นายกฯขอบคุณร่วมสกัดโควิดชายแดน

จ.เชียงราย 24 ก.ย.-นายกฯ ขอทุกคนรักชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ แสดงความคิดเห็นสร้างสรรค์ รัฐบาลพร้อมฟังทุกกลุ่มนำปฏิบัติ ขอบคุณร่วมมือสกัดโควิด-19 ตามแนวชายแดน


พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พบปะประชาชนและตรวจเยี่ยมการเตรียมความพร้อมการป้องกันและแก้ไขปัญหาหมอกควันไฟป่าที่สำนักงานเทศบาลตำบลแม่ยาว ต.แม่ยาว อ.เมืองเชียงราย จ.เชียงราย โดยนายกรัฐมนตรีรับฟังความคิดเห็นจากตัวแทนประชาชน อาทิ กลุ่มสมาร์ฟาร์มเมอร์ ซึ่งเป็นกลุ่มเกษตรกรรุ่นใหม่ที่ใช้เทคโนโลยีในการผลิต ซึ่งมีปัญหาคือกลุ่มเกษตรกรรุ่นใหม่ยังไม่สามารถเข้าถึงเทคโนโลยี การขายในช่องทางออนไลน์ ขณะที่ตัวแทนเกษตรกรจากอ.แม่สายขอบคุณรัฐบาลที่แก้ไขปัญหาหนี้สินเกษตรกร และตัวแทนกลุ่มชนชาติพันธุ์ขอบคุณเรื่องที่ดิน การอาศัยในพื้นที่ป่าสงวนอย่างถูกกฎหมาย

นายกรัฐมนตรี กล่าวกับประชาชนว่า ขอบคุณการต้อนรับที่อบอุ่นและสวยงาม ยืนยันพยายามขับเคลื่อนทุกอย่างให้เดินหน้าไปพร้อม ๆกัน นโยบายของรัฐบาลคือไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง ติดตามกำกับดูแลเรื่องแก้ปัญหาไฟป่าและหมอกควัน และเป็นห่วงผู้ที่มีความต้านทานต่ำทั้งเด็ก คนชราและคนป่วย ซึ่งต้องจำกัดค่าPM ที่เกินขนาดจนเกิดอันตรายต่อสุขภาพ ซึ่งการทำงานของรัฐบาลไม่ง่ายนัก ที่จะทำอะไรได้ทันที ตราบใดที่ยังไม่แก้ไขระเบียบ ระบบต่าง ๆ เพราะเกี่ยวโยงกันไปหมดทั้งเรื่องงบประมาณและแผนโครงการ


“นโยบายของรัฐบาลช่วงโควิด-19 คือการับฟังความคิดเห็นให้มากที่สุด จากทุกกลุ่ม ทุกฝ่ายว่าต้องการอะไร ที่ไหน อย่างไร และหากทำตรงนี้ไม่ได้จะไปทำที่ไหน ก็เป็นเรื่องที่ประชาชนต้องบูรณาการกับผู้ว่าฯ ผู้นำในท้องถิ่นให้ชัดเเจน เพื่อให้โครงการตรงตามที่ทุกคนต้องกา” นายกรัฐมนตรี กล่าว

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ในส่วนของความต้องการของตัวแทนชาวจังหวัดเชียงรายที่บอกกับตน ถือเป็นความต้องการที่มีประโยชน์ อาทิ การพัฒนาและสร้างเกษตรกรต้นแบบของจังหวัดเชียงราย ซึ่งรัฐบาลให้ความสำคัญต้องทำการเกษตรแบบใหม่ ส่วนเรื่องการเรียนรู้การขายสินค้าทางการเกษตรแบบออนไลน์เป็นเรื่องใกล้ตัว เป็นหน้าที่หน่วยงานราชการต้องชี้แจงทำความเข้าใจ หาแนวทางส่งเสริมการเรียนรู้ เกิดการกระตุ้นให้มีแรงจูงใจ และปรับเปลี่ยนตัวเองตั้งแต่วันนี้ เพื่อพัฒนาระบบเกษตรกรรมทั้งประเทศ

“รัฐบาลจะสั่งการ กำชับ กำกับดูแลหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งพิจารณาเรื่องการจัดที่ดินทำกิน โดยเฉพาะกลุ่มชาติพันธุ์ที่อาศัยอยู่บนที่สูงให้ได้โดยเร็วที่สุด ทั้อย่างไรก็ตาม ต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์ของคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ (คทช.) ไปก่อน ส่วนเรื่องกองทุนฟื้นฟูพัฒนาเกษตรกรจังหวัดเชียงราย ได้ให้ความช่วยเหลือส่วนหนึ่งได้รับโฉนดคืนมา แต่ยังมีอีกเยอะที่เสียโฉนดไปด้วยการรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ถูกหลอกลวง หรือจากหนี้นอกระบบบ้าง ซึ่งรัฐบาลแก้ไม่ได้ง่าย ๆ ส่วนเรื่องการติดต่อธนาคารให้ชะลอการดำเนินคดีกับเกษตรกร และช่วยเหลือการชำระหนี้เพื่อให้ได้โฉนดที่ดินคืน อยู่ในขั้นตอนการศึกษาว่าจะทำได้แค่ไหน” นายกรัฐมนตรี กล่าว


นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ขณะนี้เรื่องโควิด-19 เป็นสิ่งที่ทุกคนต้องระมัดระวัง และดีใจที่ใส่หน้ากากกันมาทุกคน ซึ่งทุกอย่างมองด้วยตาก็รู้ ใครจริงใจไม่จริงใจ เพราะดวงตาเป็นหน้าต่างของหัวใจ คำหวาน ๆ ตนพูดไม่ค่อยเป็น แต่ขอพูดความจริงใจจากหัวใจของนายกรัฐมนตรีว่าเป็นห่วงทุกคน ห่วงทุกที่ ห่วงทุกปัญหา ร่วมกับคณะรัฐมนตรี ทุกอย่างต้องเปลี่ยนแปลงไปพร้อม ๆ กัน เรียกว่าการเปลี่ยนผ่านประเทศไทยไปสู่ประเทศที่มีรายได้สูง ที่มีรายได้หลักของประเทศคือการเกษตร ทุกอย่างต้องพัฒนาและอาศัยความร่วมมือของเราทุกคนในทางที่สร้างสรรค์

“สิ่งที่เป็นปัญหา ที่จนอยู่อย่างนี้ ที่ลำบากอยู่อย่างนี้ ที่ขาดแคลนจะเดินหน้าต่อไปอย่างไรโดยไม่มีความขัดแย้ง ทุกอย่างถ้าเริ่มต้นด้วยความขัดแย้ง แบ่งฝักแบ่งฝ่ายมันไม่ได้ ทำอะไรไม่ได้ทั้งสิ้น เราอยู่กันมาเป็นประเทศชาติของเรากี่ปีมาแล้ว ชั่วชีวิตเรามาจนถึงทุกวันนี้อยู่กับ ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ มาอย่างนี้ เพราะฉะนั้นเป็นสิ่งที่ทุกคนเข้าใจอยู่แล้ว ผมจึงอยากให้พวกเรามาแสดงความคิดเห็นในเชิงสร้างสรรค์อย่างนี้ อยากได้อะไร อยากทำอะไร เหล่านี้รัฐบาลจะได้นำไปทำได้ถูกต้อง ปฏิบัติได้เร็วขึ้น ตรงความต้องการของประเทศ” นายกรัฐมนตรี กล่าว

นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงข้อห่วงใยการระบาดโควิด-19 ระลอกที่ 2 ว่าฝากขอบคุณทุกคนด้วย ทุกคนคือด่านหน้า อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) ด่านหน้าท้องถิ่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และประชาชนตามแนวชายแดน นี่คือด่านหน้าของประเทศเหมือนกัน ต้องพยายามอย่าให้ใครหลุดลอดเข้ามาโดยไม่ผ่านช่องทางที่ถูกต้องโดยเด็ดขาด เพราะจะนำเชื้อเข้ามาในประเทศของเรา ซึ่งประเทศเราแก้ปัญหาโควิด-19 ได้เป็นอันดับต้น ๆ ของโลก แต่แน่นอนต้องลำบากเรื่องเศรษฐกิจ แต่เดี๋ยวจะดีขึ้นจากการผ่อนคลายมาตรการต่างๆ ส่วนเรื่องบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ตอนนี้เพิ่มให้ 3 เดือน การที่มาบอว่ารัฐบาลแจกเงินมันไม่ใช่ เพราะรัฐบาลมีวัตถุประสงค์ต้องการให้เงินหมุนเวียนในระบบ มีการใช้จ่ายซื้อสินค้าและต้องการฟื้นฟูเศรษฐกิจ วันนี้เราต้องเจริญเติบโตไปข้างหน้า เข้มแข็ง ยั่งยืน ก้าวเดินไปพร้อมกัน

“การทำงานต้องไม่เหนื่อย ต้องอดทน เหมือนทุกคนที่อดทนมายาวนาน นายกฯ ก็ต้องอดทน เพื่อคนทั้งประเทศ หากไม่ทำวันนี้จะทำวันไหน จะเริ่มต้นกันใหม่รื้อใหม่ทั้งหมดมันไม่ทันการณ์ นี่คือภารกิจรวมไทยสร้างชาติ คนที่ทำมาหากินในประเทศเป็นคนไทยทั้งสิ้น ต้องรักชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ รักพี่น้อง ซื่อสัตย์ กตัญญู ขยัน อดทน นั่นคือคนไทย ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงสิ่งเหล่านี้ได้ นั่นคือสัญญาระหว่างเรา” นายกรัฐมนตรี กล่าว

จากนั้น นายกรัฐมนตรีตรวจเยี่ยมการเตรียมความพร้อมป้องกันและแก้ไขปัญหาหมอกควันไฟป่า โดยการบริหารจัดการพื้นที่และวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร การควบคุมการเกิดไฟ และการแก้ไขปัญหาหมอกควัน อาทิ การแก้ปัญหาการเผาป่าเพื่อหาเห็ดของชาวบ้าน โดยนำเห็ดที่เพาะนำมาประกอบอาหารเป็นแกงเห็ดตับเต่า ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้ขอลองชิม พร้อมชมว่าอร่อย

นายกรัฐมนตรีรับฟังการบรรยายการปฏิบัติเข้าดับไฟป่าจากเจ้าหน้าที่ ชมกิจกรรมของสำนักงานกอองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ในโครงการเรียนรู้และการสื่อสารสู้ภัยฝุ่นในโรงเรียน ที่มีเด็ก ๆ มาวาดภาพเกี่ยวกับป่าไม้ สัตว์ป่า ภาพปัญหาหมอกควันพิษ การเผาป่า โดยนายกรัฐมนตรีได้เซ็นชื่อให้เป็นที่ระลึกหลังภาพวาดเด็ก ๆและได้เขียนข้อความ “ด้วยความรัก ช่วยกันรักษาป่าสิ่งแวดล้อม เพื่อลูกหลานของเราในอนาคต” 
นายกรัฐมนตรีและคณะร่วมกันปลูกต้นกาสะลองคำ ซึ่งเป็นต้นไม้ประจำจ.เชียงราย เพื่อรณรงค์ให้ประชาชนร่วมปลูกต้นไม้ สู้ไฟ ก่อนเดินทางกลับกทม..-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เปิดแชต “สีกากอล์ฟ” หลอกยืมเงิน “อดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร” 4 แสน

18 ก.ค. – เปิดแชต “สีกากอล์ฟ” หลอกยืมเงิน “อดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร” 400,000 บาท อ้างป่วย ต้องใช้เงินผ่าตัด และแลกหลักฐานกรณีอดีตเจ้าคณะจังหวัดพิจิตร มีความสัมพันธ์กับสีกากอล์ฟ อดีตผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ จ.พิจิตร หลงกลเล่ห์เหลี่ยมของสีกากอล์ฟ โดยเมื่อปี 2559 อดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร ส่งข้อความไปหาสีกากอล์ฟ ว่ามีเรื่องสำคัญของบ้านเมืองจะปรึกษา และหว่านล้อมว่าสีกากอล์ฟเป็นบุคคลสำคัญยิ่งที่จะเปลี่ยนแปลงการปกครองส่วนหนึ่งใน จ.พิจิตร ไปในทิศทางที่ดีขึ้น หากให้ความร่วมมือจะมีผู้ใหญ่ใจดีที่พร้อมจะดูแลสีกากอล์ฟและลูก แล้วทิ้งเบอร์โทรศัพท์ไว้ให้ติดต่อกลับ จากนั้นสีกากอล์ฟตอบกลับข้อความ ทำให้อดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร เปิดเผยเป้าหมายทันทีว่าต้องการดำเนินการกับพระราชสิทธิเวที ในขณะนั้น (อดีตเจ้าคณะจังหวัดพิจิตร และอดีตเจ้าอาวาสวัดท่าหลวง จ.พิจิตร ที่เพิ่งสึกไป) ซึ่งมีเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับการทุจริต เสพเมถุน และประพฤติตนไม่เหมาะสม อาจเชื่อมโยงมาถึงสีกากอล์ฟ พร้อมเสนอเงิน 1 ล้านบาท แต่สีกากอล์ฟชวนอดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร คุยเรื่องทั่วไป โดยเฉพาะอ้างว่ามีอาการป่วย ต้องใช้เงินผ่าตัดประมาณ 400,000 บาท […]

“ทักษิณ” ซัดผู้นำกัมพูชาไร้จริยธรรม แต่คนไทยกลับเชื่อ

17 ก.ค. – “ทักษิณ” ซัดผู้นำกัมพูชาไร้จริยธรรม แต่คนไทยกลับเชื่อ งงทำไมคนไทยไม่รักกัน ตอกพรรคที่เพิ่งหลุดร่วมรัฐบาลไป เป็นเขมรหรือไทย หลังติง “ลูกอิ๊งค์” ขายชาติ บอกปัจจุบันการเมืองไม่มีเสถียรภาพเหมือนสมัยรัฐบาล “คึกฤทธิ์” นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ปาฐกถาพิเศษ หัวข้อ “ปลดล็อกอนาคตประเทศไทย สู้วิกฤติโลก พลิกเกมเศรษฐกิจไทย” และ “พลิกเกมเศรษฐกิจไทย สู่อนาคต” จัดโดย บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) โดยมี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรมว.วัฒนธรรม พร้อมครม. อาทิ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกฯ และรมว.คมนาคม นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกฯ และรมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม นายชูศักดิ์ ศิรินิล รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายสุชาติ ตันเจริญ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี น.ส.จิราพร สินธุไพร รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ […]

แม่ทัพภาค 2 เยี่ยมให้กำลังใจทหารบาดเจ็บเหยียบกับระเบิด

อุบลราชธานี 17 ก.ค.-แม่ทัพภาค 2 เยี่ยมให้กำลังใจทหารได้รับบาดเจ็บเหยียบกับระเบิด ซึ่งอาการโดยรวมดีขึ้น ที่โรงพยาบาลค่ายสรรพสิทธิประสงค์ มณฑลทหารบกที่ 22 อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ได้เข้าเยี่ยมให้กำลังใจกับทหารสังกัดกรมทหารราบที่ 6 ที่ได้รับบาดเจ็บจากการเหยียบกับระเบิดทั้ง 3 นาย ซึ่งมีอาการโดยรวมดีขึ้น สำหรับทหารที่ได้รับบาดเจ็บทั้ง 3 นายประกอบด้วย ส.อ.ปฏิพัทธ์ ศรีลาศักดิ์ มีบาดแผลฟกซ้ำบริเวณหน้าอกจากการถูกแรงอัดระเบิด ตอนแรกมีอาการเจ็บหน้า แต่ปัจจุบันดีขึ้น พลทหารณัฐวุฒิ ศรีเข้ม มีบาดแผลฟกซ้ำที่หน้าอกจากการอัดของระเบิด แน่นหน้าอก แต่ช่วยเหลือตัวเองได้ พลทหารธนพัฒน์ หุยวัน ต้องตัดขาซ้ายใต้เข่าจากแรงระเบิด มีอาการปวดแผล แต่กินอาหารได้ตามปกติ หลังเยี่ยมพูดคุยให้กำลังใจ แม่ทัพก็เดินทางกลับไป เพื่อไปติดตามสถานการณ์ชายแดนด้านจังหวัดสุรินทร์ต่อไป.-711.-สำนักข่าวไทย

จนท. เข้าพบพระพรหมบัณฑิต ขอตรวจสอบบัญชีเงินวัดประยูรฯ

กทม. 17 ก.ค. – ตำรวจ ปปป. ป.ป.ท. และเจ้าหน้าที่สำนักพุทธฯ บุกวัดประยุรวงศาวาส เข้าตรวจสอบบัญชีเงินวัด เบื้องต้น  ยืนยันไม่ใช่การบุกค้นกุฏิ พระพรหมบัณฑิต เจ้าอาวาส พ.ต.ท.สิริพงษ์ ศรีตุลา รักษาราชการแทนรองเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.), พ.ต.อ.สถาปนา จุณณวัตต์ ผู้กำกับการกองกำกับการ 6 กองบังคับการปราบปราม พร้อมเจ้าหน้าที่สำนักงานพระพุทธแห่งชาติแห่งชาติ เดินทางเข้าพบพระพรหมบัณฑิต เจ้าอาวาสวัดประยุรวงศาวาสวรวิหาร เพื่อพูดคุยและขอข้อมูลเกี่ยวกับเอกสารการเงินภายในวัด หลังอดีตเจ้าคุณประสิทธิ์ อดีตผู้ช่วยเจ้าอาวาส เข้าไปพัวพันกับสีกากอล์ฟ และตรวจสอบข้อเท็จจริงจากคำให้การของพยาน ที่พบเงินถูกพับในลักษณะถูกนำออกมาจากตู้บริจาคในบ้านของสีกากอล์ฟ ซึ่งการตรวจสอบในวันนี้จะเน้นเรื่องเส้นทางการเงินของวัดทั้งหมด ที่ต้องสงสัยว่าอาจมีบางส่วนถูกยักยอก หลังการตรวจสอบ ผู้กำกับการ 6 บก.ปปป. กล่าวว่า ไม่สามารถที่จะเปิดเผยข้อมูลได้ ผู้บังคับบัญชาจะเป็นผู้ชี้แจง หลังจากนี้จะนำข้อมูลต่างๆ กลับไปเรียนให้ผู้บังคับบัญชาได้ทราบ แต่ยืนยันว่า วันนี้เป็นเพียงแค่การเข้ามาขอข้อมูลเท่านั้น ด้านเจ้าหน้าที่สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติระบุว่า เป็นเพียงการบูรณาการของหน่วยงาน ที่เกี่ยวข้อง และในการตรวจสอบเรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับ พระพรหมบัณฑิต เจ้าอาวาสวัดประยุรวงศาวาสวรวิหารแต่อย่างใด มีรายงานเพิ่มเติมว่าเจ้าหน้าที่ทั้ง 3 หน่วยงาน ได้นำกำลังส่วนหนึ่งเข้าไปตรวจสอบที่มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณ์ราชวิทยาลัย หรือ […]

ข่าวแนะนำ

กต.ประณามกัมพูชาใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ขัด กม.ระหว่างประเทศร้ายแรง

ก.ต่างประเทศ 20 ก.ค. – กต.ประณามกัมพูชาอย่างรุนแรงที่สุดต่อการใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ซัดขัด กม.ระหว่างประเทศร้ายแรง ละเมิดอธิปไตยไทย จี้ให้ความร่วมมือเก็บกู้ นายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ อ่านแถลงการณ์เรื่องการประท้วงการใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคลของกัมพูชา ซึ่งเป็นทุ่นระเบิดที่วางใหม่ บริเวณช่องบก ชายแดนไทย-กัมพูชา จังหวัดศรีสะเกษ จนเป็นเหตุให้กำลังพลของไทยได้รับบาดเจ็บ ว่า ตามที่เมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม 2568 กำลังพลกองร้อยทหารราบที่ 6021 รวม 3 นาย ซึ่งทำการลาดตระเวนตามปกติ ในดินแดนของไทย บริเวณช่องบก จังหวัดอุบลราชธานี ประสบเหตุเหยียบทุ่นระเบิดสังหารบุคคลนั้น รัฐบาลไทยได้รับรายงานจากหน่วยงานความมั่นคงว่า ภายหลังการตรวจสอบของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ปรากฏหลักฐานเชิงประจักษ์ว่า ทุ่นระเบิดที่พบ ไม่มีการใช้ หรือมีอยู่ในคลังอาวุธของไทย และเป็นทุ่นระเบิดที่วางใหม่ เมื่อประกอบกับการประมวลข้อมูล และหลักฐานสภาพแวดล้อมอื่น ๆ ที่หน่วยงานความมั่นคงตรวจพบ นำไปสู่การสรุปได้ว่า เป็นการวางทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ที่ถือเป็นการละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศอย่างร้ายแรง รัฐบาลไทยขอประณามอย่างรุนแรงที่สุดต่อการใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ซึ่งเป็นเรื่องการละเมิดอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของไทย และเป็นการกระทำที่ขัดต่อหลักการพื้นฐานที่สำคัญของกฎหมายระหว่างประเทศ ที่ระบุไว้ในกฎบัตรสหประชาชาติ อีกทั้งยังเป็นการกระทำที่ละเมิดพันธกรณีภายใต้อนุสัญญาห้ามทุ่นระเบิดสังหารบุคคลอย่างชัดเจน ไทยในฐานะรัฐภาคีอนุสัญญาฯ จะดำเนินการตามกระบวนการภายใต้อนุสัญญาฯ โดยจะยังคงหาทางแก้ปัญหากับกัมพูชาผ่านกลไกทวิภาคีต่าง […]

มทภ.2 ยินดีเขมรขนคนเที่ยวโบราณสถานไทย เตือนเคารพกฎ

20 ก.ค.- แม่ทัพภาค 2 ฮึ่มป่วน “ปราสาทตาเมือนธม-ปราสาทตาควาย” เจอมาตรการเบาไปหนัก ยินดีเขมรขนคนมาชมสองโบราณสถานของไทย ส่วนโซเชียลรณรงค์คนไทยเจ้าบ้านใส่เสื้อไทยร่วมต้อนรับ เมื่อวันที่ 20 ก.ค.68 พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 กล่าวถึงกรณีกัมพูชาขนประชาชนกัมพูชาหลายรถบัสขึ้นมาเที่ยวปราสาทตาเมือนธมและปราสาทตาควายของไทย ว่า รู้สึกยินดีและขอต้อนรับนักท่องเที่ยวชาวกัมพูชาและประเทศอื่น ๆ ที่มาท่องเที่ยว เยี่ยมชมปราสาทตาเมือนธมและปราสาทตาควายของไทย ทั้งนี้ นักท่องเที่ยวทุกคนจะต้องปฏิบัติตามกฎระเบียบที่กองทัพภาคที่ 2 กำหนดไว้ โดยได้จัดเจ้าหน้าที่คอยอำนวยความสะดวกและดูแลนักท่องเที่ยวให้ปฏิบัติตามกฎระเบียบ ไม่ก่อความวุ่นวาย เพื่อให้นักท่องเที่ยวทุกคนเข้าเยี่ยมชมได้ตามปกติ ทั้งนี้ ปราสาทตาเมือนธมและปราสาทตาควาย เป็นโบราณสถานที่มีความสำคัญของไทยและมีประวัติศาสตร์มายาวนาน “หากนักท่องเที่ยวคนใดก่อเหตุวุ่นวาย เจ้าหน้าที่มีมาตรการจากเบาไปหาหนักดำเนินการ ดังนั้นขออย่าให้เกิดเหตุการณ์ดังกล่าว เพราะนักท่องเที่ยวทุกคนเข้ามาเยี่ยมชมโบราณสถานของไทย ต้องเคารพกฎระเบียบของไทย” แม่ทัพภาคที่ 2 กล่าว ผู้สื่อข่าวรายงานว่า โซเชียลมีเดียมีการเผยแพร่ภาพคนไทย พร้อมข้อความภาษาไทยและภาษากัมพูชา ระบุว่า “รวมใจคนไทย ใส่เสื้อไทย ต้อนรับนักท่องเที่ยวกัมพูชา ด้วยรอยยิ้มและมิตรภาพจากเจ้าของบ้านตัวจริง” -สำนักข่าวไทย

ทบ.ส่งทหารช่างเก็บกู้ทุ่นระเบิดชายแดนไทย-กัมพูชา

20 ก.ค.- ทหารช่างปฏิบัติภารกิจเก็บกู้ทุ่นระเบิดพื้นที่ช่องบก ชายแดนไทย-กัมพูชา ขณะที่กองทัพบกเตรียมมาตรการตอบโต้ทางทหารอย่างเหมาะสม จากกรณีทหารไทยประสบเหตุเหยียบกับระเบิด บาดเจ็บ 3 นาย ขณะปฏิบัติภารกิจลาดตระเวนรักษาความสงบในพื้นที่ช่องบก จังหวัดอุบลราชธานี ล่าสุดเช้านี้ (20 ก.ค. 68) กองทัพภาคที่ 2 เสริมกำลังทหารช่างลงพื้นที่ทันที เพื่อตรวจพื้นที่และเก็บกู้ทุ่นระเบิดตลอดแนวชายแดน โดยใช้ยุทโธปกรณ์หนัก รถแทรกเตอร์หุ้มเกราะ ชุดตรวจค้นทุ่นระเบิดชำนาญการ กำลังชุดทหารช่างตรวจค้นกวาดล้างทุ่นระเบิด (Mine Clearing) เขตทางพื้นที่สงสัยให้ปลอดภัย พร้อมใช้รถโกยตัก ถางขุดตอ และรถถากถางติดตั้งเกราะเหล็กป้องกันพลขับในการทำงานในพื้นที่เสี่ยงภัย ปฏิบัติการดังกล่าว นอกจากดูแลความปลอดภัยของกำลังพลที่จะออกลาดตระเวนในพื้นที่เขตแดนไทยแล้ว ยังเป็นการเก็บหลักฐานเพื่อแสดงให้เห็นว่ากัมพูชามีพฤติการณ์ที่ขัดต่ออนุสัญญาออตตาวา ว่าด้วยการห้ามใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล แม้ทางฝ่ายกัมพูชาจะไม่ยอมรับ แต่กระทรวงการต่างประเทศ จะทำหนังสือเพื่อประท้วงอย่างเป็นทางการผ่านสหประชาชาติ (UN) และทางกองทัพบก จะมีมาตรการตอบโต้ทางทหารอย่างเหมาะสม.-สำนักข่าวไทย

พฐ.เตรียมตรวจสอบเหตุเพลิงไหม้โรงงานแปรรูปยางพารา

20 ก.ค.- เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานเตรียมตรวจสอบเหตุเพลิงไหม้โรงงานแปรรูปยางพารา จ.บุรีรัมย์ เบื้องต้นไม่มีผู้บาดเจ็บ คาดเสียหายหลายสิบล้านบาท เมื่อช่วงกลางดึกที่ผ่านมา เกิดเหตุเพลิงไหม้โรงงานรับซื้อและแปรรูปยางพาราขนาดใหญ่ ตั้งอยู่ริมถนนสาย 24 โชคชัย-เดชอุดม ตำบลโคกม้า อ.ประโคกชัย จ.บุรีรัมย์ โดยต้นเพลิงเป็นโกดังเก็บยางพาราอัดแท่ง จัดว่าเป็นเชื้อเพลิงอย่างดี ทำให้เพลิงลุกไหม้รวดเร็วและรุนแรง ผู้สื่อข่าวรายงานว่าตอนเกิดเหตุช่วงแรก พนักงานช่วยกันดับแต่เอาไม่อยู่ จึงรีบแจ้งเจ้าหน้าที่ให้เข้าช่วยเหลือ ตำรวจ สภ.ประโคนชัย พร้อมเจ้าหน้าที่ดับเพลิง ลงพื้นที่ตรวจสอบและประสานรถดับเพลิงกว่า 20 คัน เข้าฉีดสกัดนานกว่า 2 ชั่วโมง จึงคุมเพลิงให้อยู่ในวงจำกัดได้ แต่ยังต้องฉีดน้ำหล่อเลี้ยงไว้ตลอดป้องกันไม่ให้ไฟปะทุลามไปจุดอื่นในโรงงาน พร้อมเคลื่อนย้ายถังแก๊ส ถังน้ำมัน จากอาคารใกล้เคียงไปไว้ยังจุดปลอดภัย เบื้องต้นไม่มีพนักงานได้รับบาดเจ็บ ด้านนายจำเริญ แหวนเพ็ชร รองผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์ กล่าวว่าแม้จะควบคุมเพลิงไว้ได้แล้ว แต่รถดับเพลิงก็ยังต้องฉีดน้ำเพื่อหล่อความเย็นจนกว่าไฟจะดับสนิท ส่วนสาเหตุเพลิงไหม้ยังไม่ทราบ ต้องรอเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานเข้ามาตรวจสอบ สำหรับมูลค่าความเสียหายอยู่ระหว่างการประเมิน คาดหลายสิบล้านบาท ทั้งนี้ โรงงานดังกล่าวเคยเกิดเหตุไฟไหม้มาแล้ว เมื่อปี 63 -สำนักข่าวไทย