กทม. 1 พ.ค. – “อนุทิน” มอบนโยบายผนึกกำลังปกครอง-มั่นคง เดินหน้าแก้ปัญหาไร้รัฐ ไร้สัญชาติ ตั้งเป้าลดขั้นตอนทำงาน มอบสถานะบุคคลลดปัญหาค้ามนุษย์ อาชญากรรมทุกรูปแบบ
นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย เป็นประธานมอบนโยบายและสัมมนาตามโครงการเร่งรัดการดำเนินงานแก้ไขปัญหาสถานะบุคคลให้แก่บุคคลที่อพยพเข้ามาอยู่ในราชอาณาจักรเป็นเวลานาน ตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 29 ตุลาคม 2567 ณ ห้องประชุมวายุภักษ์ 244 ชั้น 4 ศูนย์ประชุมวายุภักษ์ โรงแรมเซ็นทารา ไลฟ์ ศูนย์ราชการ และคอนเวนชันเซ็นเตอร์ แจ้งวัฒนะ กรุงเทพฯ โดยมี นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย นายไชยวัฒน์ จุนถิระพงศ์ อธิบดีกรมการปกครอง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมประชุม
นายอนุทิน กล่าวว่า การแก้ไขปัญหาสถานะบุคคลเป็นนโยบายสำคัญของรัฐบาล และกระทรวงมหาดไทย ที่มุ่งสร้างโอกาสแห่งการพัฒนาชีวิตให้แก่บุคคลกลุ่มเป้าหมายตามสิทธิที่พึงจะได้รับตามปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชน ที่ประเทศไทยได้ร่วมลงนามไว้กับสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติ ซึ่งได้ระบุสิทธิอันสำคัญคือสิทธิที่จะมีสัญชาติ
“หลักใหญ่ใจความที่เราจะต้องไม่ลืมคือเมื่อบุคคลใดอยู่ในโลกนี้โดยปราศจากการมีสถานะ ก็เท่ากับเขาถูกลิดรอนสิทธิ ในการจะมีชีวิตในฐานะมนุษย์ที่เท่าเทียมกับคนอื่นๆ ในสังคมนั้น ไม่ว่าจะเป็นสิทธิในการศึกษา สิทธิในการรักษาพยาบาล สิทธิในการครอบครองทรัพย์สิน สิทธิในการเดินทาง การได้รับการดูแลคุ้มครองจากรัฐ หรือแม้แต่สิทธิในการทำงาน” นายอนุทิน กล่าว
นายอนุทิน กล่าวว่า ปัญหาสัญชาติและสถานะบุคคล นำไปสู่การขาดโอกาสการถูกเลือกปฏิบัติ และการถูกกีดกันจากการมีส่วนร่วมในสังคม และทำให้ประชาชนกลุ่มดังกล่าวตกอยู่ในสภาวะเปราะบางและมีความเสี่ยงในการดำรงชีวิต อันนำไปสู่ปัญหาอื่นๆ รวมถึงการค้ามนุษย์ และอาชญากรรมต่างๆ ดังนั้น การเร่งรัดแก้ไขปัญหาสัญชาติและสถานะบุคคล จึงถือเป็นเรื่องสำคัญทางมนุษยธรรม ความมั่นคง และเพื่อให้เป็นไปตามพันธกรณีระหว่างประเทศ แสดงให้เห็นถึงความตั้งใจในการจัดการกับภาวะไร้รัฐไร้สัญชาติของประเทศไทยตามความภาคีระหว่างประเทศที่สำคัญ ได้แก่ UNHCR ซึ่งจะส่งผลดีต่อภาพลักษณ์ของประเทศไทย บนเวทีในระดับนานาชาติด้วย
“ขอให้ผู้ว่าราชการจังหวัด ปลัดจังหวัด และนายอำเภอทุกท่าน ได้เป็นผู้นำในการศึกษาทำความเข้าใจกระบวนการทำงานในขั้นตอนใหม่ ตามที่มติคณะรัฐมนตรีกำหนด ที่ให้ลดระยะเวลากระบวนการทำงาน จาก 270 วันเหลือเพียง 5 วัน ซึ่งการกระทำเช่นนี้ต้องได้รับความร่วมมือและความมุ่งมั่นจากทุกภาคส่วน ซึ่งมั่นใจว่าไม่เกินความสามารถของทุกท่าน ร่วมกันแก้ไขให้กลุ่มเป้าหมายได้รับชีวิตใหม่ ได้เข้าถึงโอกาส และสามารถใช้ชีวิตอยู่ในสังคมได้ โดยมีสิทธิที่พึงมีในฐานะมนุษย์คนหนึ่ง” นายอนุทิน กล่าว
นายไชยวัฒน์ จุนถิระพงศ์ อธิบดีกรมการปกครอง กล่าวว่า ปัจจุบันประเทศไทยยังคงมีบุคคลที่เป็นกลุ่มเป้าหมายในการแก้ไขปัญหาสัญชาติและสถานะบุคคล ตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 29 ตุลาคม 2567 รวมทั้งสิ้นกว่า 4 แสนคน โดยแบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มบุคคลที่อพยพเข้ามาอยู่ในราชอาณาจักรเป็นเวลานาน ประมาณกว่า 3 แสนคน และกลุ่มบุตรที่เกิดในราชอาณาจักรประมาณกว่า 1 แสนคน ซึ่งบุคคลกลุ่มนี้ล้วนมีภูมิลำเนาและอาศัยอยู่ในทุกภูมิภาคของประเทศไทย จึงมีความสำคัญอย่างยิ่งที่จะต้องให้ผู้ปฏิบัติงาน ในส่วนภูมิภาคมีส่วนร่วมในการขับเคลื่อน การปฏิบัติภารกิจเร่งรัดแก้ไขปัญหาสถานะบุคคล
การประชุมมอบนโยบายและสัมมนาฯ ในครั้งนี้มีผู้เข้าร่วม อาทิ พล.ต.ต.ชัชชัย วงค์สุนะ รองผู้บัญชาการสำนักงานยุทธศาสตร์ตำรวจ นางแทมมี่ ลินน์ ชาร์ป (Tammi Lynn Sharpe) ผู้แทนสำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ (UNHCR) ประจำประเทศไทย ตลอดจนคณะผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงมหาดไทย คณะผู้บริหารกรมการปกครอง คณะที่ปรึกษาและคณะทำงานรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ผู้ว่าราชการจังหวัด ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัด ปลัดจังหวัดทั้ง 76 จังหวัด และนายอำเภอ 878 อำเภอ.-319-สำนักข่าวไทย