นายกฯ เดินหน้าฟื้นฟูท่องเที่ยวภาคใต้ให้กลับมาคึกคัก

สุราษฎร์ธานี 2 พ.ย.- นายกรัฐมนตรี พบปะประชาชนที่วัดพระเจดีย์แหลมสอ อ.เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี ระบุปวดใจเห็นธุรกิจเงียบเหงา เดินหน้าฟื้นฟูท่องเที่ยวภาคใต้ให้กลับมาคึกคัก ไม่สนคนตำหนิอยู่นานเกินไป


พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พบปะประชาชนที่วัดพระเจดีย์แหลมสอ ตำบลหน้าเมือง อำเภอเกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี โดยนายกรัฐมนตรี กล่าวตอนหนึ่ง ว่า วันนี้มาเกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี ไปที่ไหนก็นึกแต่ประชาชนของเรา เพราะเราคือคนไทยด้วยกันทั้งประเทศ จึงขอส่งความห่วงใยไปยังจังหวัดอื่น ๆ ด้วย

“วันนี้มารับฟังความเห็นและปัญหาเพื่อนำไปขับเคลื่อนไปด้วยกัน โดยที่ผ่านมาพยายามดำเนินการหลายอย่างมาก่อนมีโควิด ที่รัฐบาลทำหลายอย่างเพื่อวางพื้นฐานทุกจังหวัด แต่วันนี้ไม่สบายใจ เพราะเห็นครั้งที่แล้วที่เคยมากับวันนี้ เปลี่ยนไปเยอะ ความเงียบเหงาธุรกิจร้านค้าต่าง ๆ ทำให้นายกฯ เจ็บปวดหัวใจ และเป็นสิ่งที่เราต้องมาพัฒนาเพื่อทำให้การท่องเที่ยวภาคใต้กลับมาคึกคักอีกครั้ง วันนี้จึงมาประชุม ครม.ในพื้นที่ภาคใต้ และได้ให้ ครม.ไปเยี่ยมเยือนพื้นที่ต่าง ๆ พร้อมกระจายตรวจติดตามปัญหาในนามพรรคร่วมรัฐบาล” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว


พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอีกว่า นายกรัฐมนตรี และคณะรัฐมนตรี มีความห่วงใยทุกเรื่อง ทั้งเรื่องสาธารณสุขและเศรษฐกิจ ที่ระยะแรกจำเป็นต้องล็อกดาวน์อะไรบ้าง ซึ่งทำให้การแก้ปัญหาโควิดของเราเป็นอันดับแรก ๆ ของโลก ดังนั้นการที่รัฐบาลจำเป็นต้องมีประกาศออกมา ทั้ง พ.ร.ก.ฉุกเฉิน หรือ พ.ร.บ.ควบคุมโรค ทั้งหมดไม่ใช่เพื่อตน ไม่ได้อยากออกในหลาย ๆ เรื่อง และไม่ได้เพื่อเอาอำนาจมาให้ตน แต่เอาอำนาจให้เจ้าหน้าที่เพื่อบูรณาการให้ทุกส่วนทำงาน ซึ่งไม่ใช่เรื่องที่ง่าย แต่เราต้องภูมิใจความเป็นไทยของเราที่ทำให้ทุกอย่างแม้มีความขัดแย้งอยู่บ้าง แต่ก็ทำให้การแก้ปัญหาของเราทำได้ดีที่สุดระดับโลก

“วันนี้หลายประเทศก็รอว่าเมื่อไหร่ เราจะเปิดประเทศ ถ้าเปิดอิสรเสรี คนมากันตรึม ซึ่งเรามีการตกลงจะผ่อนคลายได้อย่างไร พื้นที่ไหนมีความเสี่ยงต่ำ เรากำลังเริ่มผ่อนคลาย ยืนยันว่าวันนี้สถานการณ์ยังอยู่ในระดับควบคุมได้ มีการติดเชื้อที่ตรวจสอบได้ในพื้นที่กักกัน ทั้งหมดเป็นผลจากการทำงานของรัฐบาล ร่วมมือกันกับส่วนกลางและส่วนท้องถิ่น ขอให้ทุกคนภูมิใจ ปรบมือให้ตัวเอง ปรบให้นายกรัฐมนตรีด้วย ขอยืนยันว่าผมจะทำให้เต็มที่ เพื่อให้ทุกอย่างเดินหน้าไปให้ได้ โดยจะผ่อนคลายปลดล็อกระยะแรกก่อน วันนี้มีอาเซียนและจีนจะเข้ามาในระยะแรก ต่อไปก็จะมากขึ้นในอนาคต จึงต้องเตรียมการเป็นขั้นตอน หากปล่อยทีเดียวทั้งหมด มีโอกาสซูเปอร์สเปรดเดอร์ จึงต้องดูขีดความสามารถในการรับมือด้านสาธารณสุขของเรา วันนี้เรามีความพร้อมหมดแล้ว วางแผนทั้งหมด มีมาตรการรองรับถ้ามีอะไรเกิดขึ้น แต่ก็ไม่ควรเกิดขึ้นในแบบที่ไม่จำเป็น โดยการไม่ระมัดระวัง ไม่ใส่หน้ากาก ไม่เข้าพื้นที่ชุมนุมขนาดใหญ่” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวด้วยว่า ทุกอย่างเป็นสิ่งที่ต้องช่วยกัน ไม่เช่นนั้นรัฐบาลก็ประสบทุกปัญหา แต่เชื่อว่าทุกปัญหาแก้ได้ ดังนั้นอะไรที่ทำให้เดือดร้อน ก็ต้องขอโทษด้วย ซึ่งทุกอย่างไม่ได้ทำเพื่อตัวเอง แต่ทำเพื่อทุกคน เพื่อไม่ให้สถานการณ์กลับไปล็อกดาวน์อีก อย่างไรก็ตาม ประเทศไทยมีสัญญาณการฟื้นตัวที่ดีขึ้น แต่ทุกคนต้องช่วยกันระมัดระวังให้ดีที่สุด ซึ่งมาตรการคัดกรองมีหมดแล้ว ส่วนสถานการณ์อื่น ๆ โดยเฉพาะด้านเศรษฐกิจ รัฐบาลต้องบริหารภาพรวมของประเทศ


“โดยวันนี้ภาพใหญ่เริ่มดีขึ้น รัฐบาลพยายามดูให้ครบทุกกลุ่มที่เป็นห่วงโซ่ทุกอย่างเชื่อมโยงกันทั้งหมด ที่สำคัญประเทศของเรามีศักยภาพ รอยยิ้ม อาหารที่อร่อย ธรรมชาติที่สวยงาม และความมีน้ำใจโอบอ้อมอารี นี่คือคนไทยและประเทศไทย เราต้องภูมิใจและอย่าทำลายด้วยอะไรที่ไม่จำเป็น” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

นายกรัฐมนตรี กล่าวอีกว่า วันนี้ขอให้ลองทบทวนที่ผ่านมา 4-6 ปี มีอะไรที่ดีขึ้นบ้าง มองภาพรวมเหมือนต่างประเทศที่ให้มองไกลตัวด้วย แต่ส่วนใหญ่มักมองใกล้ตัว โดยต้องเตรียมการตั้งแต่วันนี้ เพื่อลูกหลานของเราวันหน้า ทั้งนี้ทุกคนมีความคิดที่แตกต่าง ดังนั้นการปรับเปลี่ยนต่าง ๆ ไม่ง่ายเหมือนแค่พลิกฝ่ามือ ถ้าเรารวมใจไทยสร้างชาติ ไม่ว่าใครทำอะไร ถ้าดีสนับสนุน โดยต้องเป็นไปตามกฎหมาย ถูกต้องชอบธรรม ไม่ใช่เพื่อผู้ใดผู้หนึ่ง

“บางคนบอกนายกฯ มีปัญหานู้นนี่ ร่ำรวย ทุจริต เขาวัดกันด้วยอะไร เขาวัดกันด้วยการดำเนินคดี การตัดสินของศาล และผมก็ยังไม่เห็นผมทำอะไรผิดสักอย่าง บางคนบอกผมผิดเพราะผมอยู่นานเกินไป เบื่อขี้หน้า ผมไม่รู้เหมือนกันอยู่ในกติกาข้อไหนของการเมืองไทย แต่ผมก็ไม่ว่า หลายคนบอกผมผิดนู้นผิดนี่ ผมไม่ว่าอะไร ผมฟังเฉพาะศาล” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

นายกรัฐมนตรี กล่าวด้วยว่า วันนี้อยู่ในโลกดิจิทัล ตนไม่ได้ห้ามอ่านถึงห้ามฟัง แต่ถ้าจะเชื่อทุกอย่าง เป็นเรื่องของแต่ละคน มันควรจะเชื่อทุกอย่างหรือไม่ที่เขียนลงไป บางทีไม่ใช่ข้อเท็จจริง แต่เรื่องที่เป็นสาระกลับไม่สนใจ แต่วันนี้ห้ามไม่ได้ เป็นเรื่องของสังคมโลกยุคใหม่ ประเทศไทยมีแกนหลักชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

“เราเกิดบนแผ่นดินไทย อย่าให้ใครทำลาย รัฐบาล ข้าราชการทำเพื่อชาติ ศาสน์ กษัตริย์ และประชาชน เราเป็นประชาธิปไตยอยู่แล้ว ไม่มีอะไรที่ไม่ใช่ประชาธิปไตยสักอัน นั่ง ๆ กันอยู่ก็เลือกตั้งมาทั้งนั้น คนที่เลือกคือประชาชน ทุกอย่างเคยมีประวัติศาสตร์ ถ้าจะปรับแก้อะไร ก็ต้องดูประวัติศาสตร์ จะได้ไม่เกิดขึ้นอีกแค่นั้น หากวันหน้าทุกอย่างเรียบร้อย ก็จะเป็นไปตามที่ต้องการ แต่จะต้องมีกติกา หลักเกณฑ์ สังคม สำคัญที่สุดครอบครัว ลูกเต้าต้องดูแล วันนี้เราอาจจะดูแลลูกเต้าน้อยลง พ่อต้องหาเงินให้สอดคล้องกับความต้องการ แต่ลูกเต้าก็ต้องสอนรู้จักพอเพียง ไม่เช่นนั้นพ่อแม่จะเป็นหนี้สิน ปัญหาตามมามากมาย โดยเฉพาะหนี้นอกระบบ” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าในช่วงท้าย พล.อ.ประยุทธ์ ได้ร้องเพลง “คนดีไม่มีวันตาย” ร่วมกับประชาชน จากนั้นนายกรัฐมนตรีได้ร่วมกิจกรรมกวนขนมกาละแม ที่คนในพื้นที่จัดสาทิตต้อนรับ โดยประชาชนได้ขอให้นายกรัฐมนตรีอยู่รักษาบ้านเมืองไปนาน ๆ ดูแลประชาชนด้วย ขณะที่นายกรัฐมนตรีตอบเป็นภาษาอังกฤษว่า Yes sir โดยประชาชนได้ตอบกลับว่าจะดูแลนายกรัฐมนตรีด้วยเช่นกัน

จากนั้น นายกรัฐมนตรี ได้มอบกิ่งปะการังแก่นักดำน้ำ และปล่อยพันธุ์สัตว์น้ำเอกลักษณ์ของเกาะสมุย ได้แก่ ปูม้าและเต่าทะเล ร่วมกับประชาชน.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

รวบแล้ว! มือปืนโหดสวมชุดไรเดอร์ ตามยิงซ้ำที่ รพ. ดับ 2

ปทุมธานี 5 มิ.ย.- จับแล้ว! มือปืนโหดสวมชุดไรเดอร์ รัวกระสุนใส่หน้าบ้าน ก่อนตามไปยิงซ้ำที่ รพ. เสียชีวิต 2 ราย สารภาพอ้างแค้นถูกตีท้ายครัว ความคืบหน้าเหตุมือปืนชายแต่งกายไรเดอร์ ใช้รถจักรยานยนต์เป็นยานพาหนะ ยิงใส่กลุ่มวัยรุ่นชายหญิง ที่นั่งจับกลุ่มกันอยู่หน้าบ้าน ในพื้นที่ ต.ระแหง อ.ลาดหลุมแก้ว ทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 2 ราย หลังเกิดเหตุกลุ่มเพื่อนได้นำคนเจ็บไปส่งโรงพยาบาล แต่คนร้าย ได้ขี่รถจักรยานยนต์ตามประกบ ใช้อาวุธปืนตามยิงซ้ำถึงในโรงพยาบาล ส่งผลให้ผู้ได้รับบาดเจ็บที่อยู่ท้ายกระบะเสียชีวิต 2 ราย ล่าสุดเจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวมือปืน ทราบชื่อนายสมยศ อายุ 32 ปี พร้อมของกลางอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนที่ใช้ในการก่อเหตุ โดยให้การรับสารภาพว่าตนเองจะมายิงนายมานะ หรือไอซ์ อายุ 33 ปี เพียงคนเดียว ซึ่งก่อนเกิดเหตุตนได้นั่งกินเบียร์มาก่อน และที่ทำไปนั้น เพราะจับได้ว่าผู้ตายเป็นชู้กับภรรยาตน หลังก่อเหตุขับรถหนีไปจังหวัดสมุทรปราการ ซึ่งขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังหาพยานหลักฐานเพิ่มเติม .-สำนักข่าวไทย

“ภูมิธรรม” รับกัมพูชาล้ำ 200 ม. จริง แต่เป็นจุด No Man’s Land

ทำเนียบ 5 มิ.ย.- “ภูมิธรรม” รับกัมพูชาล้ำ 200 เมตร จริง แต่เป็นจุด No Man’s Land ย้ำใช้เวที JBC เจรจา บอกไม่ใช่เรายอมศิโรราบ แต่ไทยมีข้อมูลหลักฐาน รอชัดเจน 14 มิ.ย. ขณะที่กองทัพเตรียมพร้อมตรึงกำลังแนวชายแดน ลั่นไม่ยอมใคร ยืนยันไทยเริ่มต้นจากสันติ ชี้หากประกาศกฏอัยการศึก แม่ทัพภาค 2 มีอำนาจสั่งได้ทันที นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงการลงพื้นที่ชายแดน ไทย-กัมพูชา บริเวณช่องบก จังหวัดอุบลราชธานีเมื่อวานนี้ ว่า ตนได้รับรายงานจากกองทัพภาคที่สอง ถึงข้อมูลที่ออกไปในปัจจุบัน ผิดไปจากสิ่งที่เป็นอยู่ ในปัจจุบันมากพอสมควร จึงอยากให้ระมัดระวังเรื่องข้อมูลข่าวสาร ยืนยันว่า ในพื้นที่ไม่ได้มีการวางทุ่นระเบิด จะเป็นภาพเก่าในอดีต ซึ่งตนมองว่าเป็นการสร้างความสับสน และทำลายศรัทธาความร่วมมือของประชาชน นายภูมิธรรม กล่าวถึงการรุกล้ำ 200 เมตร ว่า ทั้งหมดนี้อยู่ที่คณะกรรมการ JBC ซึ่งปัญหาที่เกิดขึ้นในพื้นที่ชายแดนกำหนดแต่ละฝ่ายมีจุดที่ค่อมกัน ดังนั้นจึงกำหนดให้เป็น […]

ดรามานิติไล่ไรเดอร์รับลูกค้าหน้าคอนโดฯ

5 มิ.ย. – สาวเรียกรถผ่านแอปฯ มารับหน้าคอนโดฯ หัวหน้าวินมอเตอร์ไซค์ถือวิทยุสื่อสารพร้อมไล่ให้ลงรถ ขู่ไม่อนุญาตให้เรียกรถผ่านแอปฯ ด้านไรเดอร์รู้ข่าวบุกรวมตัว ลั่นถ้าคู่กรณีไม่ออกมาก็อย่าหวังว่าแยกย้าย คลิปจากผู้โดยสารคนหนึ่งถ่ายไว้ขณะเรียกรถมารับบริเวณด้านหน้าคอนโดฯ ย่านสาทร แต่กลับถูกชายรายหนึ่งถือวิทยุสื่อสาร ไล่ให้ลงจากรถ พร้อมพูดขู่ว่าไม่ใช่วินห้ามเข้า แฟนเพจเฟซบุ๊กอยากดังเดี๋ยวจัดให้ รีเทริน์ part 6 ได้รับเรื่องร้องเรียนจากลูกบ้านคอนโดฯ แห่งหนึ่ง โพสต์ไว้หลังจากเรียกรถผ่านแอปพลิเคชัน แต่กลับถูกขัดขวาง ระบุว่า “เราได้เรียกรถจักรยานยนต์ผ่านแอปพลิเคชันเพื่อไปทำงานตามปกติ แต่มีชายคนหนึ่ง (คาดว่าเป็นวินในหมู่บ้าน มีวิทยุสื่อสารด้วย) เข้ามาไล่ให้ลงจากรถ พร้อมพูดในลักษณะข่มขู่ว่า “ไม่ให้เรียกผ่านแอปฯ เพราะที่นี่มีวินอยู่แล้ว” และยังไล่คนขับกลับไปทันที เหตุการณ์นี้ทำให้รู้สึกไม่ปลอดภัยและเสียเวลาในการเดินทาง รบกวนช่วยตรวจสอบ ขอความชัดเจนว่าในหมู่บ้านมีข้อกำหนดห้ามเรียกรถผ่านแอปฯ หรือไม่ หากมีรบกวนขอเอกสารหรือประกาศที่เป็นทางการด้วย หากไม่มีรบกวนช่วยดำเนินการกับบุคคลดังกล่าว เพราะพฤติกรรมที่เกิดขึ้นเข้าข่ายคุกคามและไม่เหมาะสม” หลังจากโพสต์ดังกล่าวถูกเผยแพร่ ปรารกฏว่าวานนี้ (4 มิ.ย.) มีไรเดอร์จำนวนมานัดรวมตัวกันและเดินทางไปยังคอนโดฯ ดังกล่าว โดยมีตำรวจเข้ามาพูดคุย ขณะที่ทางตัวแทนไรเดอร์ระบุว่า ถ้าคู่กรณีไม่ออกมาก็อย่าหวังว่าแยกย้าย และนิติคอนโดฯ ต้องออกมาพูดให้ชัดเจนว่าไรเดอร์เข้าไปรับผู้โดยสารได้ไหม” ต่อมาที่ สน.บางขุนเทียน เจ้าหน้าที่เรียกตัวนายพงษ์ อายุ 52 […]

คนขับหลับใน รถทัวร์เสียหลักตกร่องถนน ดับ 2 สาหัส 5

ประจวบคีรีขันธ์ 4 มิ.ย. – รถทัวร์ตกร่องกลางถนนชนเสาไฟ บนถนนเพชรเกษม อ.เมืองประจวบคีรีขันธ์ ผู้โดยสารเสียชีวิต 2 ราย บาดเจ็บสาหัส 5 คน คนขับยอมรับหลับใน วงจรปิดจับภาพขณะเกิดเหตุรถทัวร์ขับมาดีๆ จู่ๆ ไถลลงร่องกลางถนน โดยไม่มีคู่กรณี เหตุเกิดประมาณตี 04.30 น.ที่ผ่านมา (4 มิ.ย.) บนถนนเพชรเกษม บริเวณหน้าค่ายพระมงกุฎเกล้า อ.เมืองประจวบคีรีขันธ์ รถที่เกิดเหตุเป็นรถบัสโดยสารปรับอากาศ สายระยอง-มุกดาหาร พลิกตะแคงอยู่ในร่องกลาง มีร่องรอยชนกับเสาไฟและการ์ดเลนถนน สภาพรถด้านหน้าพังยับเยิน กระจกหน้าและด้านข้างแตกร้าว หลังคาฉีกขาด ที่เกิดเหตุมีผู้เสียชีวิต 2 คน เป็นชาย และอาการสาหัส 5 คน นอกจากนี้ยังมีผู้บาดเจ็บอีกจำนวนมาก เจ้าหน้าที่ปฐมพยาบาลเบื้องต้นและเร่งนำตัวนำส่งโรงพยาบาล ขณะที่ผู้โดยสารต่างอยู่ในอาการตกใจ บอกว่าก่อนเกิดเหตุรู้สึกว่ารถส่ายไปมา คนขับรถคือ นายทศพร อายุ 51 ปี ให้การว่า ในรถมีผู้โดยสารรวมคนขับแล้ว 28 คน รับผู้โดยสารจาก จ.ระยอง […]

ข่าวแนะนำ

นายกฯ โพสต์หารือประเมินปมชายแดนไทย-กัมพูชา

ทำเนียบ 5 มิ.ย.-นายกฯ โพสต์หารือประเมินปมชายแดนไทย-กัมพูชา ยึดหลักการสันติวิธี ยันไทยไม่ยอมรับอำนาจศาลโลก ชี้ต้องคุยเฉพาะพื้นที่เป็นปัญหา ไม่ขยายประเด็น นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความผ่านโซเชียลมีเดีย ถึงการหารือสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ว่า “จากกรณีที่ทางรัฐบาลกัมพูชาออกแถลงการณ์เกี่ยวกับสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ดิฉันได้หารือร่วมกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ และท่านรองนายกรัฐมนตรี นายภูมิธรรม เวชยชัย ซึ่งได้โทรศัพท์เข้ามารายงานเรื่องการลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์ ณ จังหวัดอุบลราชธานี อย่างใกล้ชิด เพื่อประเมินภาพรวมอย่างรอบด้าน รัฐบาลไทยขอยืนยันในหลักการแก้ไขปัญหาด้วยแนวทางสันติวิธี ภายใต้ความเคารพในอธิปไตยและดินแดนของกันและกัน ในกรณีที่กัมพูชาประสงค์จะเสนอให้ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (ICJ) เข้ามามีบทบาท รัฐบาลไทยขอเรียนว่า ประเทศไทยไม่ได้ให้การยอมรับเขตอำนาจศาล ICJ ในกรณีพิพาทต่างๆ ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2503 จนถึงปัจจุบัน และขอย้ำว่า ประเด็นที่เกิดขึ้นควรได้รับการแก้ไขปัญหาในบริเวณที่มีการกระทบกระทั่งกันเท่านั้น ไม่ขยายประเด็นปัญหาออกไป ประเทศไทยยังยึดมั่นในกลไกการหารือทวิภาคีที่ทั้งสองฝ่ายตกลงกันไว้มาโดยตลอด เพื่อรักษาความสัมพันธ์อันดีระหว่างประชาชนทั้งสองประเทศค่ะ.-315.-สำนักข่าวไทย

ไทยไม่ยอมรับเขตอำนาจศาลโลก ย้ำขอใช้กรอบ JBC

ทำเนียบ 5 มิ.ย.-รัฐบาลออกแถลงการณ์กรณีไทย-กัมพูชา ยืนยันประเทศไทยไม่ยอมรับเขตอำนาจศาลโลกมาตั้งแต่ พ.ศ. 2503 จนถึงปัจจุบันแล้ว ย้ำขอใช้กรอบ JBC ในทุกระดับแก้ปัญหาระหว่างกัน นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ภายหลังเกิดแหตุการณ์ที่บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา เมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม 2568 ที่ผ่านมานั้น เวลา 16.30 น. รัฐบาลได้ออกแถลงการณ์กรณีดังกล่าว เป็นฉบับที่ 2 ดังนี้ นับตั้งแต่เกิดเหตุการณ์ปะทะที่บริเวณช่องบก จังหวัดอุบลราชธานี เมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม 2568 ทั้งสองฝ่ายได้หารือและตกลงกันที่จะใช้กลไกทวิภาคีที่มีอยู่ในการแก้ไขปัญหา ได้แก่ คณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม (Joint Border Commission: JBC) คณะกรรมการชายแดนทั่วไปไทย-กัมพูชา (General Border Committee: GBC) และคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาค (Regional Border Committee: RBC) บนพื้นฐานของความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างไทย-กัมพูชา ซึ่งเป็นผลมาจากการหารือระหว่างผู้บัญชาการทหารบกของทั้งสองฝ่าย เมื่อวันที่ 29 พฤษภาคม […]

อัยการสั่งฟ้อง 5 ผู้ต้องหา คดีนอมินี ตึกสตง.

5 มิ.ย. – พนักงานอัยการคดีพิเศษ สั่งฟ้อง 5 ผู้ต้องหา คดีตึก สตง.ถล่ม ในส่วนความผิดตาม พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าวฯ นายศักดิ์เกษม นิไทรโยค โฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด เผยว่า วันนี้ พนักงานอัยการคดีพิเศษ มีความเห็นสั่งฟ้อง 5 ผู้ต้องหา คดีพิเศษที่เกี่ยวข้องกับตึก สตง.ถล่ม ในส่วนของความผิดตาม พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าวฯ มาตรา 36 มาตรา 37 และมาตรา 41 ในทุกข้อหา ยกเว้น นายประจวบ ศิริเขตร ซึ่งอัยการสั่งไม่ฟ้อง 1 ข้อหา ตามมาตรา 41 ผู้ต้องหาทั้ง 5 คน ประกอบด้วย นายโสภณ มีชัย, นายประจวบ ศิริเขตร, นายมานัส ศรีอนันท์,นายชวนหลิง จาง ชาวจีน กรรมการบริษัท ไชน่า เรลเวย์ และ […]

กัมพูชาจะไม่นำเรื่องพื้นที่พิพาทเข้าสู่วาระการประชุมเจบีซีกับไทย

กรุงเทพ 5 มิ.ย. – รัฐบาลกัมพูชาออกแถลงการณ์ลงวันที่ 4 มิถุนายนตำหนิเหตุการณ์ยิงปะทะกับทหารไทย พร้อมประกาศนำข้อพิพาทเรื่องดินแดนในพื้นที่ 4 จุดต่อศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ โดยจะไม่นำเข้าวาระการประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม (Joint Boundary Committee- JBC) หรือ เจบีซี ไทย-กัมพูชา กลางเดือนนี้ แถลงการณ์ของรัฐบาลกัมพูชา รัฐบาลกัมพูชาได้ดำเนินนโยบายต่างประเทศบนรากฐานแห่งสันติภาพ มิตรภาพ และความร่วมมือระหว่างประเทศ เสมอมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับประเทศเพื่อนบ้านที่มีชายแดนร่วมกันตามที่กำหนดไว้ตั้งแต่สมัยอาณานิคมฝรั่งเศส นับตั้งแต่ได้รับเอกราช ยกเว้นช่วงระบอบการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ของเขมรแดง กัมพูชายังคงยึดมั่นอย่างแน่วแน่ในการเปลี่ยนชายแดนร่วมเหล่านี้ให้เป็นเขตแห่งสันติภาพ มิตรภาพ ความร่วมมือ และการพัฒนา แม้จะมีความท้าทายเกิดขึ้นตลอดเส้นทางที่ผ่านมา กัมพูชาได้ให้ความสำคัญกับการยุติปัญหาชายแดนอย่างสันติ แม้ในช่วงเวลาที่มีความตึงเครียดเป็นครั้งคราวและมีการสูญเสียชีวิตของทหารผู้กล้าหาญที่ยืนหยัดปกป้องอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของชาติ ความมุ่งมั่นที่ไม่เปลี่ยนแปลงของรัฐบาลกัมพูชา ในการแก้ไขปัญหาอย่างสันติเป็นที่ประจักษ์ในการดำเนินงานในอดีตที่ผ่านมา รวมถึงการส่งข้อพิพาทไปยังศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ หรือ ICJ ซึ่งมีคำวินิจฉัยเป็นคุณแก่กัมพูชาในปี 2505 และอีกครั้งหนึ่งในปี 2556 ในข้อพิพาทชายแดนกับประเทศไทย การกระทำเหล่านี้สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของกัมพูชาต่อกฎหมายระหว่างประเทศและการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งอย่างสันติ อย่างไรก็ตามเป็นเรื่องที่น่าเศร้าใจ ที่ในช่วงเช้าตรู่ของวันที่ 28 พฤษภาคม 2565 เวลาประมาณ 05:30 น. เกิดเหตุการณ์ที่ทหารไทยได้เปิดฉากยิงเข้าใส่ทหารกัมพูชาในพื้นที่หมู่บ้านเตโชมรกต ตำบลมรกต […]