ทำเนียบรัฐบาล 2 มี.ค.- “วิษณุ” รับหลังเกิดข้อข้องใจเรื่อง “สาธิต” นั่งปธ.กมธ.แก้กม.ลูก รัฐบาลต้องปรับปรุงงานสภาฯ ชี้ ไม่คุยกันให้ชัดเจนก่อน ส่วนรัฐบาลอยู่ครบเทอมหรือไม่ ให้ไปถาม “พล.อ.ประวิตร”
นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีนายสาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุขและรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ได้รับเลือกให้เป็นประธานคณะกรรมาธิการ(กมธ.) วิสามัญพิจารณาร่างพ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส. และร่างพ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง ซึ่งถือเป็นตัวแทนรัฐมนตรี จะฝากข้อคิดเห็นของรัฐบาลเข้าไปร่วมพิจารณาหรือไม่ ว่า ไม่มีอะไรฝาก การที่มีรัฐมนตรีเข้าไปอยู่ในรายชื่อผู้เสนอเป็นกรรมาธิการจะให้เกียรติเลือกรัฐมนตรี
“ครั้งนี้ถือเป็นสัดส่วนของรัฐบาล 8 คน แต่กฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญทั้ง 2 ฉบับไม่ใช่ของรัฐบาลโดยแท้ แต่เป็นของคณะกรรมการกรเลือกตั้ง(กกต.) ที่ให้คณะรัฐมนตรี(ครม.) เป็นผู้เสนอแทนตามมาตรา 131 เนื่องจากกกต.เสนอเองไม่ได้ จึงเป็นการเสนอในนามรัฐบาลตามข้อเสนอแนะของกกต. เรื่องนี้จึงเป็นเรื่องของกกต.ไม่ใช่เรื่องของรัฐบาล” นายวิษณุ กล่าว
นายวิษณุ กล่าวว่า ส่วนที่ก่อนหน้านี้พรรคพลังประชารัฐวางตัวเสนอนายไพบูลย์ นิติตะวัน รองหัวหน้าพรรคเป็นประธานกรรมาธิการ แต่สุดท้ายเสนอนายสาธิตเข้ามาแข่ง มองว่าเป็นเกมที่จะทำให้ฝ่ายรัฐบาลขัดกันเองหรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า คงไม่ถึงขนาดนั้น แต่ก็ไม่ปฏิเสธเลย 100% ที่จริงน่าจะพูดกันก่อน ซึ่งได้ทราบว่าไม่เคยมีการพูดหรือบอกกันก่อน พรรคร่วมรัฐบาลทุกพรรคจึงไม่มีใครรู้ว่าจะเอาใครเป็นประธาน
“ผิดปกติตั้งแต่ต้นแล้วว่าเดิมที นายวิเชียร ชวลิตซึ่งเป็นเจ้าของร่างและเป็นคนเสนอในสภาฯและสรุปในสภาฯ เมื่อถึงเวลากลับไม่มีชื่อนายวิเชียรเข้ามาเป็นกรรมาธิการ แสดงว่ายังไม่ได้พูดคุยอะไรกันให้เข้าใจชัดเจน ผมมองว่ารัฐมนตรีไม่ค่อยมีเวลาทำหน้าที่ แต่ก็มีรองประธานกรรมาธิการทำหน้าที่ได้ แต่กฎหมายลูกนี้มี 2 ฉบับ ต้องทำงานแข่งกับเวลา จึงไม่เหมือนฎหมายธรรมดา” นายวิษณุ กล่าว
เมื่อถามว่า แสดงว่าเอกภาพการทำงานของรัฐบาลในสภามีปัญหาหรือไม่ เพราะเรื่องใหญ่ขนาดนี้ไม่ตกลงกันให้ชัด นายวิษณุ กล่าวว่า แล้วแต่จะคิด ในฐานะที่เป็นรองนายกรัฐมนตรีในรัฐบาลนี้ ได้ประเมินการทำงานไว้ แต่ไม่ขอแสดงความเห็นต่อสาธารณชน
เมื่อถามย้ำว่างานสภาฯของฝ่ายรัฐบาลจะต้องมีการปรับปรุงหรือไม่นั้น นายวิษณุ ตอบว่า ต้องปรับปรุง แต่ไม่ตอบว่าต้องปรับปรุงอย่างไร ส่วนจะทำตามหรือไม่นั้น ไม่ทราบ ส่วนที่เชิญนายนิโรธ สุนทรเลขา ประธานวิปรัฐบาล มาพบ ไม่ได้พูดคุยเรื่องดังกล่าวและไม่ได้ให้คำแนะนำใด ๆ
ส่วนกรณีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีวิจารณ์ว่าเป็นการส่งสัญญาณเตือนถึงเสถียรภาพของนายกรัฐมนตรีและรัฐบาล นายวิษณุ กล่าวว่า คนที่ห่วงใยถึงเสถียรภาพรัฐบาลคงมีอยู่แล้ว ให้เขาทำงานของเขาไป และไม่ได้หยิบยกเรื่องนี้ไปพูดคุยกับนายกรัฐมนตรี เพราะตนไม่เกี่ยวกับการทำงานในส่วนของสภาฯ แต่ในฐานะเป็นหนึ่งในรัฐบาลก็ยอมรับว่าห่วงใย
เมื่อถามว่าหากเกิดอุบัติเหตุทางการเมืองรัฐบาลจะมีทางออกอย่างไร นายวิษณุ กล่าวว่า ว่า ที่ผ่านมาเพียงปรารภและพูดคุยกับนายกรัฐมนตรีทั่วไปเท่านั้น ไม่ใช่การปรึกษา ยืนยันไม่มีข้อกังวลเรื่องอุบัติเหตุทางการเมือง
ส่วนไทม์ไลน์ของรัฐบาลขณะนี้จะไม่เกี่ยวข้องกับอุบัติเหตุหรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า ไม่เกี่ยวอะไรกัน เพราะไทม์ไลน์คือตารางเวลาที่กำหนดไว้ คำว่าอุบัติเหตุคือเหตุที่ไม่คาดคิดว่าจะเกิด ถ้าเกิดโดยคาดคิดแสดงว่าไม่ใช่อุบัติเหตุ เป็นเรื่องจงใจจะให้มันเกิด ซึ่งทุกอย่างโดยปกติแล้วจะมีทางออกและแผนรองรับไว้เสมอ
ส่วนรัฐบาลจะอยู่ครบเทอมจนถึงปี 2566 หรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่าให้ไปสอบถามพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ดีกว่า น่าจะอ่านอะไรได้ขาดกว่าตน ส่วนที่เคยบอกไว้ว่าหากไม่มีทางออกก็ไปออกทางเข้า ยังใช้ได้ ซึ่งเป็นประตูเดียวกัน ส่วนการยุบสภาจะเป็นอุบัติเหตุทางการเมืองหรือไม่ ไม่ทราบ สื่อมวลชนพูดกันไปเองทั้งนั้น
นายวิษณุ กล่าวถึงการจะกลับไปใช้บัตรเลือกตั้งใบเดียว ว่า ทำได้ แต่ต้องไปแก้รัฐธรรมนูญ ส่วนจะแก้ได้หรือไม่ก็อีกเรื่อง และคงไม่จำเป็นต้องตอบสังคม เพราะมองว่ามีเรื่องอื่นที่จะต้องทำอีกมาก ถ้าจะแก้ไขก็แก้เรื่องอื่น.-สำนักข่าวไทย