“ปารีณา-ศรีนวล” ไม่สิ้นสุดส.ส.

ศาลรัฐธรรมนูญ 23 ก.ย.-ศาลรัฐธรรมนูญมีมติเอกฉันท์ “ปารีณา-ศรีนวล” ไม่สิ้นสุดสมาชิกภาพส.ส. เหตุไม่เข้าข่ายใช้ตำแหน่งหน้าที่ก้าวก่ายการทำงานรัฐ – งบประมาณ ด้านทนายปรีณาเตรียมคัดสำเนาฟ้องกลับ “พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์”


ศาลรัฐธรรมนูญออกนั่งบัลลังก์อ่านคำวินิจฉัยเรื่องที่ประธานสภาผู้แทนราษฎรส่งคำร้องขอให้รัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 82 ว่าสมาชิกภาพ ส.ส.ของ น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ สิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 101 (7) ประกอบมาตรา 185 (1) และสมาชิกภาพ ส.ส.ของ น.ส.ศรีนวล บุญลือ สิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญ 101 (7) ประกอบมาตรา 185 (2) หรือ ไม่ โดยประธานสภาผู้แทนราษฎร ได้ส่งนายสรศักดิ์ เพียรเวช เลขาธิการฯ เป็นตัวแทนเข้ารับฟัง ขณะที่ น.ส.ปารีณา และ น.ส.ศรีนวล ไม่ได้เดินทางมาศาล ซึ่ง น.ส.ปารีณา มอบหมายให้นายทศพล เพ็งส้ม เป็นตัวแทน ส่วน น.ส.ศรีนวล มอบหมายให้ น.ส.พิชญา ใจสมุทร

คณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญมอบหมายให้นายวิรุฬห์ แสงเทียน ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญเป็นผู้อ่านคำวินิจฉัย ว่า ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาคำร้อง คำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหา และเอกสารประกอบแล้วเห็นว่าคดีมีพยานหลักฐานเพียงพอที่จะพิจารณาวินิจฉัยได้ จึงไม่ไต่สวนตามพ.ร.ป.ว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ 2561 มาตรา 58 วรรคหนึ่ง และกำหนดประเด็นที่จะต้องพิจารณาวินิจฉัย ดังนี้ ประเด็นที่ 1 สมาชิกภาพส.ส.ของ น.ส.ปารีณา สิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 101(7) ประกอบมาตรา 185 (1) หรือไม่นับแต่เมื่อใด ประเด็นที่ 2 สมาชิกภาพ ส.ส.ของ น.ส.ศรีนวล สิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 101 (7) ประกอบมาตรา 185 (2) หรือไม่ นับแต่เมื่อใด


นายวิรุฬห์ กล่าวว่า ศาลพิจารณาแล้วประเด็นที่ 1 ข้อเท็จจริงในคดีฟังได้ว่า เมื่อวันที่ 29 ตุลาคม 2562 ผู้ถูกร้องได้ร่วมประชุมกับข้าราชการหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและประชาชนเกี่ยวกับการจัดตั้งป่าชุมชนในพื้นที่ อ.จอมบึง จ.ราชบุรี โดยแจ้งต่อที่ประชุมว่าจะกำชับประสานงานเร่งรัดการตรวจสอบหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิด เพื่อที่จะให้พื้นที่ดังกล่าวเป็นป่าชุมชนโดยเร็วขึ้น เมื่อพิจารณาการกระทำของผู้ถูกร้องที่ 1 แล้ว ศาลรัฐธรรมนูญโดยมติเอกฉันท์เห็นว่าการกระทำของผู้ถูกร้องที่ 1 เป็นเพียงการติดตาม เรื่องของประชาชนในพื้นที่อำเภอจอมบึง ซึ่งเป็นพื้นที่ในเขตเลือกตั้งของผู้ถูกร้องที่ 1 เพื่อให้เจ้าหน้าที่ของรัฐปฎิบัติหน้าที่ตามที่กฎหมายกำหนด จึงฟังไม่ได้ว่าผู้ถูกร้องที่หนึ่งใช้สถานะหรือตำแหน่งการเป็น ส.ส. กระทำการ อันมีลักษณะเป็นการก้าวก่ายหรือแทรกแซงในเรื่องการปฎิบัติราชการหรือการดำเนินงานในหน้าที่ประจำของข้าราชการ หรือหน่วยงานของรัฐเพื่อประโยชน์ของตนเอง ผู้อื่น หรือพรรคการเมือง ไม่ว่าโดยทางตรงหรือทางอ้อมตามรัฐธรรมนูญมาตรา 185 (1)

นายวิรุฬห์ กล่าวว่า ส่วนประเด็นที่ 2 ข้อเท็จจริงในคดีฟังได้ว่าเมื่อวันที่ 22 ตุลาคม 2562 ผู้ถูกร้องที่ 2 เข้าพบนายอนุทิน ชาญวีรกุล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ที่ทำเนียบรัฐบาล และมอบหนังสือแจ้งปัญหาเรื่องที่พักของเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลจอมทอง จ.เชียงใหม่ให้รัฐมนตรีรับทราบ เมื่อพิจารณาการกระทำของผู้ถูกร้องที่ 2 โดยมติเอกฉันท์เห็นว่าการกระทำของผู้ถูกร้องที่ 2 เป็นการแจ้งปัญหาที่เกิดขึ้นในพื้นที่อ.จอมทอง ซึ่งเป็นพื้นที่เขตเลือกตั้งของผู้ถูกร้อง เพื่อให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขรับทราบเท่านั้น และไม่ปรากฏพฤติการณ์อื่นใดของผู้ถูกร้องที่ 2 เข้าไปมีส่วนร่วมใช้จ่ายเงินงบประมาณหรือให้ความเห็นชอบการจัดทำโครงการใด ๆ ของกระทรวงสาธารณสุข จึงฟังไม่ได้ว่าผู้ถูกร้องที่ 2 ใช้สถานะหรือตำแหน่งการเป็นส.ส.กระทำการอันมีลักษณะก้าวก่ายหรือแทรกแซงในลักษณะที่ทำให้ตนมีส่วนร่วมใช้จ่ายเงินงบประมาณหรือให้ความเห็นชอบจัดทำโครงการใด ๆ ของกระทรวงสาธารณสุขเพื่อประโยชน์ของตนเอง ผู้อื่น หรือพรรคการเมือง ไม่ว่าโดยทางตรงหรือทางอ้อม ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 185(2)

“อาศัยเหตุผลดังกล่าววินิจฉัยว่า สมาชิกภาพส.ส.ของผู้ถูกร้องที่ 1 ไม่สิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญมาตรา 101(7) ประกอบมาตรา 185(1) และสมาชิกภาพส.ส. ของผู้ถูกร้องที่ 2 ไม่สิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญมาตรา 101(7) ประกอบมาตรา 185(2)
ด้านนายทศพล เพ็งส้ม ทนายความของน.ส.ปารีณา กล่าวภายหลังศาลรัฐธรรมนูญอ่านคำวินิจฉัย ว่า คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญทำให้เห็นว่าน.ส.ปารีณา ไม่มีความผิด ถือว่าเป็นการทำงานติดตามในฐานะ ส.ส.ให้กับประชาชนเป็นหลัก ซึ่งหลังจากนี้จะขอคัดสำเนาเพื่อดูรายละเอียดคำพิพากษาว่ามีเนื้อหาใดเกี่ยวข้องกับบุคคลใดบ้าง และใครต้องรับผิดชอบบ้าง สิ่งที่ร้องส่วนไหนเป็นความเท็จ จะต้องฟ้องกลับ ซึ่งน.ส.ปารีณา แสดงความตั้งใจฟ้องกลับพล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส แต่ทีมกฎหมายต้องดูเนื้อหารายละเอียดทั้งหมดก่อน


“จะขอคัดสำเนาคณะกรรมาธิการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ สภาผู้แทนราษฎร เพื่อดูว่าประเด็นไหนที่สามารถดำเนินคดีได้ โดยจะต้องดูรายละเอียดที่เกี่ยวข้องทั้งหมดอย่างละเอียด ตอนแรกน.ส.ปารีณาตั้งใจจะเดินทางมาฟังคำวินิจฉัย แต่เนื่องจากติดภารกิจเข้าร่วมประชุมรัฐสภา จึงไม่สามารถเดินทางมาได้” นายทศพล กล่าว.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

หนุ่ม 31 ซิ่งเก๋งชนไรเดอร์ดับคาที่ หลังมีปากเสียงเรื่องขับเฉี่ยวชน

หนุ่มไทยเชื้อสายอินเดีย ลูกเจ้าของร้านขายผ้าซิ่งเก๋งชนไรเดอร์ดับ ริมถนนสุขุมวิท หลังมีปากเสียงเรื่องขับรถเฉี่ยวไม่ลงมาเจรจา

พ่อพาญาติเยี่ยมลูกชายลูกครึ่งอินเดีย ขับรถชนไรเดอร์ดับ

พ่อพาญาติเยี่ยมลูกชายลูกครึ่งอินเดีย ที่หัวร้อนขับรถชนไรเดอร์ดับคาที่กลางสุขุมวิท เมื่อวานนี้ พร้อมไหว้ขอสื่อ อย่ามายุ่งกับครอบครัว

จำคุกทนายเดชา

ศาลสั่งจำคุก 1 ปี “ทนายเดชา” ปมไลฟ์หมิ่น “อ.อ๊อด”

ศาลสั่งจำคุก 1 ปี “ทนายเดชา” คดีหมิ่น “อ.อ๊อด” ปรับ 1 แสนบาท ปมไลฟ์ด่าเสียหาย ให้รอลงอาญา โจทก์เตรียมอุทธรณ์ต่อ ขอให้ติดคุกจริง

ศาลให้ประกันหนุ่มลูกครึ่งอินเดียหัวร้อนขับรถไล่ชนไรเดอร์ดับ

ครอบครัวไรเดอร์ที่ถูกหนุ่มลูกครึ่งอินเดียหัวร้อนขับรถไล่ชนเสียชีวิต กอดกันร้องไห้รับร่างและรดน้ำศพ ด้านศาลให้ประกันตัวผู้ต้องหา วงเงิน 600,000 บาท ติดกำไล EM-ห้ามออกนอกประเทศ

ข่าวแนะนำ

วันประวัติศาสตร์ สมรสเท่าเทียมวันแรก

วันนี้เป็นวันแรกที่กฎหมายสมรสเท่าเทียม มีผลใช้บังคับอย่างเป็นทางการ ใน กทม. มีการจัดงานวันสมรสเท่าเทียมอย่างยิ่งใหญ่ เฉลิมฉลองให้กับเส้นทางการต่อสู้อันยาวนานกว่าที่กฎหมายจะมีผลบังคับใช้ ไม่ว่าเพศใดก็จะได้รับสิทธิการสมรสอย่างเท่าเทียมกัน

นาทีประวัติศาสตร์! นายกฯ ร่วมพิธีลงนาม FTA ไทย-เอฟตา

นายกฯ ร่วมพิธีลงนาม FTA ไทย-เอฟตา ฉบับแรกไทยกับยุโรป ความสำเร็จรัฐบาลแพทองธาร สร้างโอกาสยุคทองการค้า-ลงทุน ทำเงินเข้าประเทศ

ตำรวจ ปปป.ซ้อนแผนบุกจับนายช่างโยธา เรียกรับเงิน 4 แสน

ตำรวจ ปปป. บุกจับนายช่างโยธาปฏิบัติงาน ฝ่ายโยธา สำนักงานเขตพระโขนง เรียกรับเงินค่าออกใบอนุญาตก่อสร้างอาคาร 400,000 บาท

สมรสเท่าเทียม

นายกฯ ส่งคลิปสารร่วมยินดีกฎหมายสมรสเท่าเทียมบังคับใช้

“แพทองธาร” นายกฯ ส่งคลิปสารร่วมแสดงความยินดีกฎหมายสมรสเท่าเทียมบังคับใช้ ขอบคุณทุกภาคส่วนผ่านการต่อสู้กับอคติกว่า 2 ทศวรรษ ทำให้ ทุกตารางนิ้วของประเทศไทยโอบรับความหลากหลาย และเท่าเทียม