กรุงเทพฯ 11 พ.ย.- มท.1 สั่งการผู้ว่าฯ ทั่วประเทศ เตรียมรับมือไฟป่า หมอกควัน และฝุ่น PM2.5 เร่งสร้างการรับรู้และการมีส่วนร่วมของประชาชน
พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะผู้บัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ เปิดเผยว่า ในช่วงปลายฤดูหนาวของทุกปี จะเกิดสถานการณ์ค่าฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM2.5) เกินมาตรฐานในหลายพื้นที่ มีสาเหตุหลักทั้งจากธรรมชาติ และกิจกรรมในชีวิตประจำวัน เช่น การคมนาคมขนส่ง การเผาในที่โล่ง ไฟป่า โรงงานอุตสาหกรรม การก่อสร้าง และหมอกควันจากต่างประเทศ รวมถึงสภาพทางอุตุนิยมวิทยา และสภาพภูมิประเทศในบางพื้นที่ของไทย ทั้งนี้ จากสถิติในปี 2564 พบว่าในพื้นที่ภาคเหนือ มีจังหวัดที่ได้รับผลกระทบจากปัญหาค่าฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM2.5) เกินค่ามาตรฐาน รวม 17 จังหวัดภาคเหนือ รวมทั้งในพื้นที่กรุงเทพฯ และในส่วนของการเกิดจุดความร้อน (Hotspot) พบว่าเกิดจุดความร้อน 101,869 จุด มีจุดความร้อนสะสมรวมสูงสุด 3 ลำดับแรก ได้แก่ จังหวัดแม่ฮ่องสอน 11,945 จุด เชียงใหม่ 8,066 จุด และจังหวัดตาก 7,489 จุด
พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า ได้สั่งการไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัด ในฐานะผู้อำนวยการกองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัด ตั้งคณะทำงานเฝ้าระวัง ติดตามสถานการณ์ ทั้งการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ ทิศทางลม การเกิดจุดความร้อน (Hotspot) พร้อมทั้งทบทวนและจัดทำแผนเผชิญเหตุ การแบ่งพื้นที่รับผิดชอบให้เป็นปัจจุบันและชัดเจน และเน้นย้ำให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง บังคับใช้กฎหมายโดยเคร่งครัด พร้อมทั้งสร้างการรับรู้ให้ประชาชนเข้าใจและมีส่วนร่วมตามมาตรการภาครัฐ และต้องให้ความสำคัญในเรื่องความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน ตลอดจนอาสาสมัครที่เข้ามามีส่วนร่วมกับภาครัฐด้วย
ทั้งนี้หากสถานการณ์ไฟป่า หมอกควัน และฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM2.5) มีแนวโน้มทวีความรุนแรงขึ้น ให้สั่งบูรณาการหน่วยงานที่มีทักษะความชำนาญ เป็นชุดปฏิบัติการ พร้อมอุปกรณ์ เครื่องจักรกลสาธารณภัย เข้าแก้ไขปัญหาโดยทันที โดยในพื้นที่ที่เข้าถึงยาก ให้ประสานหน่วยงานที่มีอากาศยาน เช่น เฮลิคอปเตอร์ โดรน สนับสนุนการปฏิบัติโดยเร็ว พร้อมทั้งจัดเจ้าหน้าที่สาธารณสุข ดูแลประชาชนที่มีปัญหาสุขภาพเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ และจัดพื้นที่บริการประชาชนในพื้นที่ปลอดภัย (Safety Zone) และหากประชาชนพบเห็นสถานการณ์ไฟป่า สามารถแจ้งสายด่วนนิรภัย โทร. 1784 สายด่วนศูนย์ดำรงธรรม โทร. 1567 หรือสายด่วนกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช โทร. 1362 ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อเจ้าหน้าที่เข้าดำเนินการได้อย่างทันท่วงที
“หากทุกฝ่ายร่วมมือกัน ก็จะสามารถช่วยลดปัญหาไฟป่า หมอกควัน และฝุ่นละอองขนาดเล็ก ซึ่งมีผลกระทบต่อสุขภาพ และส่งผลให้ปัญหาโลกร้อนทวีความรุนแรงขึ้น จึงขอเชิญชวนพี่น้องประชาชนทุกคน และทุกภาคส่วน ลด ละ เลิก การเผาป่า การเผาเศษวัสดุทางการเกษตร ภาคก่อสร้างปฏิบัติตามกฎหมาย ภาคอุตสาหกรรมตรวจสอบและติดตั้งอุปกรณ์กรองอากาศ และคนใช้รถยนต์ รถจักรยานยนต์ ช่วยกันตรวจสอบสภาพรถ เพื่อไม่ให้ปล่อยควันเสียที่เผาไหม้ไม่หมด เพียงเท่านี้ เราก็จะได้มีส่วนร่วมในการยุติปัญหาสถานการณ์ดังกล่าว ทำให้สิ่งแวดล้อมดี ไม่มีมลพิษในอากาศ และสุขภาพร่างกายก็จะดี อย่างยั่งยืน” พล.อ.อนุพงษ์ กล่าว.-สำนักข่าวไทย