อชาติ 2 คน พรรคพลังปวงชนไทย 1 คน และฝ่ายค้านอิสระ พรรคไทยศรีวิไลย์ 1 คน ส่วนกระแสข่าวว่าพรรคเศรษฐกิจไทยโดย ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า หัวหน้าพรรค จะขอร่วมอภิปรายไม่ไว้วางใจในครั้งนี้ด้วย

นายสุทินกล่าวว่า พรรคฝ่ายค้านยังไม่ปิดทางที่ ร.อ.ธรรมนัสจะเข้าร่วมการอภิปรายไม่ไว้วางใจในครั้งนี้ แต่ทาง ร.อ.ธรรมนัสยังไม่ได้พูดคุยขอเวลาการอภิปราย มีเพียงการประสานเรื่องอื่นมา อย่างเรื่องความพร้อมแนวทางการทำงาน ซึ่งหลังอภิปรายไม่ไว้วางใจอาจจะพูดคุยกับ ร.อ.ธรรมนัสอีกครั้งถึงการเป็นพรรคร่วมฝ่ายค้าน อย่างไรก็ตาม หากช่วงเวลาการอภิปรายแล้ว ร.อ.ธรรมนัสจะขออภิปรายด้วย ถ้ากระชั้นชิดก็อาจจะไม่ได้ เพราะเวลาลงตัวแล้ว แต่ถ้าต้องการจริง ๆ จะพยายามแบ่งเวลาให้จาก ส.ส.คนอื่น ๆ แต่ต้องสอบถามเนื้อหาและเวลาที่ต้องการก่อนด้วย.-สำนักข่าวไทย 

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เปิดแชต “สีกากอล์ฟ” หลอกยืมเงิน “อดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร” 4 แสน

18 ก.ค. – เปิดแชต “สีกากอล์ฟ” หลอกยืมเงิน “อดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร” 400,000 บาท อ้างป่วย ต้องใช้เงินผ่าตัด และแลกหลักฐานกรณีอดีตเจ้าคณะจังหวัดพิจิตร มีความสัมพันธ์กับสีกากอล์ฟ อดีตผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ จ.พิจิตร หลงกลเล่ห์เหลี่ยมของสีกากอล์ฟ โดยเมื่อปี 2559 อดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร ส่งข้อความไปหาสีกากอล์ฟ ว่ามีเรื่องสำคัญของบ้านเมืองจะปรึกษา และหว่านล้อมว่าสีกากอล์ฟเป็นบุคคลสำคัญยิ่งที่จะเปลี่ยนแปลงการปกครองส่วนหนึ่งใน จ.พิจิตร ไปในทิศทางที่ดีขึ้น หากให้ความร่วมมือจะมีผู้ใหญ่ใจดีที่พร้อมจะดูแลสีกากอล์ฟและลูก แล้วทิ้งเบอร์โทรศัพท์ไว้ให้ติดต่อกลับ จากนั้นสีกากอล์ฟตอบกลับข้อความ ทำให้อดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร เปิดเผยเป้าหมายทันทีว่าต้องการดำเนินการกับพระราชสิทธิเวที ในขณะนั้น (อดีตเจ้าคณะจังหวัดพิจิตร และอดีตเจ้าอาวาสวัดท่าหลวง จ.พิจิตร ที่เพิ่งสึกไป) ซึ่งมีเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับการทุจริต เสพเมถุน และประพฤติตนไม่เหมาะสม อาจเชื่อมโยงมาถึงสีกากอล์ฟ พร้อมเสนอเงิน 1 ล้านบาท แต่สีกากอล์ฟชวนอดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร คุยเรื่องทั่วไป โดยเฉพาะอ้างว่ามีอาการป่วย ต้องใช้เงินผ่าตัดประมาณ 400,000 บาท […]

“ทักษิณ” ซัดผู้นำกัมพูชาไร้จริยธรรม แต่คนไทยกลับเชื่อ

17 ก.ค. – “ทักษิณ” ซัดผู้นำกัมพูชาไร้จริยธรรม แต่คนไทยกลับเชื่อ งงทำไมคนไทยไม่รักกัน ตอกพรรคที่เพิ่งหลุดร่วมรัฐบาลไป เป็นเขมรหรือไทย หลังติง “ลูกอิ๊งค์” ขายชาติ บอกปัจจุบันการเมืองไม่มีเสถียรภาพเหมือนสมัยรัฐบาล “คึกฤทธิ์” นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ปาฐกถาพิเศษ หัวข้อ “ปลดล็อกอนาคตประเทศไทย สู้วิกฤติโลก พลิกเกมเศรษฐกิจไทย” และ “พลิกเกมเศรษฐกิจไทย สู่อนาคต” จัดโดย บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) โดยมี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรมว.วัฒนธรรม พร้อมครม. อาทิ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกฯ และรมว.คมนาคม นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกฯ และรมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม นายชูศักดิ์ ศิรินิล รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายสุชาติ ตันเจริญ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี น.ส.จิราพร สินธุไพร รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ […]

แม่ทัพภาค 2 เยี่ยมให้กำลังใจทหารบาดเจ็บเหยียบกับระเบิด

อุบลราชธานี 17 ก.ค.-แม่ทัพภาค 2 เยี่ยมให้กำลังใจทหารได้รับบาดเจ็บเหยียบกับระเบิด ซึ่งอาการโดยรวมดีขึ้น ที่โรงพยาบาลค่ายสรรพสิทธิประสงค์ มณฑลทหารบกที่ 22 อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ได้เข้าเยี่ยมให้กำลังใจกับทหารสังกัดกรมทหารราบที่ 6 ที่ได้รับบาดเจ็บจากการเหยียบกับระเบิดทั้ง 3 นาย ซึ่งมีอาการโดยรวมดีขึ้น สำหรับทหารที่ได้รับบาดเจ็บทั้ง 3 นายประกอบด้วย ส.อ.ปฏิพัทธ์ ศรีลาศักดิ์ มีบาดแผลฟกซ้ำบริเวณหน้าอกจากการถูกแรงอัดระเบิด ตอนแรกมีอาการเจ็บหน้า แต่ปัจจุบันดีขึ้น พลทหารณัฐวุฒิ ศรีเข้ม มีบาดแผลฟกซ้ำที่หน้าอกจากการอัดของระเบิด แน่นหน้าอก แต่ช่วยเหลือตัวเองได้ พลทหารธนพัฒน์ หุยวัน ต้องตัดขาซ้ายใต้เข่าจากแรงระเบิด มีอาการปวดแผล แต่กินอาหารได้ตามปกติ หลังเยี่ยมพูดคุยให้กำลังใจ แม่ทัพก็เดินทางกลับไป เพื่อไปติดตามสถานการณ์ชายแดนด้านจังหวัดสุรินทร์ต่อไป.-711.-สำนักข่าวไทย

จนท. เข้าพบพระพรหมบัณฑิต ขอตรวจสอบบัญชีเงินวัดประยูรฯ

กทม. 17 ก.ค. – ตำรวจ ปปป. ป.ป.ท. และเจ้าหน้าที่สำนักพุทธฯ บุกวัดประยุรวงศาวาส เข้าตรวจสอบบัญชีเงินวัด เบื้องต้น  ยืนยันไม่ใช่การบุกค้นกุฏิ พระพรหมบัณฑิต เจ้าอาวาส พ.ต.ท.สิริพงษ์ ศรีตุลา รักษาราชการแทนรองเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.), พ.ต.อ.สถาปนา จุณณวัตต์ ผู้กำกับการกองกำกับการ 6 กองบังคับการปราบปราม พร้อมเจ้าหน้าที่สำนักงานพระพุทธแห่งชาติแห่งชาติ เดินทางเข้าพบพระพรหมบัณฑิต เจ้าอาวาสวัดประยุรวงศาวาสวรวิหาร เพื่อพูดคุยและขอข้อมูลเกี่ยวกับเอกสารการเงินภายในวัด หลังอดีตเจ้าคุณประสิทธิ์ อดีตผู้ช่วยเจ้าอาวาส เข้าไปพัวพันกับสีกากอล์ฟ และตรวจสอบข้อเท็จจริงจากคำให้การของพยาน ที่พบเงินถูกพับในลักษณะถูกนำออกมาจากตู้บริจาคในบ้านของสีกากอล์ฟ ซึ่งการตรวจสอบในวันนี้จะเน้นเรื่องเส้นทางการเงินของวัดทั้งหมด ที่ต้องสงสัยว่าอาจมีบางส่วนถูกยักยอก หลังการตรวจสอบ ผู้กำกับการ 6 บก.ปปป. กล่าวว่า ไม่สามารถที่จะเปิดเผยข้อมูลได้ ผู้บังคับบัญชาจะเป็นผู้ชี้แจง หลังจากนี้จะนำข้อมูลต่างๆ กลับไปเรียนให้ผู้บังคับบัญชาได้ทราบ แต่ยืนยันว่า วันนี้เป็นเพียงแค่การเข้ามาขอข้อมูลเท่านั้น ด้านเจ้าหน้าที่สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติระบุว่า เป็นเพียงการบูรณาการของหน่วยงาน ที่เกี่ยวข้อง และในการตรวจสอบเรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับ พระพรหมบัณฑิต เจ้าอาวาสวัดประยุรวงศาวาสวรวิหารแต่อย่างใด มีรายงานเพิ่มเติมว่าเจ้าหน้าที่ทั้ง 3 หน่วยงาน ได้นำกำลังส่วนหนึ่งเข้าไปตรวจสอบที่มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณ์ราชวิทยาลัย หรือ […]

ข่าวแนะนำ

กต.ประณามกัมพูชาใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ขัด กม.ระหว่างประเทศร้ายแรง

ก.ต่างประเทศ 20 ก.ค. – กต.ประณามกัมพูชาอย่างรุนแรงที่สุดต่อการใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ซัดขัด กม.ระหว่างประเทศร้ายแรง ละเมิดอธิปไตยไทย จี้ให้ความร่วมมือเก็บกู้ นายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ อ่านแถลงการณ์เรื่องการประท้วงการใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคลของกัมพูชา ซึ่งเป็นทุ่นระเบิดที่วางใหม่ บริเวณช่องบก ชายแดนไทย-กัมพูชา จังหวัดศรีสะเกษ จนเป็นเหตุให้กำลังพลของไทยได้รับบาดเจ็บ ว่า ตามที่เมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม 2568 กำลังพลกองร้อยทหารราบที่ 6021 รวม 3 นาย ซึ่งทำการลาดตระเวนตามปกติ ในดินแดนของไทย บริเวณช่องบก จังหวัดอุบลราชธานี ประสบเหตุเหยียบทุ่นระเบิดสังหารบุคคลนั้น รัฐบาลไทยได้รับรายงานจากหน่วยงานความมั่นคงว่า ภายหลังการตรวจสอบของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ปรากฏหลักฐานเชิงประจักษ์ว่า ทุ่นระเบิดที่พบ ไม่มีการใช้ หรือมีอยู่ในคลังอาวุธของไทย และเป็นทุ่นระเบิดที่วางใหม่ เมื่อประกอบกับการประมวลข้อมูล และหลักฐานสภาพแวดล้อมอื่น ๆ ที่หน่วยงานความมั่นคงตรวจพบ นำไปสู่การสรุปได้ว่า เป็นการวางทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ที่ถือเป็นการละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศอย่างร้ายแรง รัฐบาลไทยขอประณามอย่างรุนแรงที่สุดต่อการใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ซึ่งเป็นเรื่องการละเมิดอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของไทย และเป็นการกระทำที่ขัดต่อหลักการพื้นฐานที่สำคัญของกฎหมายระหว่างประเทศ ที่ระบุไว้ในกฎบัตรสหประชาชาติ อีกทั้งยังเป็นการกระทำที่ละเมิดพันธกรณีภายใต้อนุสัญญาห้ามทุ่นระเบิดสังหารบุคคลอย่างชัดเจน ไทยในฐานะรัฐภาคีอนุสัญญาฯ จะดำเนินการตามกระบวนการภายใต้อนุสัญญาฯ โดยจะยังคงหาทางแก้ปัญหากับกัมพูชาผ่านกลไกทวิภาคีต่าง […]

มทภ.2 ยินดีเขมรขนคนเที่ยวโบราณสถานไทย เตือนเคารพกฎ

20 ก.ค.- แม่ทัพภาค 2 ฮึ่มป่วน “ปราสาทตาเมือนธม-ปราสาทตาควาย” เจอมาตรการเบาไปหนัก ยินดีเขมรขนคนมาชมสองโบราณสถานของไทย ส่วนโซเชียลรณรงค์คนไทยเจ้าบ้านใส่เสื้อไทยร่วมต้อนรับ เมื่อวันที่ 20 ก.ค.68 พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 กล่าวถึงกรณีกัมพูชาขนประชาชนกัมพูชาหลายรถบัสขึ้นมาเที่ยวปราสาทตาเมือนธมและปราสาทตาควายของไทย ว่า รู้สึกยินดีและขอต้อนรับนักท่องเที่ยวชาวกัมพูชาและประเทศอื่น ๆ ที่มาท่องเที่ยว เยี่ยมชมปราสาทตาเมือนธมและปราสาทตาควายของไทย ทั้งนี้ นักท่องเที่ยวทุกคนจะต้องปฏิบัติตามกฎระเบียบที่กองทัพภาคที่ 2 กำหนดไว้ โดยได้จัดเจ้าหน้าที่คอยอำนวยความสะดวกและดูแลนักท่องเที่ยวให้ปฏิบัติตามกฎระเบียบ ไม่ก่อความวุ่นวาย เพื่อให้นักท่องเที่ยวทุกคนเข้าเยี่ยมชมได้ตามปกติ ทั้งนี้ ปราสาทตาเมือนธมและปราสาทตาควาย เป็นโบราณสถานที่มีความสำคัญของไทยและมีประวัติศาสตร์มายาวนาน “หากนักท่องเที่ยวคนใดก่อเหตุวุ่นวาย เจ้าหน้าที่มีมาตรการจากเบาไปหาหนักดำเนินการ ดังนั้นขออย่าให้เกิดเหตุการณ์ดังกล่าว เพราะนักท่องเที่ยวทุกคนเข้ามาเยี่ยมชมโบราณสถานของไทย ต้องเคารพกฎระเบียบของไทย” แม่ทัพภาคที่ 2 กล่าว ผู้สื่อข่าวรายงานว่า โซเชียลมีเดียมีการเผยแพร่ภาพคนไทย พร้อมข้อความภาษาไทยและภาษากัมพูชา ระบุว่า “รวมใจคนไทย ใส่เสื้อไทย ต้อนรับนักท่องเที่ยวกัมพูชา ด้วยรอยยิ้มและมิตรภาพจากเจ้าของบ้านตัวจริง” -สำนักข่าวไทย

ทบ.ส่งทหารช่างเก็บกู้ทุ่นระเบิดชายแดนไทย-กัมพูชา

20 ก.ค.- ทหารช่างปฏิบัติภารกิจเก็บกู้ทุ่นระเบิดพื้นที่ช่องบก ชายแดนไทย-กัมพูชา ขณะที่กองทัพบกเตรียมมาตรการตอบโต้ทางทหารอย่างเหมาะสม จากกรณีทหารไทยประสบเหตุเหยียบกับระเบิด บาดเจ็บ 3 นาย ขณะปฏิบัติภารกิจลาดตระเวนรักษาความสงบในพื้นที่ช่องบก จังหวัดอุบลราชธานี ล่าสุดเช้านี้ (20 ก.ค. 68) กองทัพภาคที่ 2 เสริมกำลังทหารช่างลงพื้นที่ทันที เพื่อตรวจพื้นที่และเก็บกู้ทุ่นระเบิดตลอดแนวชายแดน โดยใช้ยุทโธปกรณ์หนัก รถแทรกเตอร์หุ้มเกราะ ชุดตรวจค้นทุ่นระเบิดชำนาญการ กำลังชุดทหารช่างตรวจค้นกวาดล้างทุ่นระเบิด (Mine Clearing) เขตทางพื้นที่สงสัยให้ปลอดภัย พร้อมใช้รถโกยตัก ถางขุดตอ และรถถากถางติดตั้งเกราะเหล็กป้องกันพลขับในการทำงานในพื้นที่เสี่ยงภัย ปฏิบัติการดังกล่าว นอกจากดูแลความปลอดภัยของกำลังพลที่จะออกลาดตระเวนในพื้นที่เขตแดนไทยแล้ว ยังเป็นการเก็บหลักฐานเพื่อแสดงให้เห็นว่ากัมพูชามีพฤติการณ์ที่ขัดต่ออนุสัญญาออตตาวา ว่าด้วยการห้ามใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล แม้ทางฝ่ายกัมพูชาจะไม่ยอมรับ แต่กระทรวงการต่างประเทศ จะทำหนังสือเพื่อประท้วงอย่างเป็นทางการผ่านสหประชาชาติ (UN) และทางกองทัพบก จะมีมาตรการตอบโต้ทางทหารอย่างเหมาะสม.-สำนักข่าวไทย

พฐ.เตรียมตรวจสอบเหตุเพลิงไหม้โรงงานแปรรูปยางพารา

20 ก.ค.- เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานเตรียมตรวจสอบเหตุเพลิงไหม้โรงงานแปรรูปยางพารา จ.บุรีรัมย์ เบื้องต้นไม่มีผู้บาดเจ็บ คาดเสียหายหลายสิบล้านบาท เมื่อช่วงกลางดึกที่ผ่านมา เกิดเหตุเพลิงไหม้โรงงานรับซื้อและแปรรูปยางพาราขนาดใหญ่ ตั้งอยู่ริมถนนสาย 24 โชคชัย-เดชอุดม ตำบลโคกม้า อ.ประโคกชัย จ.บุรีรัมย์ โดยต้นเพลิงเป็นโกดังเก็บยางพาราอัดแท่ง จัดว่าเป็นเชื้อเพลิงอย่างดี ทำให้เพลิงลุกไหม้รวดเร็วและรุนแรง ผู้สื่อข่าวรายงานว่าตอนเกิดเหตุช่วงแรก พนักงานช่วยกันดับแต่เอาไม่อยู่ จึงรีบแจ้งเจ้าหน้าที่ให้เข้าช่วยเหลือ ตำรวจ สภ.ประโคนชัย พร้อมเจ้าหน้าที่ดับเพลิง ลงพื้นที่ตรวจสอบและประสานรถดับเพลิงกว่า 20 คัน เข้าฉีดสกัดนานกว่า 2 ชั่วโมง จึงคุมเพลิงให้อยู่ในวงจำกัดได้ แต่ยังต้องฉีดน้ำหล่อเลี้ยงไว้ตลอดป้องกันไม่ให้ไฟปะทุลามไปจุดอื่นในโรงงาน พร้อมเคลื่อนย้ายถังแก๊ส ถังน้ำมัน จากอาคารใกล้เคียงไปไว้ยังจุดปลอดภัย เบื้องต้นไม่มีพนักงานได้รับบาดเจ็บ ด้านนายจำเริญ แหวนเพ็ชร รองผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์ กล่าวว่าแม้จะควบคุมเพลิงไว้ได้แล้ว แต่รถดับเพลิงก็ยังต้องฉีดน้ำเพื่อหล่อความเย็นจนกว่าไฟจะดับสนิท ส่วนสาเหตุเพลิงไหม้ยังไม่ทราบ ต้องรอเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานเข้ามาตรวจสอบ สำหรับมูลค่าความเสียหายอยู่ระหว่างการประเมิน คาดหลายสิบล้านบาท ทั้งนี้ โรงงานดังกล่าวเคยเกิดเหตุไฟไหม้มาแล้ว เมื่อปี 63 -สำนักข่าวไทย