กทม. 9 ก.ค. -ประธานศาลฎีกา ออกสารถึงตุลาการข้าราชการศาลยุติธรรม คำนึงถึงความปลอดภัยประชาชนจากสถานการณ์โควิด-19 เป็นสำคัญ หากไม่สามารถพิจารณาคดีออนไลน์หรือวิธีปลอดภัยได้ ก็ให้เลื่อนคดี ไม่ให้เกิดความสูญเสีย
นางเมทินี ชโลธร ประธานศาลฎีกา ได้ออกสารประธานศาลฎีกา มีความว่าผู้พิพากษา ข้าราชการและบุคลากรในศาลยุติธรรมทุกคน ขณะนี้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ในประเทศไทยยังทวีความรุนแรงอย่างต่อเนื่อง ดังจะเห็นได้จากสถิติจำนวนผู้ติดเชื้อใหม่และผู้เสียชีวิตจากโรคดังกล่าวในแต่ละวัน บุคลากรทางการแพทย์ต้องทำงานอย่างหนักต่อเนื่องยาวนานด้วยความเสียสละ เพื่อรักษาชีวิตและดูแลสุขภาพของพี่น้องประชาชน สถานการณ์นี้ไม่เพียงเป็นปัญหาในทางสุขอนามัยเท่านั้น แต่ยังก่อให้เกิดปัญหานานัปการทั้งในด้านเศรษฐกิจ สังคม การศึกษา ประชาชนจำนวนมากไม่อาจประกอบอาชีพได้ตามปกติ ขาดรายได้มาจุนเจือครอบครัว ทั้งความสูญเสียที่เกิดขึ้นยังบั่นทอนกำลังใจของผู้คน ทำให้ขาดความเชื่อมั่นในการดำเนินชีวิตประจำวันว่าจะสามารถใช้ชีวิตไปได้ด้วยความปลอดภัย
นางเมทินี ระบุว่า ในส่วนของศาลยุติธรรม ซึ่งมีอำนาจหน้าที่ในการพิจารณาพิพากษาอรรถคดีย่อมหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องเผชิญปัญหา ในการปฏิบัติหน้าที่ เนื่องจากปกติแล้วในแต่ละวัน จะมีคู่ความและผู้เกี่ยวข้องเข้ามาใช้บริการในศาลจำนวนมาก แต่ด้วยสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ศาลยุติธรรมจึงจำเป็นต้องปรับตัวเพื่อทำงานในวิถีใหม่โดยคำนึงถึงความปลอดภัยของประชาชน ผู้มาติดต่อราชการและบุคลากรของศาลยุติธรรมเป็นสำคัญยิ่งกว่าสิ่งใด ในช่วงต้นของสถานการณ์การแพร่ระบาด จึงได้มีการนำมาตรการเลื่อนคดีส่วนใหญ่มาใช้ แต่อย่างไรก็ตามการเลื่อนคดีออกไปโดยไม่ทราบระยะเวลาสิ้นสุด ย่อมทำให้คดีล่าช้าส่งผลกระทบต่อคู่ความ โดยเฉพาะคดีอาญาที่จำเลยถูกคุมขังระหว่างพิจารณา จึงได้มีการนำวิธีพิจารณาคดีทางอิเล็กทรอนิกส์มาใช้ เพื่อให้คดีบางส่วนสามารถดำเนินไปได้โดยปลอดภัยแก่ทุกฝ่าย ทั้งได้ออกคำแนะนำตลอดจนระเบียบราชการต่างๆ เพื่อสนับสนุนการทำงานของผู้พิพากษาในอันที่จะเป็นคุ้มครองสิทธิของผู้เกี่ยวข้องแม้อยู่ในสถานการณ์อันยากลำบาก
นางเมทินี ระบุว่าได้มอบหมายให้สำนักงานศาลยุติธรรมเร่งดำเนินการสนับสนุนอุปกรณ์และเทคโนโลยีต่าง ๆ เพื่อให้การทำงานในวิถีใหม่สามารถดำเนินไปได้โดยราบรื่น ซึ่งก็ได้รับความร่วมมืออย่างดีจากผู้พิพากษา ข้าราชการและบุคลากรของศาลในยุติธรรมทั่วประเทศ และด้วยจิตสำนึกของความรับผิดชอบต่อประชาชน ความเสียสละ และความตระหนักต่อภาระหน้าที่ศาลยุติธรรมทุกแห่ง จึงสามารถบริหารจัดการคดีไปได้ตามสมควรแก่สภาวการณ์ จึงขอขอบคุณผู้พิพากษา ข้าราชการและบุคลากรในศาลยุติธรรมทุกคน ที่ช่วยกันปฏิบัติหน้าที่อย่างเข้มแข็ง เต็มกำลังความสามารถเพื่ออำนวยความยุติธรรมแก่ประชาชน ผู้มีอรรถคดี แม้ส่วนหนึ่งจะยังคงมีความกังวลใจในความปลอดภัย อันแสดงให้เห็นถึงความสำนึกในหน้าที่และความเสียสละของทุกคน เพื่อให้ศาลเป็นที่พึ่งของประชาชนได้อย่างแท้จริง
“แต่ด้วยสถานการณ์ที่มีแนวโน้มที่จะมีการแพร่ระบาดของโรครุนแรงขึ้นและยาวนานกว่าที่คาดไว้ จึงอยากเน้นย้ำให้ทุกคนให้ความสำคัญกับความปลอดภัยของประชาชนและบุคลากรในศาลยุติธรรมยิ่งขึ้น พึงให้ความเมตตาห่วงใยและเข้าใจในความรู้สึกของประชาชน ที่ต้องเสี่ยงต่อความปลอดภัยเมื่อมาที่ศาลเป็นสำคัญ หากไม่สามารถพิจารณาคดีทางอิเล็กทรอนิกส์หรือไม่อาจพิจารณาคดีโดยวิธีอื่นได้ด้วยความปลอดภัยอย่างแท้จริง ก็พึงเลื่อนคดีออกไปก่อนเพื่อมิให้เกิดความสูญเสียใด ๆ “ ประธานศาลฎีการะบุ.-สำนักข่าวไทย