นายกฯ เผยมีเตียงว่างรับผู้ป่วยโควิดกว่า 3 หมื่น

ทำเนียบรัฐบาล 5 พ.ค.-นายกฯ เผยมีเตียงว่างรองรับผู้ป่วยโควิดกว่า 3 หมื่นเตียง เตรียมเปิด รพ.สนามเพิ่มที่อิมแพค อารีนา-ทุ่งครุ ใช้โมเดลสมุทรสาครสกัดแพร่เชื้อ เร่งตรวจเชิงรุกคลองเตย ตั้งศูนย์บูรณาการเร่งแก้ปัญหา


พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม แถลงภายหลังเป็นประธานประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ซึ่งใช้เวลากว่า 6 ชั่วโมง โดยนายกรัฐมนตรี แถลงผ่านเพจไทยคู่ฟ้า ว่า ในฐานะนายกรัฐมนตรีและผู้อำนวยการศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19 : ศบค.) ได้ติดตามการแพร่ระบาดของโควิด-19 ระลอกใหม่ที่ระบาดเป็นวงกว้างอย่างใกล้ชิด และสั่งการให้แก้ไขทั้งการบูรณาการเรื่องเตียงและโรงพยาบาลสนามทั้งหมด โดยให้จัดแบ่งกลุ่มผู้เข้ารับการรักษาพยาบาลตามระดับอาการเป็น 3 กลุ่ม คือ ระดับสีเขียว เหลือง แดง

“ที่ผ่านมาสามารถจัดการให้ผู้ป่วยรอเตียงที่ตกค้างเข้าสู่ระบบการรักษาตามที่แบ่งไว้ 3 กลุ่ม โดยปัจจุบันไม่มีผู้ป่วยที่ต้องรอเตียงเกิน 48 ชั่วโมง นอกจากนี้ ได้จัดตั้งศูนย์แรกรับและส่งต่อที่อาคารนิมิบุตร สนามกีฬาแห่งชาติ ทำให้สามารถแยกตัวผู้ป่วยออกจากชุมชนได้ทันที และนับจากวันจัดตั้ง สามารถส่งต่อผู้ป่วยที่รับเข้ามาไปแล้วถึง 96% ทำให้ขณะนี้มีเตียงว่างพร้อมรองรับผู้ป่วยที่มีมากขึ้น ทั้ง Hospitel และโรงพยาบาลสนาม รวมทั่วประเทศมากกว่า 30,000 เตียง และรัฐบาลกำลังพิจารณาจัดตั้งโรงพยาบาลสนามเพิ่มเติมในกรุงเทพฯ ที่อิมแพค อารีนา เมืองทองธานี เพื่อรองรับผู้ป่วยในพื้นที่กรุงเทพฯ ขอขอบคุณทุกหน่วยงาน และทุกคน ทุกองค์กรจิตอาสา ที่ได้ให้ความร่วมมือช่วยเหลือกัน จนสามารถแก้ไขปัญหาในเรื่องนี้ได้” นายกรัฐมนตรี กล่าว


นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีคลัสเตอร์คลองเตยว่า ได้ติดตามอย่างใกล้ชิดเป็นพิเศษ และสั่งการให้ทุกหน่วยงานระดมสรรพกำลังควบคุมการแพร่ระบาดให้ได้โดยเร็วที่สุด โดยใช้ประสบการณ์จากการจัดการใน จ.สมุทรสาคร ได้สำเร็จมาปรับใช้ โดยใช้โมเดล “ตรวจเชื้อ ติดต่อ คัดกรอง แยกตัว ส่งต่อ และรักษา” โดยเน้นการตรวจเชิงรุก Active Case Finding ที่ระดมตรวจกลุ่มเสี่ยงในชุมชนที่ติดเชื้อให้ได้อย่างน้อย 1,000 คน/วัน โดยหน่วยเคลื่อนที่และรถเก็บตัวอย่างชีวนิรภัยพระราชทาน โดยจะตรวจเชิงรุกให้ได้อย่างน้อยทั้งหมด 20,000 คน

“จากนั้นจะดำเนินการตามขั้นตอนต่อไปทันที คือ แยกผู้ป่วยตามระดับอาการแล้วส่งตัวเข้าสถานพยาบาลแรกรับ เพื่อส่งไปรักษาตัวต่อ ซึ่งจะเป็นการจำกัดวงการแพร่ระบาดให้วงเล็กที่สุด และในเวลาเดียวกันจะระดมการฉีดวัคซีนโควิด เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันให้ประชาชนในพื้นที่เสี่ยง ซึ่งแนวทางนี้พิสูจน์ว่าประสบความสำเร็จมาแล้วจากกรณีสมุทรสาคร โดยขณะนี้กระทรวงสาธารณสุข ร่วมกับกระทรวงคมนาคม และการท่าเรือแห่งประเทศไทย จัดพื้นที่ตรวจเชิงรุกพี่น้องชาวชุมชนคลองเตยได้อีกถึง 700 คน/วัน” นายกรัฐมนตรี กล่าว

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ได้กำชับให้เร่งแก้ไขปัญหาสำรองเตียงสำหรับผู้ป่วยอาการหนัก โดยเฉพาะในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล ซึ่งขณะนี้ยังมีเพียงพอ อย่างไรก็ตาม ต้องขยายเพิ่มเพื่อรองรับผู้ป่วยอาการหนักกรณีฉุกเฉิน เปิดโรงพยาบาลสนามที่สนามกีฬาเฉลิมพระเกียรติ เขตทุ่งครุ เพิ่มจำนวนเตียงสำหรับผู้ป่วยอาการหนักอีก 432 เตียง อำนวยความสะดวกให้บุคลากรทางการแพทย์ดูแลผู้ป่วยอย่างทั่วถึง


“หลักการที่ผมเน้นย้ำเป็นหัวใจของการจัดการสถานการณ์ทุกอย่าง คือ ต้องทำทุกทางเพื่อลดการสูญเสียให้มากที่สุด ส่วนยาฟาวิพิราเวียร์ที่ใช้ในการรักษาได้สำรองไว้แล้วอย่างเพียงพอ เหลือในสตอก 1.5 ล้านเม็ด กระจายไปยังทุกเขตสุขภาพทั่วประเทศ และจะได้รับเพิ่มอีก 3 ล้านเม็ด ในเดือนนี้ จึงไม่ต้องกังวลว่ายาจะไม่พอ” นายกรัฐมนตรี กล่าว

นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีการจัดหาและการฉีดวัคซีนตามเป้าหมายภายในสิ้นปีนี้ว่า ประชากรในประเทศไทยต้องได้รับวัคซีนอย่างน้อยร้อยละ 70 หรือคิดเป็นประชากร 50 ล้านคน โดยต้องใช้วัคซีนทั้งสิ้น 100 ล้านโดส ซึ่งได้ร่วมมือกับภาคเอกชนเพิ่มจุดบริการฉีดวัคซีนให้มากขึ้น โดยตั้งเป้าว่าต้องฉีดวัคซีนให้ได้เดือนละ 15 ล้านโดส เพื่อเอาชนะสงครามโควิดในครั้งนี้ให้ได้

“เพื่อให้การจัดการสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิดในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ซึ่งเป็นพื้นที่เศรษฐกิจสำคัญและมีโครงสร้างการบริหารงานที่แตกต่างจากพื้นที่อื่น จึงตั้งศูนย์บูรณาการแก้ไขสถานการณ์โควิด-19 ในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑลขึ้น เพื่อบูรณาการการทำงานของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ให้แก้ปัญหาได้อย่างเร่งด่วน โดยผมเป็นผู้อำนวยการศูนย์ฯ ซึ่งการดำเนินการของศูนย์นี้จะเป็นแนวทางการแก้ไขปัญหาของจังหวัดอื่น ๆ ต่อไป” นายกรัฐมนตรี กล่าว

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ได้แต่งตั้งคณะกรรมการเฉพาะกิจเพื่อบูรณาการด้านการแพทย์และสาธารณสุข โดยทั้งสองคณะและ ศบค.ทุกชุด จะมีคณะที่ปรึกษาด้านการสาธารณสุขในศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 ให้คำปรึกษา ซึ่งมี นพ.ปิยะสกล สกลสัตยาทร เป็นประธาน รวมทั้งมีอาจารย์แพทย์ผู้ทรงคุณวุฒิอื่น ๆ เป็นกรรมการ เพื่อให้ข้อเสนอแนะตามหลักวิชาการสาธารณสุข และเชื่อมประสานกับโรงพยาบาลต่าง ๆ ได้อย่างดีด้วย.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ประหารชีวิตแอมไซยาไนด์

ศาลอาญาพิพากษาประหารชีวิต “แอม ไซยาไนด์”

ศาลอาญาพิพากษาประหารชีวิต “แอม ไซยาไนด์” ส่วนอดีตสามี คุก 1 ปี 4 เดือน “ทนายพัช” คุก 2 ปี ไม่รอลงอาญา ชดใช้ ให้ผู้เสียหายกว่า 2 ล้านบาท

นายกฯ ถกตั้งนายพลตำรวจ 41 ตำแหน่ง ยันไม่มีการเมืองแทรก

นายกฯ ถกแต่งตั้งนายพลตำรวจ 41 ตำแหน่ง ยันไม่มีการเมืองแทรก ยึดตาม พ.ร.บ.ตำรวจ ฉบับใหม่ พลิกโผ ‘สยาม บุญสม’ ผงาดคุมนครบาล ‘สันติ ชัยนิรามัย’ นั่ง ผบช.ปส. ‘ไตรรงค์ ผิวพรรณ’ โยกคุมไซเบอร์ ‘ภาณุมาศ บุญญลักษม์’ ขึ้นเป็น ผบช.สตม.

ดีเอสไอพบเส้นเงินโอนจากแม่ถึงนักการเมือง ส. เกือบ 100 ล้าน

ดีเอสไอพบเส้นเงินโอนจากแม่ถึงนักการเมือง ส. เกือบ 100 ล้านบาท จำนวนนี้พบโอนจาก “บอสพอล-บอสปีเตอร์” ด้วย เร่งขยายผลมีบอสรายอื่นโอนเข้าบัญชีดังกล่าวอีกหรือไม่

ข่าวแนะนำ

อุตุฯ เผยเหนือ-อีสาน อากาศเย็นในตอนเช้า ภาคใต้ฝนตกหนักบางแห่ง

กรมอุตุฯ เผยภาคเหนือ ภาคอีสาน มีอากาศเย็นในตอนเช้า ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนดูแลรักษาสุขภาพเนื่องจากสภาวะอากาศที่เปลี่ยนแปลง ส่วนภาคใต้ มีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง

“เอวา” เสือโคร่งสายแบ๊ว ดาวรุ่งดวงใหม่

หน้าตาที่น่ารักบ้องแบ๊วเหมือนแมวตัวโต ตกหัวใจคนรักสัตว์กันไปเต็มๆ สำหรับน้องเอวา เสือโคร่งสายแบ๊วของเชียงใหม่ไนท์ซาฟารี นอกจากหน้าตาน่ารักแล้วยังมีความสามารถหลายอย่าง จนกลายเป็นดาวรุ่งดวงใหม่ ที่ผู้คนแห่ไปชมความน่ารักกันอย่างคึกคัก คาดจะช่วยดึงนักท่องเที่ยวไปที่เชียงใหม่ไนท์ซาฟารีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

ต้อนรับอบอุ่น “โอปอล” รองอันดับ 3 มิสยูนิเวิร์ส 2024 ถึงไทย

กลับถึงไทยแล้ว “โอปอล สุชาตา” รองอันดับ 3 มิสยูนิเวิร์ส 2024 ปรากฏตัวในชุดไทย สวยสง่า แฟนนางงามต้อนรับอย่างอบอุ่น

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก