สว.พันธุ์ใหม่ จี้ นายกฯ ไม่หนุนทหารปฏิวัติ-ยึดอำนาจ

รัฐสภา 18 มิ.ย.-สว.พันธุ์ใหม่ จี้ “แพทองธาร” นายกฯ รับผิดชอบ เซ่นปมคลิปเสียงกับ “ฮุนเซน” แนะทางเลือก 2 ทาง ลาออก-ยุบสภา ไม่หนุนทหารปฏิวัติ-ยึดอำนาจ บอกทำหน้าที่ปกป้องชาติดีอยู่แล้ว


น.ส.นันทนา นันทวโรภาส สว. พร้อมด้วย สว.พันธุ์ใหม่ แถลงถึงกรณีที่ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ออกมายอมรับคลิปเสียงที่พูดคุยกับสมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชาว่าเป็นเสียงของตัวเองจริง ว่า ทำให้เกิดความไม่สบายใจของคนในประเทศ เพราะมีการเกี่ยวพันไปถึงฝ่ายความมั่นคงและพวกเราในฐานะ สว.พันธุ์ใหม่ มีความรู้สึกไม่สบายใจ ทำให้คนไทยทั้งประเทศและฝ่ายความมั่นคง ก็อาจจะรู้สึกคับข้องใจกับคลิปเสียงนี้ ซึ่งรัฐบาลคงจะต้องออกมาแสดงความรับผิดชอบต่อสิ่งที่มีในบทสนทนา และต้องออกมาชี้แจงกับประชาชนให้เข้าใจว่ารัฐบาลจะรับผิดชอบต่อกรณีนี้อย่างไร

น.ส.นันทนา กล่าวต่อว่า เรามองว่าฝ่ายความมั่นคง ได้ทำหน้าที่ของตัวเองดีอยู่แล้วในเรื่องการปกปักษ์รักษาชายแดนของประเทศไทยและทำหน้าที่เป็นผู้ที่ดูแลบริเวณของประเทศไทยอย่างมั่นคง ฉะนั้น ก็ให้กำลังใจกับฝ่ายทหารที่จะทำหน้าที่ในการปกป้องประเทศชาติของเราต่อไป แต่ไม่เห็นด้วยถ้าทหารจะใช้เงื่อนไขนี้มายึดอำนาจหรือทำรัฐประหาร ซึ่งในขณะนี้สถานการณ์ในประเทศของเราไม่ได้ไปถึงจุดที่จะต้องทำรัฐประหาร เพราะสถานการณ์เศรษฐกิจของประเทศเราอยู่ในสถานการณ์ที่ย่ำแย่ เรื่องของปากท้องประชาชนเป็นเรื่องสำคัญ เรื่องของความไว้วางใจของนานาอารยประเทศเป็นเรื่องที่สำคัญมากเพราะฉะนั้นไม่ใช่เงื่อนไขที่ฝ่ายความมั่นคงจะใช้ในการที่จะมาทำรัฐประหารหรือยึดอำนาจในเวลานี้ เราขอร้องและวิงวอนไปยังฝ่ายความมั่นคงว่าให้ทำหน้าที่ในเรื่องของการรักษาดินแดนของประเทศไทย แต่อย่าใช้เป็นเงื่อนไขมายึดอำนาจ เพราะประชาชนไม่ต้องการการแม้เราต้องการรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ แต่เราต้องการรัฐธรรมนูญที่ผ่านกระบวนการทางรัฐสภาให้เป็นฉบับของประชาชน เราไม่ต้องการให้มีการฉีกรัฐธรรมนูญทุกอย่างในประเทศไทยต้องเป็นไปตามกลไกในระบอบประชาธิปไตย ถ้าจะมีการเปลี่ยนแปลงรัฐบาลให้เปลี่ยนแปลงตามกลไกของรัฐสภา ไม่ใช้อำนาจนอกระบบและปฏิเสธการยึดอำนาจทุกรูปแบบ


เมื่อถามว่า นายกฯ ควรจะลาออกหรือไม่ น.ส.นันทนา กล่าวว่า เป็นสิ่งที่รัฐบาลจะต้องรับผิดชอบ แต่จะรับผิดชอบอย่างไรก็ต้องออกมาชี้แจงเพราะที่ นายกฯ ออกมายอมรับว่าเป็นเสียงของตัวเอง และประชาชนได้ฟังสิ่งที่พูดแล้วไม่สบายใจ ฝ่ายความมั่นคงไม่สบายใจ ย้ำว่าท่านต้องรับผิดชอบส่วนจะรับผิดชอบแล้วลักษณะอย่างไรก็ต้องมาชี้แจงต่อประชาชน

เมื่อถามว่า มองอย่างไรถ้าความรับผิดชอบไม่ตรงใจประชาชน อาจจะมีการลงถนน น.ส.นันทนา กล่าวว่า เป็นสิทธิเสรีภาพของประชาชนที่แสดงออกได้อยู่แล้ว แต่ต้องไม่บานปลาย และฝ่ายค้านมั่นคงไม่ใช้เป็นเงื่อนไขนี้ในการยึดอำนาจ จึงต้องบอกว่าฝ่ายทหารต้องหนักแน่นและยืนยันว่าเป็นทหารอาชีพคือทำหน้าที่ปกป้องอธิปไตยของประเทศ

ทั้งนี้ หากนายกฯ ไม่ลาออก การแก้ปัญหาจะเกิดความเชื่อมั่นอย่างไร น.ส.นันทนา กล่าวว่า ต้องดูความศรัทธาของประชาชนที่มีต่อรัฐบาล ถ้ารัฐบาลยังบริหารประเทศต่อไปโดยที่ยังมีผู้นำประเทศและคณะรัฐมนตรี ที่เป็นลักษณะเดิม ก็ต้องดูว่าประชาชนจะยังให้ความไว้วางใจอยู่มากน้อยแค่ไหน ขอย้ำว่าถ้าประชาชนไม่พอใจการเปลี่ยนแปลงต้องเป็นไปตามกลไกของระบอบประชาธิปไตย และรัฐบาลมีทางออกคือลาออกหรือยุบสภา ถ้ายุบสภาคืนอำนาจให้ประชาชน ประชาชนก็สามารถตัดสินใจได้ว่าเขาจะเลือกใครมาเป็นรัฐบาลต่อไป ซึ่งเป็นสิ่งที่ทำให้ไม่เกิดการปะทะ ไม่เกิดความรุนแรง และเป็นเงื่อนไขที่ดีที่สุด แต่ถ้าผิดไปจากนี้รัฐบาลก็ต้องยอมรับว่าเมื่อเสียศรัทธาต่อประชาชนแล้วจะสามารถบริหารต่อไปได้อย่างไรในการที่จะทำให้ประชาชนเชื่อมั่นและทำตาม


เมื่อถามต่อว่า ส่วนตัวมั่นในการทำงานของนายกฯ หรือไม่ น.ส.นันทนา กล่าวว่า ตนคิดว่ารัฐบาลมีปัญหาในเรื่องกระบวนการสื่อสารในเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างประเทศทำช้าเกินไป ทำน้อยเกินไป ขาดเอกภาพ และขาดประสิทธิภาพ โดยวันนี้คลิปเสียงของนายกฯ ก็ตอกย้ำเรื่องความไร้ประสิทธิภาพในการสื่อสาร และในฐานะ สว.คงอาจจะตอบไม่ได้ว่ายังมีความเชื่อมั่นในรัฐบาลหรือไม่ ขอให้ประชาชนตัดสินใจแล้วกัน

ด้านนายนรเศรษฐ์ ปรัชญากร สว. กล่าวว่า ไม่ทราบว่าเป็นด้วยเหตุผลความอ่อนแอ ไร้เดียงสาในการเจรจาที่สำคัญในระดับประเทศ ความเสียหายที่เกิดขึ้นเรื่องของความเชื่อมั่น เรื่องของการเสียเปรียบทางยุทธศาสตร์ และการเสียภาพลักษณ์ของการผู้นำประเทศ จึงอยากให้รัฐบาลและนายกฯออกมาอธิบายกับพี่น้องประชาชน และแถลงด้วยว่าจะรับผิดชอบต่อสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างไร สิ่งที่ สว.พันธุ์ใหม่ ยืนยันไม่ว่าปัญหาอะไรที่เกิดขึ้นตอนนี้ และมีความอ่อนไหวแค่ไหน ยังสามารถใช้กลไกของรัฐสภา แก้ปัญหาได้ เราไม่ต้องการให้มีวิธีพิเศษเข้ามาเพื่อแก้ไขปัญหา คิดว่ากองทัพและฝ่ายความมั่นคงทำหน้าที่ของตัวเองได้ดีเยี่ยมมากอยู่แล้ว และเป็นที่พึ่งของประชาชนได้ในยามที่เราต้องการ ความมั่นใจที่ช่วยปกป้องอธิปไตยของประเทศ ขอยืนยันว่าปัญหาที่เกิดขึ้นเกิดขึ้นจากฝ่ายบริหารและพี่น้องประชาชนก็ฟังรอฟังคำอธิบายกับประชาชนอยู่.-315.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ชูความสำเร็จทีมไทยแลนด์ ปิดดีลภาษีสหรัฐที่ 19%

ทำเนียบ 1 ส.ค.-โฆษกรัฐบาล เผย ปิดดีลภาษีนำเข้าสหรัฐสำเร็จที่ 19% เกาะกลุ่มระดับใกล้เคียงกับประเทศในภูมิภาค ชู เป็นอีกหนึ่งความสำเร็จสำคัญของทีมไทยแลนด์ ในแนวทาง Win-Win นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลไทยสามารถเจรจาและบรรลุข้อตกลงเกี่ยวกับอัตราภาษีนำเข้าต่างตอบแทน (Reciprocal Tariffs) กับสหรัฐอเมริกาได้สำเร็จ โดยขณะนี้ รัฐบาลสหรัฐได้ประกาศแล้วว่าจะเรียกเก็บอัตราภาษีนำเข้าฯ จากสินค้าของไทยในอัตรา 19 % ซึ่งข้อตกลงดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันนี้วันที่ 1 สิงหาคม 2568 เป็นต้นไป นายจิรายุ กล่าวว่า อัตราภาษีดังกล่าวที่ ต่ำกว่า อัตราเดิม 36 % และเกาะอยู่อยู่ในระดับใกล้เคียงกับประเทศในภูมิภาค อาทิ เวียดนาม ฟิลิปปินส์ และญี่ปุ่น สามารถรักษาการแข่งขันได้ เมื่อเทียบกับประเทศอื่นในภูมิภาคอาเซียน ซึ่งได้เจรจากับสหรัฐสำเร็จแล้วก่อนหน้านี้ “การปิดดีลครั้งนี้ของรัฐบาลไทย ในระดับภาษีนำเข้าฯ ไว้ที่ 19% ถือเป็นอีกหนึ่งความสำเร็จสำคัญของทีมไทยแลนด์ ในแนวทาง Win-Win เพื่อรักษาฐานการส่งออกและเสถียรภาพทางเศรษฐกิจของประเทศในระยะยาว ย้ำถึงศักยภาพของประเทศไทยในเวทีการค้าโลก ท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงในนโยบายการค้าระหว่างประเทศ” นายจิรายุกล่าว […]

รพ.สรรพสิทธิประสงค์ แจ้งยกเลิกรับผู้ป่วยกัมพูชาชั่วคราว

อุบลราชธานี 31 ก.ค. – โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี ออกหนังสือขอยกเลิกการให้บริการผู้ป่วยชาวกัมพูชา และยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา เนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งส่งผลต่อความมั่นคงของประเทศ เมื่อวานนี้ (30 ก.ค.) พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ลงพื้นที่เยี่ยมให้กำลังใจผู้ได้รับบาดเจ็บจากสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา พร้อมทั้งให้กำลังใจแก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติ งานด้านการแพทย์และพยาบาล ณ โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี นายแพทย์ มนต์ชัย วิวัฒนาสิทธิพงศ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร ให้การต้อนรับและรายงานความคืบหน้าการดูแลรักษาผู้ได้รับบาดเจ็บ รวมถึงการเตรียมความพร้อมด้านการรักษาพยาบาลรองรับสถานการณ์ฉุกเฉินในพื้นที่ชายแดน รพ.สรรพสิทธิประสงค์ แจ้งยกเลิกรับผู้ป่วยกัมพูชาชั่วคราวขณะที่ในวันเดียวกัน โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ ได้ออกเอกสารขอยกเลิกการให้บริการผู้ป่วยชาวกัมพูชา และยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา ใจความในหนังสือว่า “โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ได้ให้การตรวจรักษาพยาบาลแก่ผู้ป่วยทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ รวมถึงผู้ป่วยชาวกัมพูชาที่เดินทางเข้ามารักษาอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งส่งผลต่อความมั่นคงของประเทศ และจากมติที่ประชุมคณะกรรมการคลินิกพิเศษนอกเวลาราชการ โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ มีมติดังนี้ 1.ยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา และจิตอาสาภาษาต่างประเทศ2.ปิดการให้บริการ SMC Premium ชั่วคราว3.ยกเลิกการรับยาแทน และงดรับเคสใหม่ผู้ป่วยชาวกัมพูชา4.ผู้ป่วยชาวกัมพูชาที่ยังนอนอยู่ในโรงพยาบาลให้จำกัดพื้นที่ชัดเจน ในการนี้ให้มีผลตั้งแต่วันที่ 31 กรกฎาคม 2568 ถึงวันที่ 10 […]

รมช.มท. โฟนอินผู้ว่าฯ อุบลฯ ตอบกลางสภา ยันไม่มีปัญหาเบิกจ่ายงบ

รัฐสภา 31 ก.ค.-สส.ศรีสะเกษ ภูมิใจไทย ทวงถามเงินช่วยเหลือเยียวยาจังหวัดชายแดนไทย-กัมพูชา ชี้ตั้งแต่วันแรกยังไม่ได้เงินรัฐบาลสักบาท ซัด “ผู้ว่าฯ อุบล” อ้างกลัวติดคุกไม่กล้าเบิกงบ ด้าน รมช.มหาดไทย ต่อสายโฟนอิน ผู้ว่าฯ ตอบกลางสภา ยืนยันไม่มีปัญหาเบิกจ่ายงบ ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ทำหน้าที่ประธานการประชุม พิจารณากระทู้ถามสดด้วยวาจา โดยนายธนา กิจไพบูลย์ชัย สส.ศรีสะเกษ พรรคภูมิใจไทย สอบถามกรณีเหตุปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งนายกรัฐมนตรี มอบหมาย นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย เป็นผู้ตอบกระทู้ แต่เนื่องจากนายภูมิธรรม ติดภารกิจจึงมอบหมายให้ น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รมช.มหาดไทย ชี้แจงแทน นายธนา กล่าวว่า จากเหตุปะทะบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ส่งผลกระทบต่อประชาชนในพื้นที่ 4 จังหวัดชายแดน ทั้งศรีสะเกษ สุรินทร์ บุรีรัมย์ และอุบลราชธานี ตั้งแต่เกิดเหตุจนถึงขณะนี้ ยังไม่มีงบประมาณจากส่วนกลางลงพื้นที่แม้แต่บาทเดียว ทุกวันนี้เราอาศัยเงินบริจาคเป็นหลัก และนำงบขององค์การปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) […]

ทูตไทยตอบโต้กัมพูชา หลังยกกรณีปัญหาชายแดนที่ยูเอ็น

นิวยอร์ก 31 ก.ค. – เอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรไทยประจำองค์การสหประชาชาติ โต้ผู้แทนกัมพูชา ซึ่งหยิบประเด็นชายแดนไทย-กัมพูชา ขึ้นพูดผิดกาลเทศะ ผิดวาระ ในที่ประชุมสหประชาชาติ วาระสำคัญของการประชุมระดับสูงระหว่างประเทศในเวทีสหประชาชาติ ที่นครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐ เมื่อวานนี้ คือการผลักดันเพื่อระงับข้อพิพาทปัญหาปาเลสไตน์โดยสันติวิธี แต่ปรากฏว่านาย เจีย แก้ว เอกอัครราชทูตกัมพูชาประจำสหประชาชาติ กลับพูดในประเด็นที่ไม่เกี่ยวข้องกับวาระการประชุม โดยพาดพิงถึงไทยเกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา นายเชิดชาย ใช้ไววิทย์ เอกอัครราชทูต ผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติ จึงกล่าวตอบโต้โดยชี้แจงข้อมูลความจริงในประเด็นที่กัมพูชาละเมิดข้อตกลงหยุดยิง โดยระบุว่า เป็นที่น่าเสียดายที่มีคณะผู้แทนหยิบยกประเด็นที่ไม่เกี่ยวข้องขึ้นมาในที่ประชุม ซึ่งเป็นเวทีที่หลายฝ่ายรอคอย และมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมการสนับสนุนจากประชาคมระหว่างประเทศต่อการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลและปาเลสไตน์อย่างเป็นธรรม ถาวร และครอบคลุม ผ่านแนวทางสันติวิธีโดยการดำเนินการตามแนวทางสองรัฐ นายเชิดชาย กล่าวในที่ประชุมว่า ประเทศไทยไม่ได้มีเจตนาจะนำเรื่องทวิภาคีเข้าสู่เวทีสำคัญดังกล่าว แต่ต้องขอชี้แจงข้อเท็จจริงเพื่อป้องกันความเข้าใจผิด โดยย้ำว่าเมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 2568 ไทยและกัมพูชา ได้บรรลุข้อตกลงหยุดยิง โดยได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ในฐานะประธานอาเซียน แต่หลังจากที่ข้อตกลงหยุดยิงมีผลบังคับใช้ในวันที่ 29 กรกฎาคม อีกฝ่ายกลับใช้อาวุธข้ามพรมแดน และบุกรุกเข้ามาในดินแดนของไทยอีกครั้ง ซึ่งถือเป็นการละเมิดข้อตกลงอย่างร้ายแรง ประเทศไทยจึงขอเรียกร้องให้ประเทศเพื่อนบ้านปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงอย่างเคร่งครัด และยืนยันความมุ่งมั่นของไทยที่จะใช้กลไกทวิภาคีที่มีอยู่ในการแก้ไขปัญหา หลีกเลี่ยงการเผยแพร่ข้อมูลที่เป็นเท็จหรือทำให้เข้าใจผิด และให้มีส่วนร่วมด้วยเจตนาดี.-810.-813.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

มทภ.2 ยันไม่เคยสั่งกำลังพลไปเก็บศพเขมร อย่าเชื่อข่าวปลอม

5 ส.ค. – แม่ทัพภาคที่ 2 ยืนยันไม่เคยมีคำสั่งให้กำลังพลไปเก็บศพชาวกัมพูชา บริเวณชายแดน ขออย่าหลงเชื่อข่าวปลอม เมื่อวันที่ 5 ส.ค.68 พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 เปิดเผยว่า จากกรณีที่สื่อโซเชียลมีเดียได้ลงข้อความอันเป็นเท็จ ที่ทำให้พี่น้องประชาชนเข้าใจผิดว่า แม่ทัพภาคที่ 2 ได้สั่งให้กำลังพลไปเก็บศพชาวกัมพูชาที่อยู่บริเวณชายแดนนั้น ตนยืนยันว่าไม่เป็นความจริง และไม่เคยมีคำสั่งให้กำลังพลไปปฏิบัติอย่างนั้น ผู้เสียชีวิตนั้นเป็นชาวกัมพูชา ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับทางประเทศไทย “ผมไม่เคยมีคำสั่งแบบนี้ และขอยืนยันว่า ข่าวที่ออกมานั้นเป็นข่าวปลอม ขอให้พี่น้องประชาชนอย่าได้หลงเชื่อ“ แม่ทัพภาคที่ 2 กล่าว.-313-สำนักข่าวไทย

ทหารไทยยอมรับได้กลิ่นศพทหารกัมพูชาจริง

ศรีสะเกษ 5 ส.ค. – วันนี้ยังมีการเก็บกู้ระเบิดที่กัมพูชายิงเข้ามาในพื้นที่พลเรือนฝั่งไทย ส่วนเมื่อคืนนี้ (4 ส.ค.) เป็นคืนแรกของการประชุม GBC ชุด ชรบ.หมู่บ้านแนวชายแดน อ.กันทรลักษ์ จึงออกตรวจตราเข้มข้น ขณะที่ทหารแนวหน้ายอมรับได้กลิ่นศพทหารกัมพูชาจริง ทีมข่าวมีโอกาสได้พูดคุยกับทหารที่ปฏิบัติหน้าที่ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา สอบถามถึงเรื่องที่กำลังเป็นประเด็น คือกลิ่นศพของทหารกัมพูชา ทหารยอมรับว่ามีกลิ่นจริง และมีศพทหารกัมพูชาถูกทิ้งไว้จริง แต่ไม่สามารถทำอะไรได้ เพราะอยู่ในระหว่างการปฏิบัติหน้าที่ หากมีหน้ากากอนามัยเชื่อว่าจะช่วยบรรเทาได้บ้าง อย่างไรก็ตาม ขณะนี้มีหน้ากาก N95 ส่งถึงพื้นที่บ้างแล้ว พร้อมขอบคุณพี่น้องประชาชนที่ส่งกำลังใจ ทหารยังพร้อมปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มกำลังความสามารถ วันนี้ทีมข่าวยังเกาะติดภารกิจเก็บกู้ระเบิดที่กัมพูชายิงใส่พื้นที่พลเรือนของไทยใน อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ จุดแรก จรวด BM-21 ถูกกัมพูชายิงตกใส่ลงทุ่งนาของชาวบ้าน พื้นที่ ต.ทุ่งใหญ่ เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม วันเดียวกับที่ยิงใส่ปั๊ม ปตท.บ้านผือ โดยห่างกันราว 1 กิโลเมตร ส่วนอีกจุดเป็นการทำลายลูกจรวด PG-7 ที่ถูกยิงจากเครื่องยิงจรวด RPG ตกลงในสวนยางพาราของชาวบ้าน ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ ที่ถูกพบในสภาพพร้อมทำงาน จุดนี้อยู่ห่างจากชายแดนกัมพูชาเพียง […]

เปิดศักยภาพ Gripen เขี้ยวเล็บใหม่กองทัพอากาศไทย

5 ส.ค. – เปิดคุณสมบัติโดดเด่นของ “กริพเพน” เครื่องบินรบฝูงใหม่ ซึ่งกองทัพอากาศและประเทศไทยกำลังจะทำสัญญาจัดซื้อจากสวีเดน .-สำนักข่าวไทย

มทภ.2 ขึ้นภูมะเขือ ย้ำกำลังพลไม่ประมาท นำร้องเพลงชาติไทย

5 ส.ค.- แม่ทัพภาค 2 ตรวจเยี่ยมภูมะเขือ ย้ำกำลังพลไม่ประมาท ปกป้องอธิปไตย พร้อมร่วมร้องเพลงชาติ เมื่อเวลา 17.00 น. วันที่ 5 ส.ค.68 พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ลงพื้นที่หน่วยเฉพาะกิจที่ 1 กองกำลังสุรนารี พื้นที่ภูมะเขือ อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ โดยได้ทำการเดินลาดตระเวน ตรวจเยี่ยมให้กำลังใจกำลังพลที่วางกำลังฐานปฏิบัติการ ทั้งนี้ มีพระสงฆ์จำนวน 3 รูปจากวัดใกล้เคียง มารอแม่ทัพภาคที่ 2 เพื่อมอบวัตถุมงคลและให้กำลังใจในการปฏิบัติหน้าที่ พร้อมให้พรกำลังพลทุกนาย ให้แคล้วคลาดปลอดภัยจากอันตรายต่างๆ จากนั้นแม่ทัพภาคที่ 2 ได้ฟังบรรยายสรุปสถานการณ์ในพื้นที่ภูมะเขือ โดยเน้นย้ำให้อยู่ในความไม่ประมาท ปฏิบัติหน้าที่รักษาอธิปไตยของชาติ ด้วยความปลอดภัยและให้ดูแลรักษาสุขภาพให้ดี จากนั้น พล.ท.บุญสิน ได้ให้กำลังพลเปลี่ยนธงชาติไทยผืนใหญ่กว่าเดิม นำร้องเพลงชาติบนยอดภูมะเขือร่วมกัน ก่อนเดินทางกลับได้มอบเครื่องอุปโภคบริโภคและถ่ายรูปร่วมกับกำลังพล -สำนักข่าวไทย