มทภ.1 พร้อมรับนโยบายปราบปราม ‘อาชญากรรมข้ามชาติ’

กาญจนบุรี 8 ก.พ.- แม่ทัพภาคที่ 1 พร้อมรับนโยบายรัฐบาลปราบปราม ‘อาชญากรรมข้ามชาติ’ ชี้ภูมิศาสตร์ชายแดน ‘เมียนมา-กัมพูชา’ ต่างกัน แต่มีปัญหา ‘แก๊งคอลเซ็นเตอร์-ยาเสพติด’ คล้ายกัน พร้อมเสริมขีดความสามารถ ‘กำลังทางน้ำ’ ในพื้นที่ จ.กาญจนบุรี หลังพบการลักลอบเข้าเมือง เลี่ยงจุดตรวจทางบก


พลโท อมฤต บุญสุยา แม่ทัพภาคที่ 1 และคณะ เดินทางมาตรวจเยี่ยมศูนย์ปฏิบัติการทางน้ำ จ.กาญจนบุรี ซึ่งเป็นพื้นที่รับผิดชอบของ หน่วยเฉพาะกิจลาดหญ้า กองกำลังสุรสีห์ ซึ่งวันนี้ตนเอง ได้รับมอบหมาย จากผู้บัญชาการทหารบกให้มาตรวจเยี่ยมตามนโยบายของรัฐบาลเกี่ยวกับเรื่องการกระทำผิดตามแนวชายแดน การป้องกันการสกัดกั้นยาเสพติด รวมทั้งการป้องกันไฟป่าหมอกควันและฝุ่นละอองต่างๆ ซึ่งทางกองกำลังสุรสีห์ ได้ดำเนินการเป็นไปตามวัตถุประสงค์ ซึ่งในวันพรุ่งนี้จะมีการประชุมบูรณาการระหว่างผู้ว่าราชการจังหวัด ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดกาญจนบุรี และส่วนต่างๆรวมทั้งหน่วยที่เกี่ยวข้องทั้ง กรมป่าไม้ สตม. และส่วนอื่นๆเพื่อร่วมกันหาแนวทาง รูปแบบ ในการที่จะป้องกันงานภารกิจต่างๆที่ได้รับมอบหมาย

สำหรับศูนย์ปฏิบัติการทางน้ำนั้นเป็นส่วนหนึ่งในมาตรการป้องกันการลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายซึ่งผู้ที่ลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายนั้น ก็ใช้รูปแบบในการพัฒนาการต่างๆนอกจากในส่วนของการเดินทางทางบกทั้งเดินเท้า รถยนต์ก็มีการใช้สภาพพื้นที่ที่เกื้อกูล มีทั้งเขื่อนวชิราลงกรณ์ ในการที่จะอ้อมผ่านจุดตรวจจุดสกัดที่เราตั้งไว้ตามเส้นทางหลัก เพื่อเข้าไปยังพื้นที่ตอนในต่อไป


โดย ศูนย์ปฏิบัติการทางน้ำมีบทบาทที่สำคัญในการช่วยสกัดกั้นจับกุมซึ่งจากผลงานที่เกิดขึ้นนั้นได้จำนวนผู้ต้องหา 200 กว่ารายแล้ว ในห้วงตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมาซึ่งถือว่า เป็นสิ่งที่สำคัญอย่างยิ่งนอกเหนือจากการสกัดกั้นในจุดอื่น ทั้งนี้ ขอบคุณเจ้าหน้าที่ทุกส่วนหน่วยงานต่างๆกรมเจ้าท่า ทางเขื่อนวชิราลงกรณ์ และกองกำลังสุรสีห์ซึ่งเป็นหน่วยหลักในการที่ปฏิบัติงานในส่วนนี้ และงานต่างๆเหล่านี้นั้นก็ต้องระมัดระวังเพราะทางน้ำโดยเฉพาะอย่างยิ่งเวลากลางคืน ตนเองได้เน้นย้ำตลอดเวลาว่าต้องมีเครื่องอุปกรณ์ป้องกัน ทั้งในส่วนของการป้องกันตนเองการป้องกันอุบัติเหตุต่างๆที่จะเกิดขึ้นรวมทั้งจะเสริมสร้างยุทโธปกรณ์ต่างๆให้มากขึ้นให้มีความสามารถที่จะสกัดกั้นในอนาคตต่อไป

เมื่อถามว่าเป็นห่วงในพื้นที่ใดเป็นพิเศษหรือไม่นั้น กล่าวว่า เป็นห่วงทุกพื้นที่ตลอดแนวชายแดน 5 อำเภอก็ติดชายแดน แต่สิ่งที่เป็นห่วงหลักๆก็คือ สังขละบุรีและทองผาภูมิ ซึ่งเป็นสองอำเภอหลักที่ค่อนข้างจะมีการกระทำผิดกฎหมายในการลักลอบเข้าเมือง รวมถึงแนวทางนโยบายของการจัดตั้ง บน.ยส.17 โดย หน่วยบัญชาการสกัดกั้นป้องกันยาเสพติดสารเคมีและสารตั้งต้นตามแนวชายแดนตะวันตก ซึ่งมีการจัดตั้งใหม่ ตามมติของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด โดยพรุ่งนี้ตนเอง ก็จะมาประชุมหารือในเรื่องนี้ด้วย โดยที่ผ่านมาได้มีการตั้งในส่วนของกองทัพภาคที่ 2 และกองทัพภาคที่ 3 ไปแล้ว สำหรับของ บน.ยส.24 บน.ยส.35

ส่วนอุปกรณ์ที่จะเตรียมเสนอขอกับรัฐบาลนั้น อาจจะมีในเรื่อง เรือเครื่องยนต์ที่จะต้องเพิ่มเติม และส่วนสนับสนุนต่างๆเกี่ยวกับเรื่องน้ำมัน ที่ประกอบเพราะเรือจะต้องใส่ ยามาลูป หรือน้ำมันเครื่อง ที่เป็นเหมือนกับรถจักรยานยนต์ที่ต้องใส่สารเข้าไป ซึ่งแตกต่างกับ ยานพาหนะอื่นๆ รวมทั้งเครื่องให้แสงสว่าง และอุปกรณ์ที่ตรวจจับเวลากลางคืน เพราะเมื่อไปกับเรือแล้วเราไม่สามารถมองเห็นได้ชัดเจน ก็ต้องเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพให้กับผู้ปฏิบัติงานต่อไป


สำหรังในพื้นที่บ้านวังกะที่เกิดการยิงปะทะกันนั้น จำเป็นต้องใช้งานด้านการข่าวเป็นหลักเพื่อระมัดระวังในการป้องกันตนเองในการที่จะเข้าปฏิบัติงานหากเกิดการปะทะต่างๆ เพราะฉะนั้น ถือว่าเป็นเรื่องที่สำคัญ ดังนั้นจะต้องมีในเรื่องของอุปกรณ์ป้องกันตนเองที่กองทัพบกสนับสนุนให้เพิ่มเติม ขณะเดียวกันก็ต้องมีการพัฒนาศูนย์ปฏิบัติการทางน้ำให้ดีขึ้นให้ถาวร สามารถที่จะทนต่อสภาพภูมิอากาศ ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต เพราะศูนย์ปฏิบัติการทางน้ำต้องอยู่ต่อ ไป

เมื่อถามว่ากองทัพภาคที่ 1 ต้องรับผิดชอบทั้งฝั่งตะวันตกและทางตะวันออกซึ่งบริบทปัญหาที่แตกแตกต่างกันแต่มีจุดร่วมกันคือปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติผู้บัญชาการทหารบกได้สั่งการอย่างไรบ้าง แม่ทัพภาคที่ 1 กล่าวว่าสิ่งแรกที่คือป้องกันไม่ให้คนไทยถูกหลอกลวงข้ามไปฝั่งประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อไม่ให้เป็นเหยื่อของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ต่างๆ
“และจะต้องประชาสัมพันธ์ออกสื่อออกอะไรต่างๆเพื่อให้ได้รับทราบส่วนใหญ่แล้วจะเป็นเรื่องสแกมเมอร์การหลอกลวงทางอินเตอร์เน็ตต่างๆ ตรงนี้ก็ต้องมีการประชาสัมพันธ์และให้ข้อเท็จจริงให้ทางผู้ที่จะหลงเชื่อได้รู้ว่าสิ่งจริงแล้วมันคืออะไรไปแล้วจะเกิดอะไรขึ้นบ้างเอาข้อมูลจากคนที่เผชิญเหตุแล้วสามารถช่วยเหลือกลับมาได้นำข้อมูลตรงนั้นมาเผยแพร่มาให้ปากคำว่าชีวิตความเป็นอยู่เป็นอย่างไร เพื่อให้สาธารณะได้รับทราบเพื่อให้ผู้คนที่ยังไม่ได้รับทราบได้รับทราบจะระวังตัวมากยิ่งขึ้นเพื่อป้องกันไม่ให้เป็นเหยื่อ“แม่ทัพภาคที่1 กล่าว

แม่ทัพภาคที่1 ระบุ ด้วยว่า จากกองกำลังบูรพา ถึงกองกำลังสุรสีห์ ลักษณะการกระทำผิดอะไรต่างๆ จะมีเหมือนกัน ภัยคุกคามรูปแบบต่างๆ ทั้งแก๊งคอลเซ็นเตอร์หรือยาเสพติดคล้ายกัน เพียงแต่ตรงไหนจะหนักกว่าจะน้อยกว่าแตกต่างกัน ส่วนที่สองต้องมาปรับในเรื่องของหลักปฏิบัติแต่สภาพพื้นที่แตกต่างกัน เช่นในส่วนพื้นที่กองกำลังบูรพาจะเป็นที่โล่ง เรียบ สามารถลักลอบข้ามได้ทุกที่ ส่วนพื้นที่กองกำลังสุรสีห์ ก็จะเป็นอีกแบบหนึ่งคือ มีภูเขาช่องทางกำกับที่ไม่มากนัก แต่ก็มีทั้งศูนย์บริการทางน้ำที่เพิ่มเติมขึ้นมาสุดท้ายแล้วก็ลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย อย่างสมัยโควิด ก็สามารถจับกุมได้มากมายทั้งสองฝั่ง และในส่วนของคอลเซ็นเตอร์ ก็มีไม่ใช่ว่าไม่มี อย่างฝั่งกองกำลังบูรพา จ.สระแก้ว ที่อยู่ตรงข้าม จ.ปอยเปต ประเทศกัมพูชา ที่มีปัญหาเรื่องคอลเซ็นเตอร์ เช่นที่ตึก 25 ชั้น และมีบ่อนการพนันใหญ่-313 .-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เพลิงไหม้อาคารกองบัญชาการกองทัพไทย

กทม. 18 ก.ย.-เพลิงไหม้อาคารกองบัญชาการกองทัพไทย คาดไฟฟ้าลัดวงจรและลุกลามไปยังห้องข้างเคียง ไม่พบผู้บาดเจ็บหรือความเสียหายร้ายแรง เมื่อเวลา 06.00 น. วันที่ 18 ก.ย.68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้เกิดเหตุห้องอาหาร 50 จากตู้ควบคุมวงจรไฟฟ้ามีเพลิงไหม้ (ไฟฟ้าลัดวงจร) และลุกลามไปยังพื้นที่ข้างเคียงตึกกองบัญชา บกทท. บริเวณชั้น6 ข้างห้อง เสธนาธิการทหาร เจ้าหน้าที่เวรยาม และสารวัตรทหาร ได้ช่วยกันใช้ถังดับเพลิงในการดับเพลิงแต่ไม่สามารถเข้าถึงต้นเพลิงในการระงับดับไฟได้ จึงได้ประสานรถตับเพลิงและขอส่วนสนับสนุนรถดับเพลิง นทพ. มาช่วยในการระดับดับเพลิง โดยมีเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องได้เข้าตรวจสอบและดำเนินการระงับเหตุในทันที เบื้องต้นสามารถควบคุมสถานการณ์ได้ พล.ต.วิทัย ลายถมยา โฆษกกองบัญชาการกองทัพไทย เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบเบื้องต้น คาดว่าเกิดจากไฟฟ้าลัดวงจร ทั้งนี้ ยังไม่พบผู้ได้รับบาดเจ็บหรือความเสียหายร้ายแรงต่อโครงสร้างอาคารแต่อย่างใด กองบัญชาการกองทัพไทย ได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงอย่างใกล้ชิด และจะรายงานความคืบหน้าให้ประชาชนและสื่อมวลชนรับทราบต่อไป.-313.-สำนักข่าวไทย

โผ ครม. “อนุทิน” ลงตัว ไม่ถูกตีกลับ

กทม. 18 ก.ย.-โผ ครม. “อนุทิน” ลงตัว ไม่ถูกตีกลับ ขณะ “นายกฯ หนู” ยังนั่งดินเนอร์อาหารอีสานอย่างสบายใจ ท่ามกลางข่าวลือ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อช่วงค่ำของวันที่ 17 ก.ย. มีกระแสข่าวลือว่ากระบวนการทูลเกล้าฯ รายชื่อคณะรัฐมนตรี ของนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี มีปัญหา ถูกตีกลับ เนื่องจากพบรายชื่อว่าที่รัฐมนตรีบางคน ติดปัญหาคุณสมบัตินั้น ล่าสุด แหล่งข่าว ยืนยันว่า รายชื่อคณะรัฐมนตรี ที่นำทูลเกล้าฯไปนั้น ไม่ได้มีปัญหาแต่ย่างใด ทุกอย่างลงตัวเรียบร้อยตั้งแต่ช่วงเย็นวันที่ 16 ก.ย.ที่ผ่านมาแล้ว โดยเรื่องคุณสมบัติ ได้ผ่านการตรวจสอบจากสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกามาแล้ว ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า ในช่วง ค่ำวันนี้ (17 ก.ย.) ปรากฏภาพ นายอนุทิน นั่งรับประทานอาหารอีสานอย่างสบายใจ ที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งกับคนใกล้ชิด ท่ามกลางข่าวลือที่เกิดขึ้น.-319.-สำนักข่าวไทย

“รังสิมันต์” เบรกกัมพูชากลางวง AIPA หลังเสนอวาระเร่งด่วนปมเปิดด่าน

มาเลเซีย 17 ก.ย.- “รังสิมันต์” เบรกกัมพูชา กลางวงประชุม AIPA หลังเสนอวาระเร่งด่วนประเด็นขัดแย้งไทย-กัมพูชา หารือปมเปิดด่าน หวั่นเป็นประเด็นการเมือง-ละเอียดอ่อน ชี้ มีกระบวนการ IOT และ GBC อยู่แล้ว นายรังสิมันต์ โรม สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร แบบบัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ในฐานะผู้แทนรัฐสภาไทยในการประชุมคณะกรรมการบริหาร AIPA กล่าวถึงข้อเสนอของกัมพูชาผ่านเวที AIPA ว่าเป็นการเสนอในระยะเวลากระชั้นชิดเป็นช่วงสุดท้าย ที่เปิดให้ประเทศสมาชิกเสนอวาระเร่งด่วนได้ ดังนั้นทีมไทยแลนด์ที่นำโดยนายฉลาด ขามช่วง เมื่อทราบ ข้อเรียกร้องของกัมพูชาจึงได้เตรียมการในเรื่องนี้ ซึ่งจากเดิมได้เรียกร้อง 2 ข้อ คือ 1. เรื่องเฉลยศึก ที่ทหารกัมพูชาถูกควบคุมตัว ในช่วงเวลาที่มีการปะทะ และ 2. เรื่องการเปิดด่านชายแดน แต่ท้ายที่สุดทางกัมพูชากลับเรียกร้องบนเวที AIPA เพียงเรื่องการเปิดด่านชายแดนเท่านั้น จึงรู้สึกแปลกใจว่าทำไมถึงหยิบยกมาเพียงเรื่องนี้ ในเมื่อกระบวนการของคณะผู้สังเกตการณ์ชั่วคราว หรือ IOT ผ่านไป และค่อนข้างราบรื่น ดังนั้นการหยิบยกประเด็นดังกล่าวมาพูดคุยอีกครั้ง จากการแก้ปัญหาแบบทวิภาคี ระหว่างไทย และ […]

แม่ใจสลาย รับร่างลูกสาววัย 2 เดือนถูกพิตบูลขย้ำ ส่งชันสูตร

อุทัยธานี 17 ก.ย. – ครอบครัวเศร้า ติดต่อรับร่างลูกสาววัย 2 เดือน ส่งชันสูตรหาสาเหตุการเสียชีวิต หลังถูกสุนัขพิตบูลลากไปขย้ำหัว ขณะแม่ไปเก็บของเก่าภายในโรงสี เจ้าของคาดเข้าใจผิดคิดว่าเป็นของเล่น นายฉัตรมงคล สุวรรณเศรษฐ์ เจ้าหน้าที่บรรเทาสาธารณภัยจังหวัดอุทัยธานี พร้อมด้วยมารดาของ ด.ญ.กัญญาภัทร อายุเพียง 2 เดือน ผู้เสียชีวิตจากการถูกสุนัขพันธุ์พิตบูลกัด รวมถึงญาติ เดินทางไปรับศพที่โรงพยาบาลหนองฉาง จ.อุทัยธานี ก่อนนำร่างส่งชันสูตร หาสาเหตุอย่างละเอียดอีกครั้งที่โรงพยาบาลสวรรค์ประชารักษ์ จ.นครสวรรค์ ทั้งนี้ เหตุดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อช่วงเวลา 15.00 น. วานนี้ (16 ก.ย.) ที่โรงรถของบ้านหลังหนึ่ง พื้นที่ หมู่ 15 บ้านโรงสีใหม่ ต.ทุ่งโพ อ.หนองฉาง จ.อุทัยธานี โดยเมื่อเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบพบร่างเด็กน้อย อยู่บริเวณรางระบายน้ำ เจ้าของบ้านนำร่างเด็ก ส่งโรงพยาบาลไปก่อนหน้านี้ แต่เสียชีวิตในเวลาต่อมา โดยที่เกิดเหตุ ยังพบคราบเลือดและร่องรอยลากยาวราว 6 เมตร ไปถึงรางระบายน้ำ นอกจากนี้ ยังพบรถเข็นเด็ก พร้อมของเล่น […]

ข่าวแนะนำ

นายกฯ บอกเวลา 4 เดือน เศรษฐกิจต้องไปข้างหน้า “มีรูมีหนู”

สภาหอการค้าฯ 18 ก.ย.-นายกฯ บอกเวลา 4 เดือน เศรษฐกิจต้องไปข้างหน้า “มีรูมีหนู” ต้องผลักดันเต็มที่ พร้อมแก้ไขปัญหาภาคเอกชนสู่นโยบายรัฐบาล ยันทำทุกทางให้ไทยเป็นคู่ค้าที่ได้เปรียบ ไม่ปิดกั้นนโยบายคนอื่น ขอให้วินวินทุกฝ่าย นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี แถลงข่าวหลังเสร็จสิ้นการประชุมหารือกับสภาหอการค้าไทยว่า ตนและทีมงานได้มาพบกับทางคณะกรรมการสภาหอการค้าไทย เหมือนกับวันที่เราไปเยี่ยมที่สภาอุตสาหกรรม เราพยายามที่จะไปพบกับภาคเอกชนก่อนที่จะเข้าไปบริหารราชการแผ่นดิน เพื่อที่จะได้รับฟังข้อเสนอแนะและปัญหาที่ภาคเอกชนต้องการให้รัฐบาลได้สนับสนุนหรือแก้ไข จะรวบรวมข้อมูลให้มากที่สุด เพื่อเวลาเข้าไปทำงานจะได้ดำเนินการให้ทุกอย่าง ขับเคลื่อนไปด้วยความรวดเร็ว มาพบกับคณะผู้บริหารสภาหอการค้าไทย ถือว่าเป็นตัวแทนของผู้ประกอบการ เรารับฟังข้อเสนอแนะข้อกังวล สิ่งที่ผู้ประกอบการต้องการให้รัฐบาลได้ดำเนินการ เพื่อทำให้เกิดความคล่องตัว ทั้งด้านการเงิน ภาระหนี้สิน ดอกเบี้ย พลังงาน การส่งออก แรงงาน และโอกาสต่างๆ สำหรับประเทศไทยในอนาคต ได้มีการหารือลงในรายละเอียดมากพอสมควร และจะต้องมีการพบกันเป็นประเด็นไปหากมีความจำเป็น แต่ในภาพรวมจะหาโอกาสมาหารือให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เมื่อถามว่า หารือแล้วได้จัดเตรียมมาตรการความเชื่อมั่นด้านเศรษฐกิจอย่างไรบ้าง นายอนุทิน เผยว่า รับฟังปัญหาต่างๆ เรื่องของการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจให้กับผู้ประกอบการ แรงงาน ภาษี ขนส่งต่างๆ เราพยายามที่จะทะลายข้อจำกัดที่มีอยู่ ไม่จำเป็นไม่ปิดกั้นโอกาส ส่วนรายละเอียด ว่าที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และว่าที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ จะนำสิ่งเหล่านี้ไปหาทางทำให้คล่องตัวขึ้น […]

ตำรวจเสริมกำลังบ้านหนองหญ้าแก้ว

สระแก้ว 18 ก.ย. – ตำรวจเสริมกำลังที่บ้านหนองหญ้าแก้ว หลังวานนี้ชาวกัมพูชาพยายามเข้ามาทำลายทรัพย์สิน รื้อลวดหนามในพื้นที่อธิปไตยไทย จนเจ้าหน้าที่ต้องผลักดันออกไป ที่วัดหนองหญ้าแก้ว ยังเป็นจุดพักของเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อเฝ้าติดตามสถานการณ์ว่าจะเกิดเหตุการณ์ชาวกัมพูชาพยามเข้ามารื้อลวดหนาม ซึ่งถือเป็นทรัพย์สินราชการในพื้นที่บริเวณอธิปไตยของไทยอีกหรือไม่ ซึ่งหากเป็นเช่นนั้นก็ต้องบังคับใช้กฎหมายมีการดำเนินการอย่างที่ปฏิบัติมาเมื่อวานนี้ตามหลักสากล เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อม เพราะจากข้อมูลตามเพจ พบชาวกัมพูชาระดมมวลชนเพิ่ม ดังนั้น วันนี้นอกจากตำรวจในจังหวัดสระแก้วแล้ว ยังมีการเสริมกำลังตำรวจในพื้นที่ใกล้เคียงเข้ามาอีก 2 กองร้อย 340 คน ได้แก่ ตำรวจจากปราจีนบุรีและฉะเชิงเทรา อย่างไรก็ตาม สำหรับเหตุเมื่อวานนี้ ทางกองทัพบกย้ำว่าจุดปะทะพื้นที่ดังกล่าวอยู่ในเขตไทย การที่ชาวกัมพูชาบุกรุกเข้ามาทำลายสิ่งของทางราชการ และก่อการจลาจลบนแผ่นดินไทย เป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย จึงต้องถูกดำเนินการตามกระบวนการ และยืนยันการดำเนินการของฝ่ายไทยเป็นไปตามขั้นตอนตั้งแต่การเจรจา แจ้งเตือน และควบคุมการจลาจลตามหลักสากล โดยใช้กำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจร่วมกับฝ่ายปกครอง ที่สำคัญพบว่าทหารของกัมพูชาที่ร่วมในเหตุการณ์กลับไม่ห้ามปราม และมีท่าทีสนับสนุนการจลาจล ทั้งนี้ หลังเกิดเหตุการณ์ฝ่ายกัมพูชายังออกแถลงการณ์บิดเบือนข้อมูลทั้งหมดนี้แสดงถึงเจตนาของฝ่ายกัมพูชาในการใช้ประชาชนออกหน้ารุกล้ำดินแดนไทยและความไม่จริงใจในการแก้ไขปัญหาในพื้นที่ชายแดนตามข้อตกลงหยุดยิงย้อนแย้งกับภาพลักษณ์ที่รัฐบาลกัมพูชาพยายามสร้างต่อสังคมโลกว่าเป็นผู้แสวงหาสันติภาพ. -สำนักข่าวไทย

นายกฯ นั่งหัวโต๊ะ ร่วมถกสภาหอการค้าไทย

สภาหอการค้าไทย 18 ก.ย.-นายกฯ นั่งหัวโต๊ะ ร่วมถกสภาหอการค้าไทย ย้ำนำชื่อ ครม. ทูลเกล้าฯ แล้ว ลั่นลุยงานทันที หลังโปรดเกล้าฯ เผย “เอกนิติ” คัด รมช.คลัง มาเองกับมือ โวเร่งเศรษฐกิจไทยให้กลับมาเข้มแข็ง นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมหารือเพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ ระหว่างคณะรัฐบาล และคณะกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย โดยนายอนุทินกล่าวว่า มาวันนี้เพื่อพบกับทุกคน และมีว่าที่รัฐมนตรีที่ดูแลด้านเศรษฐกิจ ซึ่งทุกคนในที่นี้ไม่ใช่คนแปลกหน้าสำหรับตน เจอกันมานาน มีความสนิทสนมคุ้นเคย เคารพนับถือกันเป็นอย่างดี นายอนุทิน กล่าวว่า สิ่งที่มาวันนี้ เพื่อมาพบทุกท่านและนำว่าที่คณะรัฐมนตรีเศรษฐกิจมาแนะนำให้รู้จัก เชื่อว่าหลายคนก็รู้จักกันดีอยู่แล้ว วันนี้ตั้งใจมารับฟังรายละเอียด และรับฟังข้อเสนอแนะจากสภาหอการค้าไทย รัฐบาลที่กำลังจะเกิดขึ้นนี้เป็นรัฐบาลที่จะเน้นในการเร่งฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศไทย ให้มีความกระชับและเข้มแข็งขึ้นเร็วที่สุด ภายใต้ระยะเวลาที่มีอยู่ นายอนุทินยังแนะนำผู้ที่จะมาดำรงตำแหน่งในคณะรัฐมนตรีของตนซึ่งได้ทูลเกล้าฯ ถวายรายชื่อไปแล้ว เมื่อมีการโปรดเกล้าฯ ก็จะเร่งแถลงนโยบายรัฐบาลต่อรัฐสภา และสามารถบริหารราชการแผ่นดินได้ จากนั้นนายกรัฐมนตรีได้แนะนำว่าที่คณะรัฐมนตรีเศรษฐกิจให้ผู้ร่วมประชุมได้รู้จัก โดยในขณะที่แนะนำว่าที่รัฐมนตรี นายอนุทิน ได้กล่าวถึงนายวรภัค ธันยาวงษ์ ว่าที่รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ว่า เป็นคนฝีมือดี ซึ่งนายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาส […]

พายุในทะเลจีนใต้ ส่อแรงขึ้นเป็นโซนร้อน ทำฝนเพิ่มระยะนี้

กรุงเทพฯ 18 ก.ย.-กรมอุตุฯ เตือนพายุดีเปรสชันบริเวณทะเลจีนใต้ตอนบน มีแนวโน้มทวีกำลังแรงขึ้นเป็นพายุโซนร้อน แม้จะไม่เคลื่อนเข้าสู่ประเทศไทยโดยตรง แต่ส่งผลให้ร่องมรสุมเลื่อนขึ้นพาดผ่านตอนกลางประเทศ ทำให้ไทยตอนบนมีฝนเพิ่มขึ้น และบางพื้นที่อาจมีฝนตกหนักถึงหนักมาก ย้ำจะมีฝนตกต่อเนื่องถึงต้นเดือนตุลาคม นายสมควร ต้นจาน ผู้อำนวยการกองพยากรณ์อากาศเปิดเผยว่า พายุลูกดังกล่าวมีศูนย์กลางอยู่ที่ละติจูด 19.0 องศาเหนือ ลองจิจูด 120.0 องศาตะวันออก บริเวณประเทศฟิลิปปินส์ เคลื่อนลงสู่ทะเลจีนใต้ตอนบนแล้วในช่วงเช้าวันนี้ (18 ก.ย.) โดยมีความเร็วลมใกล้ศูนย์กลางประมาณ 55 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และกำลังเคลื่อนตัวไปทางทิศเหนือค่อนตะวันตกเล็กน้อย ด้วยความเร็ว 15 กิโลเมตรต่อชั่วโมง คาดว่า จะขึ้นฝั่งประเทศจีนตอนใต้ในช่วงวันที่ 19–20 กันยายน 2568 ทั้งนี้แม้พายุไม่ได้เข้าไทยโดยตรง แต่จากอิทธิพลทางอ้อมของพายุ จะดันให้ร่องมรสุมเลื่อนขึ้นพาดผ่านภาคเหนือตอนล่าง ภาคกลางตอนบน และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ประกอบมีมรสุมตะวันตกเฉียงใต้พัดปกคลุมต่อเนื่อง ส่งผลให้หลายพื้นที่ของประเทศไทย โดยเฉพาะภาคตะวันออกและภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ต้องเฝ้าระวังฝนตกหนักถึงหนักมากในช่วงวันที่ 18–25 กันยายนนี้ พื้นที่ที่มีแนวโน้มฝนตกสะสมในระดับเสี่ยง ได้แก่ จังหวัดอำนาจเจริญ อุบลราชธานี จันทบุรี และตราด ซึ่งอาจเกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลากในพื้นที่ลาดเชิงเขา ใกล้ทางน้ำไหลผ่าน […]