ทำเนียบรัฐบาล 23 มี.ค.-นายกฯ ยันทหารไม่เกี่ยวขนข้าวสาร 700 กระสอบที่สบเมยไปเมียนมา ย้ำเป็นการค้าขายปกติผ่านพ่อค้าที่ทำกันมาเป็น 10 ปีแล้ว ติงสื่ออย่าทำเรื่องไม่เป็นเรื่องให้เป็นปัญหา เพื่อไม่ให้เข้ามาซื้อเองในไทย แจงต่อพ.ร.ก.ฉุกเฉินเพื่อบูรณาการงานจากหลายหน่วยงาน
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) กรณีกองข้าวสาร 700 กระสอบที่ตั้งอยู่ที่อ.สบเมย จ.แม่ฮ่องสอน ที่ถูกกล่าวหาว่าไทยสนับสนุนกองทัพเมียนมา ว่า เป็นเรื่องการค้าขายปกติ ไม่ใช่การช่วยเหลือทางทหาร แต่เป็นการสั่งซื้อจากพ่อค้าของไทยไปฝั่งเมียนมา เพราะมีประชาชนเมียนมาอาศัยอยู่ตามสันเขาและชุมชนต่าง ๆ 100 กว่าจุด ซึ่งรัฐบาลไม่ต้องการให้กลุ่มคนที่ไม่ใช่คนไทยและอยู่ตามชายแดนเข้ามาซื้อของในประเทศไทย
“เรื่องนี้ไม่ต้องแถลงชี้แจงอีก เพราะผมพูดแล้ว กระทรวงกลาโหมและกองทัพก็พูด จึงขออย่าเปิดประเด็นอะไรที่ไม่ได้เป็นปัญหาแล้วทำไมต้องทำให้เป็นปัญหาไม่ทราบเหมือนกัน ผมยืนยันความชัดเจนว่าทหารไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องขนย้ายข้าวอะไรต่าง ๆ ทั้งสิ้น เป็นเรื่องของพ่อค้าส่งไปแล้วเขาก็มารับเท่านั้นเองผมได้พูดเรื่องมนุษยธรรมแล้วว่าเขาจะอยู่กันยังไงฝั่งโน้น เพราะสมัยก่อนอยู่กันสันเขาแล้วลงมาซื้อบ้านเรา ซึ่งเราก็ไม่อยากให้ข้ามแดนไปมาในลักษณะนี้ ซึ่งเป็นแบบนี้นานเป็น 10 ปีแล้ว” นายกรัฐมนตรี กล่าว
ส่วนการต่ออายุพ.ร.ก.บริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ในเมียนมาหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ไม่เกี่ยว แต่เกี่ยวกับการบูรณาการและการใช้เจ้าหน้าที่หรือหน่วยงานของรัฐอื่น ๆ ที่ไม่มีอำนาจตามกฎหมายปกติ เช่น การให้ทหารหรือตำรวจมาดูแลเรื่องสถานที่ควบคุมโรค หรือไปตรวจตามถนนหนทาง ซึ่งหลายหน่วยงานไม่มีกฎหมายบังคับใช้ ขอย้ำว่าพ.ร.ก.ฉุกเฉินเพื่อการบูรณาการให้หน่วยงานต่าง ๆ ทำงานได้ ขณะที่กระทรวงสาธารณสุขระบุว่าจำเป็นต้องใช้พ.ร.ก.ฉุกเฉินนี้ก่อน เพราะหน่วยงานเดียวคงดูแลในพื้นที่ต่าง ๆ ไม่ไหว ทั้งการตั้งด่านตรวจจุดสกัด และการควบคุมชายแดนด้วย.-สำนักข่าวไทย