รัฐสภา 31ส.ค.-“พ.ต.อ.ทวี” ระบุ “พล.อ.ประยุทธ์-เฉลิมชัย” ร่วมทุจริต ทำราคายางตก ปูดขบวนการฮั้วประมูล สร้างความเสียหายร้ายแรง
พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชาติ อภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรีและนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยระบุว่า พล.อ.ประยุทธ์มีตำแหน่งประธานคณะกรรมการนโยบายยางธรรมชาติ ส่วนนายเฉลิมชัยมีตำแหน่งเป็นรองประธานฯ ตนมีข้อมูลน่าเชื่อได้ว่านายกรัฐมตรีและนายเฉลิมชัย ทำผิดกฎหมายหลายฉบับ เป็นเจ้าพนักงานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ร่วมกันบงการใช้จ้างวานและยุยงส่งเสริมให้การยางแห่งประเทศไทยกระทำผิด นำเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐโดยฮั้วประมูล กระทำไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญผิดวินัยการเงินการคลัง ไม่มีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์
“ทั้งคู่ได้นำยางในสต็อกของรัฐบาล 1.4 แสนตัน 17 โกดังเอาไประบายฮั้วประมูล โดยเป็นยางที่เกิดจากโครงการพัฒนาศักยภาพสถาบันเกษตรกรเพื่อรักษาเสถียรภาพราคายาง จำนวน 5.3 หมื่นตัน และโครงการมูลภัณฑ์กันชนเพื่อรักษาเสถียรภาพราคายาง จำนวน 5.1 หมื่นตัน ที่บอกว่าฮั้วประมูลเพราะสั่งให้นำยางไปขายในราคา กก.ละ37 บาท ขณะที่ราคายางขณะนั้นอยู่ที่ กก.ละ65 บาท ซึ่งมีส่วนต่างเกือบ 30 บาท ทั้งที่เป็นยางคุณภาพดี สร้างความเสียหายอย่างรุนแรงต่อรัฐบาล ต่อระบบธุรกิจและกับเกษตรกรชาวสวนยางกว่า 1.7 ล้านครอบครัว พื้นที่ปลูกยางรวมกว่า 21 ล้านไร่” พ.ต.อ.ทวี กล่าว
พ.ต.อ.ทวี อภิปรายว่า ขอเรียกว่าเป็นแผนประทุษร้ายเกษตรกรและเศรษฐกิจในประเทศ เป็นการทุจริตเชิงนโยบาย ทั้งนี้ คณะกรรมการนโยบายยางธรรมชาติที่มีพล.อ.ประยุทธ์เป็นประธาน และนายเฉลิมชัยเป็นรองประธาน โดยจุดเริ่มต้นเกิดขึ้นเมื่อ 1 มิ.ย.63 มีดำริให้ระบายยางในสต็อก ปรากฏว่าเมื่อวันที่ 14 ก.ค.63 ทั้งคู่ได้แต่งตั้งผู้ว่าการยางแห่งประเทศไทยคนใหม่ จุดที่เริ่มไปสู่หายนะของวงการยาง คือเมื่อวันที่ 14 ก.ย.63 นายเฉลิมชัยเสนอครม.ขอขายยาง ต่อมา 3 พ.ย.63 ครม.มีมติให้เร่งรัดระบายยางให้หมดโดยเร็ว ทั้งที่ราคายางไม่มีเสถียรภาพ ราคามีแต่ดิ่งลง ท่านไม่มีสิทธินำมาขายด้วยซ้ำ นี่คือคำสั่งบงการใช้จางวานสั่งให้ รมว.เกษตรฯ ไปขาย ซึ่งมติ ครม.ดังกล่าวส่อไปทางผิดกฎหมายหลายประการ เช่น ข้อบังคับ คกก.ยางแห่งประเทศไทยว่าด้วยการจัดซื้อจัดจ้างเกี่ยวกับการพาณิชย์ พ.ศ.2561 ข้อ 6 ออกตาม พ.ร.บ.การจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ.2560 มาตรา 8 ที่ต้องคุ้มค่า โปร่งใส ตรวจสอบได้ และพ.ร.บ.ฮั้วประมูลฯ ที่ต้องไม่เอื้อประโยชน์ให้ใครคนใดคนหนึ่ง
พ.ต.อ.ทวี กล่าวว่า มีการทุบราคายางผ่านคณะกรรมการบริหารสต็อกยางฯ โดยเมื่อมี.ค.64 ราคาอยู่ที่ประมาณ 37 บาทต่อ กก.ขณะที่ราคาตลาดอยู่ที่ 67 บาท ขณะที่ทีโออาร์ก็ล็อกสเปกต้องเหมาทั้ง 17 โกดัง แสนกว่าตัน ต้องแสดงหลักฐานการเงิน 1 พันล้านบาท วางหลักประกัน 200 ล้านบาท สุดท้าย 20 เม.ย.64 มีเพียงบริษัทเสนอราคารายเดียวและชนะประมูล ซึ่งราคาส่วนต่างนี้ทำให้เงินหายไปเยอะมาก ซึ่งเป็นหนี้สาธารณะ เป็นภาษีอากรของคนตัวเล็กตัวน้อย และหลังจากเซ็นสัญญาซื้อขาย ครม.แปลงสารโดยสั่งให้ระบายยางออกให้หมดโดยเร็ว ซึ่งนอกจากตั้งคณะกรรมการขึ้นมาทุบราคาแล้ว ยังปิดบังสัญญาซื้อขายด้วย
“จากพฤติกรรมดังกล่าวทั้งพล.อ.ประยุทธ์และนายเฉลิมชัยทุจริตเชิงนโยบาย เอายางที่ต้องใช้รักษาเสถียรภาพราคาเอาออกมาขาย อาชญากรไม่ได้หมายความถึงผู้ที่กระทำอาชญากรรมเท่านั้น เขาให้หมายความรวมถึงคำสั่งของคณะรัฐมนตรีที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย และผู้บังคับใช้กฎหมาย การขายยางครั้งนี้จะเกิดขึ้นไมได้เลยถ้าไม่มีมติ ครม. นี่จึงเป็นที่มาของการทุจริต สร้างความเสียหายร้ายแรง คือทำให้เราต้องใช้หนี้สาธารณะจำนวนมาก ไม่สามารถรักษาเสถียรภาพราคายางได้ รับใช้นักธุรกิจ ทุจริตโดยการทุบราคายาง ผมจึงไม่ไว้วางใจ พล.อ.ประยุทธ์และนายเฉลิมชัย” พ.ต.อ.ทวี กล่าว.-สำนักข่าวไทย