กรุงเทพฯ 14 ก.ค.-นายกฯ เน้นความสำคัญเทคโนโลยีดิจิทัลและนวัตกรรม ย้ำให้ประชาชนเข้าถึงบริการ free wi-fi หวังดึงคนรุ่นใหม่ร่วมงาน รองรับการพัฒนาประเทศในอนาคต
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ครั้งที่ 2/2564 ผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอร์เร้นทร์โดยมีพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) น.ส.อัจฉรินทร์ พัฒนพันธ์ชัย ปลัดกระทรวงดิจิทัลฯ ร่วมประชุม
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ขณะนี้ประเทศไทยและทั่วโลกกำลังเผชิญกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 จึงขอให้ทุกคนและทุกหน่วยงานต้องเตรียมรองรับสถานการณ์และปรับตัวในรูปแบบ New Normal เพี่อให้ดำรงชีวิตอยู่ได้อย่างปลอดภัยทั้งการดูแลสุขภาพ เศรษฐกิจ สังคม และกิจกรรมอื่น ๆ รวมถึงเตรียมความพร้อมประเทศด้านเทคโนโลยีดิจิทัลและนวัตกรรม โดยกำหนดแนวทางที่สามารถนำไปปฏิบัติให้เกิดผลเป็นรูปธรรมอย่างแท้จริง จัดลำดับความสำคัญเร่งด่วนของโครงการให้สอดคล้องกับห้วงเวลาที่กำหนดและยุทธศาสตร์ชาติ รวมทั้งใช้จ่ายงบประมาณให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ โปร่งใส เป็นธรรม เกิดประโยชน์ต่อส่วนรวมและประเทศ
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การพัฒนาบุคลากรด้านเทคโนโลยีดิจิทัลของประเทศ ทั้งในส่วนสถานบันการศึกษาต่าง ๆ และการทำงานร่วมกับภาคเอกชน เป็นเรื่องสำคัญ โดยเฉพาะการดึงกลุ่ม Start up คนรุ่นใหม่ที่มีความรู้ความสามารถมาร่วมทำงานด้วย เพื่อขับเคลื่อนประเทศไปสู่สังคมเทคโนโลยีดิจิทัลและนวัตกรรมในอนาคตตามเป้าหมายที่กำหนด
นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงโครงการบริการฟรีอินเทอร์เน็ตไร้สาย ว่า ขอให้ บริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ร่วมมือกันดำเนินการ ช่วยกันรับผิดชอบดูแล โดยห้ประชาชนเข้าถึง free wi-fi และบริการออนไลน์ แอปพลิเคชันต่าง ๆ ที่เป็นประโยชน์ รวมถึงโครงการให้ความช่วยเหลือตามนโยบายรัฐบาลอย่างมีประสิทธิภาพ ขณะเดียวกันต้องมีมาตรการดูแลการใช้งานที่ไม่ถูกต้องหรือผิดกฎหมายด้วย ซึ่งที่ผ่านมาสามารถจับกุมผู้กระทำผิดได้ แต่ยังกระทำผิดซ้ำ โดยจะเสนอให้ปรับปรุงกฎหมาย เพิ่มโทษผู้กระทำความผิดด้วย
ทั้งนี้ ที่ประชุมรับทราบแผนปฏิบัติการด้านปัญญาประดิษฐ์แห่งชาติเพื่อการพัฒนาประเทศไทยระยะ 7 ปี (พ.ศ. 2564 – 2570) แบ่งเป็น ชุดโครงการระยะเร่งด่วน ดำเนินการภายใน 2 ปี (พ.ศ. 2564-2565) และระยะที่ 2 (พ.ศ.2566-2570) มีเป้าหมายเพื่อเตรียมโครงสร้างพื้นฐานด้านกำลังคนด้านปัญญาประดิษฐ์ (AI) ส่งเสริมผู้ประกอบการหน้าใหม่ การพัฒนาเทคโนโลยีและประยุกต์ใช้ AI เพื่อช่วยยกระดับมูลค่าทางเศรษฐกิจ และยกระดับคุณภาพประชาชน
ที่ประชุมเน้นย้ำเรื่องการสร้างบุคลากร กำลังคนที่ผลิตจากสถาบันการศึกษาการทำงานร่วมกับผู้ประกอบการและภาคอุตสาหกรรมต่าง ๆ ที่ประยุกต์ใช้เทคโนโลยีหรือใช้ประโยชน์จากข้อมูลในมิติต่าง ๆ เพื่อให้ AI ช่วยยกระดับมูลค่าของธุรกิจหรือบริการที่ดีขึ้น โดยตั้งเป้าหมายการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ AI ตามแผนงาน 7 ปี สร้างทรัพยากรบุคคลของประเทศที่มีศักยภาพตามสาขาความต้องการด้าน AI เพิ่มขึ้นร้อยละ 20 ต่อปีหรือประมาณ 7 แสนคนใน 7 ปี ลงทุนด้าน AI ในภาครัฐและภาคอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้นร้อยละ 10 ต่อปี หรือ 3 หมื่นรายใน 7 ปี เกิดธุรกิจใหม่และนวัตกรรมบริการที่ใช้เทคโนโลยี AI เพิ่มขึ้นใม่ต่ำกว่า 700 ราย ใน 7 ปี และยกระดับขีดความสามารถแข่งขันของประเทศ
ที่ประชุมเห็นชอบในหลักการให้โอนทรัพย์สิน อุปกรณ์และโครงข่ายฯ รวมถึงระบบควบคุมส่วนกลางภายใต้โครงการเน็ตประชารัฐและโครงการขยายอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิต (โครงการงบ Big Rock) ซึ่งเป็นส่วนต่อขยายของโครงข่ายเน็ตประชารัฐ ให้กับบมจ.โทรคมนาคมแห่งชาติ (NT) ภายในวันที่ 31 ตุลาคม 2564 โดย NT จะต้องบริการอินเทอร์เน็ตสาธารณะประจำหมู่บ้านอย่างต่อเนื่องในราคาถูก ทั้งนี้ กระทรวงดีอีเอส โดย NT จะร่วมมือกับท้องถิ่น ในการจัดให้มีบริการอินเทอร์เน็ตสาธารณะประจำหมู่บ้าน 24,700 หมู่บ้าน ซึ่งก่อนหน้าได้มีการวางโครงข่ายเน็ตประชารัฐครอบคลุมไว้แล้ว พร้อมมอบนโยบายให้ท้องถิ่นรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการจัดให้มีบริการดังกล่าว.-สำนักข่าวไทย