รัฐสภา 17 ต.ค.-กมธ.ส่งเสริมกระบวนการสร้างสันติภาพ เชิญ “ภูมิธรรม-เลขาฯ สมช.-แม่ทัพภาคที่ 4” หารือ 24 ต.ค.นี้ ถึงแนวทางรับมือสถานการณ์จังหวัดชายแดนใต้หากคดีตากใบหมดอายุความ หวั่นเกิดเหตุรุนแรง มองการเยียวยาเป็นคนละเรื่องกับการดำเนินคดีอาญาของผู้ที่ได้รับผลกระทบในคดี
น.ส.พรรณิการ์ วานิช โฆษกคณะกรรมาธิการวิสามัญเพื่อพิจารณาศึกษาและเสนอแนวทางการส่งเสริมกระบวนการสร้างสันติภาพเพื่อแก้ไขปัญหาความขัดแย้งในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ แถลงข่าวกรณี คดีตากใบ ซึ่งนับจากนี้ 8 วันคดีจะหมดอายุความ แต่จำเลยและผู้ต้องหาที่ถูกออกหมายจับยังไม่สามารถติดตามตัวเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมได้
กรรมาธิการฯ ที่เป็นนักวิชาการ ตัวแทนเจ้าหน้าที่รัฐ และ สส. ในพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้ มีความกังวลตรงกัน ว่าคดีนี้อาจกลายเป็นหมุดหมายสำคัญ หากคดีหมดอายุความในวันที่ 25 ตุลาคม หากไม่สามารถนำตัวจำเลยเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ขณะเดียวกันผู้อำนวยการสะดวก การเจรจาสร้างสันติภาพ ที่มาเลเซีย ซึ่งได้แจ้งว่าทางกลุ่มประเทศ OIC หรือองค์การความร่วมมืออิสลาม รวมถึงนานาชาติให้ความสำคัญจับตามองคดีตากใบ ซึ่งคดีมีแนวโน้มสูงว่าจะหมดอายุความโดยไม่สามารถนำตัวผู้กระทำผิดผู้ที่ถูกกล่าวหาเข้าสู่กระบวนการได้
กรรมาธิการฯ จึงมีมติเชิญผู้ที่เกี่ยวข้องเข้ามาหารือในวันพฤหัสพฤหัสบดีที่ 24 ตุลาคมนี้ หนึ่งวันก่อนที่คดีจะหมดอายุความ เพื่อหารือร่วมกันว่าหากคดีหมดอายุความลง จะมีการรับมือกับสถานการณ์อย่างไร ซึ่งอาจจะมีความรุนแรงเพิ่มขึ้นหรือไม่ หรือฉกฉวยนำเรื่องนี้ไปอ้างในการก่อเหตุความรุนแรง เพื่อหาวิธีการรับมือที่ดีที่สุด การประคับประคองบรรยากาศในการเจรจาสันติภาพ และการสร้างความปรองดองสมานฉันท์ให้เกิดขึ้นในชายแดนใต้
“กรรมาธิการสันติภาพชายแดนใต้ จึงมีมติเชิญ 3 ท่าน มาร่วมหารือในวันที่ 24 ตุลาคมที่จะถึงนี้ ได้แก่ นายภูมิธรรม เวชย ชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม นายฉัตรชัย บางชวด เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ และพลโทไพศาล หนูสังข์ แม่ทัพภาคที่ 4 หารือร่วมกับกรรมาธิการ คาดหวังว่าจะเป็นการมองไปข้างหน้า ไม่ใช่พูดถึงคดีความ” น.ส.พรรณิการ์ กล่าว
น.ส.พรรณิการ์ ยังกล่าวถึงการลาออก จากสมาชิกพรรคเพื่อไทย ของพล.อ.พิศาล วัฒนวงษ์คีรี ว่าไม่เกี่ยวข้องกับสถานะจำเลยในคดีตากใบ ซึ่งสถานะจำเลยยังคงอยู่ และเป็นหน้าที่โดยตรงของรัฐบาลการแสดงเจตจำนงทางการเมืองที่มากพอในการนำตัวผู้ถูกกล่าวหาและผู้ถูกออกหมายจับเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมให้ได้
ส่วนข้อคิดเห็นว่าคดีตากใบได้รับการเยียวยาและควรที่จะจบได้แล้วนั้น การเยียวยาเป็นเรื่องที่ดี เป็นการแสดงความรับผิดชอบของรัฐบาล ต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่การรับเงินเยียวยานั้นเป็นคนละเรื่องกับการดำเนินการทางอาญา ซึ่งในคดีตากใบไม่มีญาติพี่น้องคนใดที่ได้รับเงินเยียวยาไปแล้วเซ็นเอกสารยินยอม ว่าจะไม่ดำเนินคดีอาญา
“การจ่ายเงินเยียวยา ไม่ได้หมายความว่านำมาซึ่งการปรองดองสมานฉันท์ที่แท้จริงได้ ไม่ได้หมายหมายความว่ารับเงินแล้วจบ ถ้ารับเงินแล้วจบดิฉันคิดว่าต้องกลับมาตั้งคำถามกับคดีสลายการชุมนุมเสื้อแดง ว่าคดีเสื้อแดงรับเงินไปแล้วก็ต้องจบเหมือนกันหรือไม่” น.ส.พรรณิการ์ กล่าว
ในฐานะนักการเมืองมองว่าการเตรียมรับมือกับคดีตากใบ ไม่ต้องการให้คำนึงถึงเรื่องคะแนนเสียงในพื้นที่ ออแต่ทุกพรรคการเมืองมีหน้าที่รับใช้ประชาชนไม่ว่าอยู่พรรคการเมืองใด โดยเชื่อว่าประชาชนทั้งประเทศเห็นตรงกันอออว่าผู้เสียชีวิตไม่ควรจะเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ จากการปฎิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ที่ประมาท และการสลายการชุมนุมที่ใช้อาวุธหนัก หน้าที่ของรัฐบาลออออคือทำให้ประชาชนกลับมาไว้เนื้อเชื่อใจรัฐบาลออ ซึ่งเป็นรากฐานนำไปสู่การแก้ไขปัญหาความขัดแย้งชายแดนใต้.-314.-สำนักข่าวไทย