กทม.27ธ.ค.-“นฤมล” มุ่งสร้างความเข้มแข็งภาคสหกรณ์ ย้ำมาตรฐานสากลกรมตรวจบัญชีสหกรณ์ ครอบคลุมความเสี่ยงในทุกมิติภาคการเกษตร
นายเอกภาพ พลซื่อ โฆษกกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้มอบ 4 นโยบายการขับเคลื่อนภารกิจของกรมตรวจบัญชีสหกรณ์ เนื่องจากเป็นหน่วยงานที่มีบทบาทในการสร้างความเข้มแข็งทางการเงินการบัญชีภาคการเกษตร โดยการพัฒนาองค์ความรู้และพัฒนาศักยภาพการบริหารจัดการทางการเงินให้แก่สหกรณ์และสมาชิก ซึ่งกระทรวงเกษตรฯ โดยกรมตรวจบัญชีสหกรณ์ เตรียมดำเนินการพัฒนาระบบเทคโนโลยีเพื่อขยายขอบเขตการตรวจสอบ และการกำกับดูแลด้านความเสี่ยงของสหกรณ์ และสมาชิกให้มีประสิทธิภาพและเป็นไปตามมาตรฐานสากล ครอบคลุมความเสี่ยงในทุกมิติภาคการเกษตร เช่น วิธีการดำเนินการ การลดต้นการผลิต การใช้เครื่องจักรเครื่องมือหรือเทคโนโลยี เพื่อยกระดับเกษตรกรไทยให้มีความเข้มแข็งทางด้านการเงินการบัญชี ตลอดจนการลดความเสี่ยง เพิ่มความมั่นคงให้สมาชิกสหกรณ์อีกด้วย
สำหรับ 4 นโยบายหลักเพื่อขับเคลื่อนภารกิจของกรมตรวจบัญชีสหกรณ์ คือการมุ่งขับเคลื่อนนวัตกรรม สร้างความเข้มแข็งแก่สถาบันเกษตรกร โดยการผลักดันการใช้เทคโนโลยีด้านการบัญชีสหกรณ์ เพื่อพัฒนาความสามารถการใช้ข้อมูลสำหรับการวางแผนอย่างมีประสิทธิภาพ และพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อสร้างการมีส่วนร่วมในการตรวจสอบ ยกระดับการกำกับสหกรณ์ด้วยระบบ Core Banking ในกลุ่มสหกรณ์ออมทรัพย์ขนาดใหญ่ที่มีความพร้อม และพัฒนาระบบวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อการบริหาร อาทิ ศูนย์ข้อมูลด้านการเงิน และระบบเตือนภัยทางการเงิน แบบ Real Time อีกทั้งรักษามาตรฐานวิชาชีพ โดยการสร้างมาตรฐานด้านบัญชีสหกรณ์ อาทิ การทบทวนและปรับปรุงกฎระเบียบต่าง ๆ ให้สอดคล้องตามมาตรฐานสากล อีกทั้งพัฒนาเกณฑ์มาตรฐานโปรแกรมระบบบัญชี และรักษาคุณภาพการสอบบัญชี โดยการต่อยอดและพัฒนาระบบเทคโนโลยีเพื่อการตรวจสอบบัญชีอย่างเป็นระบบและได้มาตรฐาน
นอกจากนี้ยังมีแก้ไขปัญหาการทุรจิตอย่างเป็นรูปธรรม โดยบูรณาการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อเชื่อมโยงข้อมูลสหกรณ์ สำหรับการพัฒนาระบบเฝ้าระวังและเตือนภัยแบบ Real Time พร้อมทั้งร่วมตรวจสอบและประเมินระบบการควบคุมภายในด้านการเงินการบัญชี และส่งเสริมเกษตรกรเข้มแข็งด้วยบัญชี โดยการพัฒนา Application เพื่อการบันทึกข้อมูล ควบคู่กับการส่งเสริมองค์ความรู้เกษตรกรด้านการจัดทำบัญชีรายรับ – รายจ่าย ต่อยอดสู่การเสริมสร้างวินัยทางการเงินอย่างมั่นคง.-319.-สำนักข่าวไทย