ทำเนียบ 7 เม.ย.-รัฐบาลเร่งขับเคลื่อนความร่วมมือทั้งในประเทศและต่างประเทศ ลดความเสี่ยงและรับมือการโจมตีทางไซเบอร์ที่มีมากขึ้น
พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติ (กมช.) ครั้งที่ 1/2565 ผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอร์เรนท์ ที่มูลนิธิป่ารอยต่อ 5 จังหวัด โดยมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุม
ที่ประชุมรับทราบการดำเนินงานที่สำคัญ ประกอบด้วย การขับเคลื่อนนโยบายและแผนความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ การจัดทำกฎหมาย ประกาศ ระเบียบที่เกี่ยวข้อง การส่งเสริมความร่วมมือกับหน่วยงาน องค์กรทั้งภายในและต่างประเทศ การเฝ้าระวังภัยคุกคามทางไซเบอร์ รวมทั้งการพัฒนาบุคลากร ตลอดจนสร้างการตระหนักรู้ รวมทั้งการยกระดับหน่วยงานโครงสร้างพื้นฐานสำคัญทางสารสนเทศและหน่วยงานของรัฐ
นอกจากนั้น ยังรับทราบการปฏิบัติในภารกิจป้องกัน รับมือและลดความเสี่ยงจากภัยคุกคามทางไซเบอร์ รอบ 6 เดือนที่ผ่านมา ตั้งแต่เดือนตุลาคม 2564 ถึงเดือนมีนาคม 2565 พบมีการ Hacked Website 52 เหตุการณ์ ข้อมูลรั่วไหล 26 เหตุการณ์ จุดอ่อนช่องโหว่ 23 เหตุการณ์ และมีเหตุการณ์อื่นๆ 32 เหตุการณ์
ที่ประชุมได้ร่วมพิจารณาและให้ความเห็นชอบ การจัดทำร่างบันทึกความร่วมมือด้านการรักษาความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์ ระหว่าง สำนักงานคณะกรรมการการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติ กับ องค์กรหรือหน่วยงานทั้งในและต่างประเทศ เพื่อส่งเสริมความร่วมมือและแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างกัน การลดความเสี่ยงของอาชญากรรมทางไซเบอร์ การสนับสนุนนวัตกรรมเทคโนโลยี รวมทั้งการเสริมสร้างการเปิดกว้าง เสมอภาค โปร่งใส ยุติธรรมและไม่เลือกปฏิบัติของการแข่งขันในกลไกตลาด รวมทั้งเห็นชอบการจัดทำร่างบันทึกความร่วมมือกับ กองบัญชาการกองทัพไทย เพื่อส่งเสริม สนับสนุนและยกระดับการดูแล รับมือแก้ไขและป้องกันสถานการณ์ด้านภัยคุกคามไซเบอร์ต่อราชอาณาจักร
พล.อ.ประวิตร กล่าวย้ำ ถึงการเตรียมความพร้อม และการปฏิบัติป้องกันและรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์ เป็นเรื่องสำคัญอย่างมากปัจจุบัน ที่หน่วยงานภาครัฐ เอกชนและภาคประชาชน ต้องตระหนักรู้ ตื่นตัว เตรียมความพร้อมรองรับรัฐบาลและสังคมดิจิทัล การผลักดันความร่วมมือกับสถาบันการศึกษาด้านหลักสูตรทางไซเบอร์ และการจัดทำบันทึกความร่วมมือกับหน่วยงานต่างๆ จะช่วยยกระดับขีดความสามารถและความเข้มแข็งทางด้านไซเบอร์ของประเทศ
“ขอให้ กมช. เร่งกระตุ้นภูมิคุ้มกันภัยทางไซเบอร์ กับหน่วยงานรัฐ และหน่วยงานในกำกับ และขับเคลื่อนการดำเนินงานให้เป็นไปตามนโยบาย แผนงานและกฎหมายที่กำหนด เพื่อลดความเสี่ยงผลกระทบด้านความมั่นคงและความเสียหายทางเศรษฐกิจจากการโจมตีทางไซเบอร์ที่มีมากขึ้น” พล.อ.ประวิตร กล่าว.-สำนักข่าวไทย