ศาลปกครองสูงสุดเพิกถอนคำสั่งไล่ออก“วิชัย” เป็นปลดออกจากราชการ

ศาลปกครอง 6 ส.ค.-ศาลปกครองสูงสุดพิพากษายืนเพิกถอนคำสั่งไล่ออก “วิชัย” อดีตผอ.สำนักกฎหมายสรรพากรเป็นปลดจากราชการ คดีรับโอนหุ้นชินคอร์ ชี้ป.ป.ช.ไม่มีหลักฐานแสดงว่าได้รับประโยชน์แลกกับการงดเว้นคำนวณภาษี “คุณหญิงพจมาน” ที่โอนหุ้นชินฯ 738 ล้านให้ “บรรณพจน์“ เร่งคืนสิทธิประโยชน์โดยเร็ว


ศาลปกครองสูงสุดมีคำพิพากษายืนตามศาลปกครองกลางสั่งเพิกถอนคำสั่งกระทรวงการคลังที่ลดโทษนายวิชัย จึงรักเกียรติ อดีตผู้อำนวยการสำนักกฎหมาย กรมสรรพากรจากไล่ออกเป็นปลดออกจากราชการ จากกรณีนายวิชัยงดเว้นการคำนวณภาษีกับคุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์ อดีตภริยานายทักษิณ ชินวัตร ขณะดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ในการโอนหุ้นบริษัท ชินวัตร คอมพิวเตอร์ แอนด์ คอมมิวนิเคชั่น (มหาชน) หรือชินคอร์ป 4.5 ล้านหุ้น มูลค่า 738 ล้านบาทให้นายบรรณพจน์ ดามาพงศ์ พี่ชายบุญธรรมคุณหญิงพจมานเมื่อปี 2540 แต่มีคำพิพากษาแก้คำสั่งศาลปกครองกลางในส่วนระยะเวลาที่ให้คำสั่งเพิกถอนมีผลย้อนหลังไป นับแต่วันที่มีคำสั่งคือวันที่ 12 พฤษภาคม 2551 เป็นให้คำพิพากษาเพิกถอนมีผลย้อนหลังไปนับตั้งแต่วันที่ 29 ธันวาคม 2549 ซึ่งเป็นวันที่คำสั่งลดโทษจากไล่ออกเป็นปลดออกจากราชการมีผลบังคับ และให้คืนสิทธิประโยชน์ที่นายวิชัยพึงมีพึงตามกฎหมายโดยเร็ว

ส่วนเหตุผลที่ศาลปกครองสูงสุดมีคำพิพากษาเพิกถอนคำสั่งลดโทษนายวิชัย จากไล่ออกเป็นปลดอกจากราชการ ระบุว่ามติชี้มูลความผิดทางวินัยนายวิชัยของกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) เป็นเพียงการใช้อำนาจทางปกครอง ตามกฎหมายระดับพระราชบัญญัติ ไม่ใช่การวินิจฉัยชี้ขาดขององค์กรตามรัฐธรรมนูญ ที่เป็นการใช้อำนาจโดยตรงตามรัฐธรรมนูญ อันเป็นข้อยกเว้นตามมาตรา 223 วรรคสอง ของรัฐธรรมนูญ 2550 เมื่อคดีนี้นายวิชัยขอให้ศาลพิพากษาเพิกถอนคำสั่งลงโทษทางวินัย จึงเป็นคดีพิพาทเกี่ยวกับการที่เจ้าหน้าที่ของรัฐออกคำสั่งโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ที่อยู่ในอำนาจการพิจารณาของศาลปกครอง


ส่วนคำสั่งกระทรวงการคลังที่ 658/2551ลงวันที่ 12 พฤษภาคม 2551 เรื่องลดโทษข้าราชการเฉพาะส่วนที่ลดโทษนายวิชัย จากไล่ออกเป็นปลดออกจากราชการชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ เห็นว่าข้อกล่าวหาว่าเจ้าหน้าที่ของรัฐกระทำความผิดที่อยู่ในอำนาจการไต่สวนและวินิจฉัยของป.ป.ช. หมายถึงเฉพาะข้อกล่าวหาที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดฐานทุจริตต่อหน้าที่กระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ และกระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่การงานที่ทำเท่านั้น นอกจาก 3 กรณีดังกล่าวนี้ป.ป.ช. ไม่มีอำนาจชี้มูลความผิด ดังนั้น การที่ป.ป.ช.ชี้มูลความผิดทางวินัยในความผิดฐานอื่นนอกเหนือจากการทุจริตต่อหน้าที่ จึงไม่ผูกพันผู้บังคับบัญชาหรือผู้มีอำนาจแต่งตั้งถอดถอน ผู้ถูกกล่าวหาที่ต้องถือเอารายงานการไต่สวนข้อเท็จจริงและความเห็นของป.ป.ช.มาเป็นสำนวนสอบสวนทางวินัยของคณะกรรมการสอบสวนวินัย ตามมาตรา 92 วรรคหนึ่งของ พ.ร.ป.ว่าด้วยป.ป.ช.2542

ทั้งนี้ ตามพระราชกฤษฎีกาแบ่งส่วนราชการกรมสรรพากรกระทรวงการคลัง 2540 สำนักกฎหมายที่นายวิชัยดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการ ไม่ได้เป็นหน่วยงานที่มีอำนาจหน้าที่ในการตรวจสอบเรียกเก็บภาษีอากร แต่มีหน้าที่ให้คำปรึกษาแนะนำเกี่ยวกับการวินิจฉัยตีความกฎหมายประกาศคำสั่งและระเบียบต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับภาษีอากร ซึ่งจากข้อเท็จจริงเห็นได้ว่าการรับโอนหุ้นของนายบรรณพจน์ สำนักตรวจสอบภาษีได้ดำเนินการตรวจสอบและมีความเห็นอยู่ก่อนแล้วว่าเป็นกรณีการรับหุ้นจากการให้โดยเสน่หาเนื่องในพิธี หรือตามโอกาสแห่งขนบธรรมเนียมประเพณี ถือเป็นเงินได้ที่ได้รับการยกเว้นภาษีเงินได้ตามมาตรา 42 ( 10 ) แห่งประมวลกฎหมายรัษฎากร ซึ่งในการพิจารณาตอบข้อหารือของสำนักกฎหมายได้พิจารณาให้ความเห็น โดยอ้างอิงในความเห็นของกรมสรรพากรและคำพิพากษาศาลฎีกาที่มีข้อเท็จจริง และความเห็นใกล้เคียงกับความเห็นของสำนักตรวจสอบภาษี เมื่อป.ป.ช. ไม่มีพยานหลักฐานแสดงให้เห็นว่าการให้ความเห็นในกรณีนี้ นายวิชัยมีเจตนาเพื่อให้ตนเองหรือผู้อื่นได้รับประโยชน์ที่มิควรได้ จึงไม่อาจถือว่า เป็นการปฏิบัติหน้าที่ราชการโดยมิชอบ

สำหรับกรณีนายบรรณพจน์รับโอนหุ้นจากคุณหญิงพจมาน และหรือนายทักษิณผ่านระบบซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ จะถือเป็นการโอนหลักทรัพย์โดยอำพรางเพื่อหลีกเลี่ยงการเสียภาษีเงินได้ ซึ่งบุคคลดังกล่าวจะต้องรับผิดตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องตามความเห็นของป.ป.ช.หรือไม่ เป็นเรื่องที่ต้องแยกพิจารณาภาระภาษีที่ผู้มีเงินได้พึงประเมินจะต้องเสียภาษีเงินได้ตามประมวลกฎหมายรัษฎากร อีกทั้งไม่ปรากฏพยานหลักฐานใดในสำนวนคดีนี้ที่พิสูจน์ได้ว่านายวิชัยได้รับประโยชน์ที่มิควรได้จากการปฏิบัติหน้าที่ดังกล่าว หรือปฏิบัติหน้าที่ราชการโดยจงใจไม่ปฏิบัติตามกฎหมายระเบียบของทางราชการ ที่ทำให้กรมสรรพากรได้รับความเสียหาย


กรณีนี้จึงไม่อาจรับฟังได้ว่าพฤติการณ์ของนายวิชัยได้ชื่อว่าเป็นผู้ประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง อันได้ชื่อว่าเป็นผู้ประพฤติชั่วอย่างร้ายแรงตามมาตรา 82 วรรค 3 มาตรา 15 วรรคสองและมาตรา 98 วรรค 2 พ.ร.บ.ระเบียบข้าราชการพลเรือน 2535 ตามที่ป.ป.ช.ชี้มูลความผิด การที่ปลัดกระทรวงการคลังมีคำสั่งกระทรวงคลัง ที่ 1214/2549 ลงวันที่ 29 ธันวาคม 2549 ลงโทษไล่นายวิชัยออกจากราชการ และต่อมาได้มีคำสั่งกระทรวงคลังที่ 658/2651 ลงวันที่ 12 ธันวาคม 2551ลดโทษนายวิชัยจากไล่ออกจากราชการเป็นปลดออกจากราชการ ตามมติคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน จึงเป็นคำสั่งที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

มุกใหม่มิจฉาชีพ

มุกใหม่มิจฉาชีพ! ป่วนโทรแจ้ง ตร. เกิดเหตุร้ายที่บ้านเหยื่อ

อินฟลูฯ สาว สายทำอาหาร ถูกมิจฉาชีพอ้างเป็นตำรวจโทรหา แต่เธอไม่เชื่อ โดนท้าอีก 10 นาทีเจอกัน ปรากฏว่า มีตำรวจจาก 2 โรงพักบุกมาที่บ้านจริง

“วราวุธ” ระบุการแข่งขัน อบจ.-สุพรรณบุรี ไม่มีปัญหา

“วราวุธ” ระบุการแข่งขัน อบจ.-สุพรรณบุรี ไม่มีปัญหา บอกสนามใหญ่ ไม่เข้าไปก้าวก่ายสนามท้องถิ่น ซ้ายก็เพื่อน ขวาก็พวก

ครม.เคาะแจกเงินหมื่นเฟส 2 ผู้สูงอายุ 60 ปี

“จุลพันธ์” เผย ครม.เห็นชอบโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านกลุ่มผู้สูงอายุ วงเงิน 4 หมื่นล้านบาท คาดว่าจะดำเนินการทันก่อน 29 ม.ค.68 รวม 3 มาตรการ สร้างเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบ 1.4-1.5 แสนล้านบาท

ข่าวแนะนำ

คุมฝากขัง “เอ็ม เอกชาติ” คดี “แบงค์ เลสเตอร์”

ผบช.ภ.2 เผยคดี “แบงค์ เลสเตอร์” แจ้งข้อหา “เอ็ม” กระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย มอบตัวรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา คุมฝากขังค้านประกันตัว

หยุดยาววันแรก การจราจรขาออก กทม. มุ่งสู่อีสานเริ่มแน่น

เริ่มหยุดยาววันแรก การจราจรบนท้องถนนขาออกกรุงเทพฯ มุ่งสู่อีสานเริ่มแน่นตั้งแต่เมื่อคืน เช้านี้ ถนนมิตรภาพ ช่วง ต.กลางดง อ.ปากช่อง ชะลอเคลื่อนตัวไปได้เรื่อยๆ ส่วนถนนพหลโยธิน ขาเข้าหนองแค รถเริ่มแน่น

วันแรก ตาย 52 อุบัติเหตุ 322 ครั้ง บาดเจ็บ 318 คน

สถิติวันแรก 10 วันอันตราย ตาย 52 อุบัติเหตุ 322 ครั้ง บาดเจ็บ 318 คน​ “เพิ่มพูน” เน้นทุกฝ่ายช่วยกันดูแลความปลอดภัย อำนวยความสะดวก เข้มเรื่องกฎหมาย