จ.ยะลา 15 ธ.ค.-นายกฯ ประชุมส่วนราชการ จชต. ขอบคุณทุกภาคส่วนร่วมแก้ปัญหาเต็มที่ ยันรัฐบาลทำทุกอย่างตามหลักสากล ย้ำสร้างความเข้าใจที่ถูกต้อง อย่าสร้างเกลียดชังในสังคม
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานประชุมการบูรณาการแก้ไขสถานการณ์โควิด-19 ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ งานด้านความมั่นคง และด้านการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยมีพล.ร.ต.สมเกียรติ ผลประยูร เลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (เลขาธิการ ศอ.บต.) พล.ท. เกรียงไกร ศรีรักษ์ แม่ทัพภาคที่ 4 ผู้อํานวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ผู้ว่าราชการจังหวัดยะลา ปัตตานี นราธิวาส สงขลา สตูล และหัวหน้าส่วนราชการร่วมประชุม
พล.ร.ต.สมเกียรติ ผลประยูร เลขาธิการ ศอ.บต. รายงานความคืบหน้าการพัฒนาแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้(จชต.) ว่า ดำเนินงานผ่านกลไก 2 ส่วนในการพัฒนาคือตามแผนบูรณาการแก้ไขปัญหาจชต. และกลไกคณะกรรมการยุทธศาสตร์การพัฒนาจชต.(กพต.) ทั้งในส่วนของการแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในพื้นที่ การสนับสนุนการฝึกทักษะเพื่อประกอบอาชีพอิสระ จำนวน 6,178 ราย สนับสนุนให้รวมกลุ่มอาชีพในชุมชน 2,952 ราย จัดส่งไปทำงานโรงงานในพื้นที่ 840 ราย นอกพื้นที่ 3,448 ราย
“ส่วนการพัฒนาในระดับฐานราก ตั้งแต่ครัวเรือนจนถึงตำบล ศอ.บต. ขับเคลื่อนผ่านโครงการมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน พร้อมแก้ไขปัญหาระดับอนุภูมิภาค ได้เร่งแก้ปัญหาความยากจนแบบแม่นยำ ภายใต้โครงการนำร่อง 1 ข้าราชการ 1 ครัวเรือนยากจน มอบข้าราชการและเจ้าหน้าที่ ศอ.บต. จำนวน 319 คน ประกบครัวเรือนยากจนนำร่อง 379 ราย โดยใช้ข้อมูลคนจน (TPMAP) เพื่อกำหนดเป้าหมายเร่งด่วน ตามแผนโครงการปี 2565 ต่อเนื่องถึงปี 2566 มีเป้าหมายให้ครัวเรือนยากจนมาก พ้นเกณฑ์ความจน 5 มิติ โดยผลักดันร่วมกับหน่วยงานบูรณาการด้านการพัฒนา 38 หน่วยงาน” เลขาธิการศอ.บต. กล่าว
พล.ร.ต.สมเกียรติ กล่าวว่า ศอ.บต.สนับสนุนพื้นที่จชต.ให้เป็นเมืองผลไม้ โดยในปี 2564 ส่งออกทุเรียน เงาะ มังคุด ลองกอง ทั้งแบบสดและแปรรูปมูลค่ากว่า 5,747 ล้านบาท จำหน่ายทั้งตลาดภายในและส่งออกไปต่างประเทศ ด้านโครงข่ายคมนาคมจังหวัดชายแดนใต้มีความคืบหน้าทั้งทางบก ทางราง ทางอากาศ และทางน้ำ ภาพรวมโครงสร้างพื้นฐานมีการเปลี่ยนแปลงชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน ช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตให้มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น
พล.ท. เกรียงไกร ศรีรักษ์ แม่ทัพภาคที่ 4 กล่าวสรุปงานความมั่นคงว่า การก่อเหตุความรุนแรงในพื้นที่ลดลงและมีแนวโน้มที่ดีตามลำดับ แต่ยังพบการก่อเหตุเชิงสัญลักษณ์ผ่านรูปแบบต่าง ๆ เพื่อหล่อเลี้ยงความรุนแรงให้คงอยู่ โดยในปี 64 ก่อเหตุเพิ่มขึ้นจากปี 63 ร้อยละ 37.5 มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บลดลง ความเชื่อมั่นด้านความมั่นคงในพื้นที่เพิ่มขึ้น
นายกรัฐมนตรี กล่าวขอบคุณทุกภาคส่วนในพื้นที่ที่บูรณาการร่วมมือทำงานแกัไขปัญหาอย่างเต็มที่ ช่วยกันแก้ไขปัญหาไปในทางที่ดีขึ้น รัฐบาลทำงานภายใต้ระบอบประชาธิปไตย ภายใต้กรอบของกฎหมาย ยืนยันรัฐบาลทำทุกอย่างถูกต้องตามหลักสากล ขอให้ร่วมมือกับภาครัฐแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ที่ผ่านมาทั่วโลกและไทยประสบปัญหาการแพร่ระบาดโควิด-19 โดยเฉพาะเรื่องงบประมาณทำให้ต้องบริหารการใช้งบประมาณให้เกิดประสิทธิภาพ ก่อให้เกิดประโยชน์ต่อประชาชนและประเทศชาติมากที่สุด
ส่วนการฉีดวัคซีน นายกรัฐมนตรี กำชับส่วนราชการในพื้นที่ เร่งฉีดวัคซีนให้ประชาชนมากที่สุด ส่งเสริมประชาชนให้เข้ารับการตรวจหาเชื้อโควิด-19 ในเบื้องต้น เพื่อลดอัตราการเสียชีวิต ทั้งนี้ ประชาชนทุกคนต้องรับผิดชอบต่อสังคม ไม่ตื่นตระหนกจนเกินไป ขอให้รับฟังข้อมูลข่าวสารอย่างมีเหตุผล
ด้านความมั่นคง นายกรัฐมนตรี เน้นย้ำให้เตรียมรับมือภัยในรูปแบบใหม่ด้านต่าง ๆ สิ่งสำคัญคือต้องช่วยกันสร้างความเข้าใจที่ถูกต้อง อย่าสร้างความเกลียดชังขึ้นในสังคม ทุกคนต้องอยู่ร่วมกันได้อย่างสงบสุข และที่สำคัญทุกคนต้องเข้มแข็ง มีความสามัคคี มีความรักชาติ ศาสนา ต้องยืนหยัดต่อสู้กับปัญหาไปให้ได้ด้วยความเป็นไทย
“รัฐบาลมีเจตนารมณ์มุ่งมั่นขับเคลื่อนงานด้านความมั่นคง และงานด้านการพัฒนาในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ยกให้เป็นเรื่องสำคัญเร่งด่วน โดยกำหนดเป้าหมายตัวชี้วัดผลสัมฤทธิ์ว่าเหตุการณ์ในพื้นที่ต้องลดลง ขณะที่อัตราการพัฒนาทางเศรษฐกิจต้องสูงขึ้นในทุกด้าน เพื่อวัดผลสัมฤทธิ์ของการปฏิบัติงานของทุกส่วนราชการร่วมกัน เพื่อประโยชน์และความสุขของประชาชนและประเทศชาติต่อไป” นายกรัฐมนตรี กล่าว.-สำนักข่าวไทย