นายกฯ ปาฐกถาพิเศษ ASEAN Economic Outlook 2025

โรงแรมสยาม เคมปินสกี้ 7 ต.ค.- นายกฯ ปาฐกถาพิเศษ ASEAN Economic Outlook 2025 เน้นความร่วมมือเศรษฐกิจอาเซียน มองเป็นตลาดใหญ่แห่งหนึ่งของโลก เร่งผลักดัน GDP ประเทศสมาชิก ชูจุดเด่นไม่มีความขัดแย้ง เหมาะลงทุน เตรียมใช้เวทีอาเซียนซัมมิท หารือปัญหาน้ำท่วม-โลกเดือด


เมื่อเวลา 09.30 น. นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวปาฐกถาพิเศษ หัวข้อ “Thailand Economic Big Move” ในงานสัมมนา ASEAN Economic Outlook 2025: The Rise of ASEAN, A Renewing Opportunity ณ ห้องฉัตราบอลรูม ชั้น 2 โรงแรม สยาม เคมปินสกี้ ถนนพระรามที่ 1 เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ

นางสาวแพทองธาร กล่าวว่า อายุ 38 ถ้าอยู่ในธุรกิจอื่นจะไม่มีใครบอกว่าอายุน้อย แต่พอมาอยู่ในวงการการเมืองอายุ 38 ปี ถือว่าอายุน้อย แต่ไม่ว่าอายุเท่าไหร่หากเปิดโอกาสในการทำงานคิดว่าจะมีพลังและไอเดียใหม่ๆเข้ามา พร้อมกับคนรุ่นก่อนที่จะมา Support เป็นที่ปรึกษาได้ จึงอยากให้ประเทศไทยค่อยๆเปลี่ยนแปลงและตอนนี้เห็นได้ชัดในหลายองค์กรว่ามีคนทุกอายุเพิ่มมากขึ้น


นายกรัฐมนตรี กล่าวว่าในสัปดาห์ที่แล้ว ตนเพิ่งกลับมาจากการประชุม ACD (Asia Cooperation Dialogue) ที่ประเทศกาตาร์ เวทีนี้เป็นเวทีสำคัญเพราะกรอบการพูดคุยเป็นเรื่องความท้าทายด้านภูมิรัฐศาสตร์ของโลก (New Multipolar World Order) ซึ่งประเทศไทยในฐานะประเทศเริ่มต้นเวทีนี้ และปีหน้าเรา จะเป็นประธานและเป็นเจ้าภาพในการจัดประชุม

ปีนี้เป็นปีที่ 57 ของอาเซียน เราสร้างความร่วมมือนี้มามากกว่าครึ่งศตวรรษ ที่ผ่านมาอาเซียนได้ปรับตัว เปลี่ยนแปลงเป้าหมายและแนวทาง ไปตามสภาพเศรษฐกิจ สังคม เทคโนโลยี อยู่ตลอดเวลา

อย่างในช่วงก่อตั้งราวทศวรรษที่ 1960 ปัญหาความขัดแย้งและสงครามยังเป็นปัญหาหลักในภูมิภาคของเรา อาเซียนมีบทบาทสำคัญในการส่งเสริมให้ประเทศสมาชิกมีความมั่นคง


หลังจากนั้นอาเซียนได้เปลี่ยนแปลงแนวทางโดยนโยบายเปลี่ยนสนามรบให้เป็นสนามการค้า จนสามารถสร้างเศรษฐกิจที่เป็นรากฐานมาถึงปัจจุบัน

และในช่วงทศวรรษที่ 1990 อาเซียนที่นำโดยประเทศไทยได้พัฒนาตัวเอง เป็นเขตการค้าเสรีอย่างเต็มรูปแบบ ขยายความร่วมมือในด้านการค้าและการลงทุน กับกลุ่มเศรษฐกิจอื่นๆ อย่าง APEC ก็เกิดขึ้นในยุคนั้น

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า มาถึงวันนี้ตนขอใช้เวทีนี้มาเล่าให้ทุกท่านฟัง ถึงเป้าหมายของรัฐบาลไทยในฐานะประเทศสมาชิก ที่ต้องการผลักดันให้เกิดขึ้น ซึ่งจะส่งผลอย่างมากต่อทศวรรษต่อไปของอาเซียน โดยมีทั้งหมด 4 ประเด็น

คือ อย่างแรกเรื่อง GDP ของประเทศสมาชิกอาเซียนทั้ง 10 ประเทศ ในวันนี้มีมูลค่ารวมกันสูงถึง 3.6 ล้านล้านเหรียญสหรัฐหรือ 119 ล้านล้านบาท และมีแนวโน้มจะขยายตัวอีก 4-5% ต่อปีต่อเนื่องในอนาคต เป็นตลาดอันดับ 5 ของโลก และมีประชากร กว่า 670 ล้านคน อาเซียนจึงถือเป็นตลาดขนาดใหญ่แห่งหนึ่งของโลก

ในเวลานี้ อาเซียนจำเป็นต้องปลดล็อคศักยภาพทางเศรษฐกิจ เพื่อเพิ่มโอกาสทางการค้า โดยประเทศสมาชิกจำเป็นต้องรวมกันเป็นหนึ่งเดียวในด้านเศรษฐกิจ ทำให้ตลาดอาเซียน มีกฎเกณฑ์การค้า การลงทุน และการเก็บภาษี สอดคล้องไปด้วยกันทั้งหมด ทั้งภูมิภาคเพื่อทำให้นักลงทุนรู้สึกว่า การลงทุนในประเทศสมาชิกหรือ ประเทศไทย จะเท่ากับการลงทุนในภูมิภาคอาเซียนดึงดูดการลงทุนให้มากขึ้น
 
ประเด็นต่อมาคือ อาเซียนเป็นภูมิภาคที่มีความสงบ ไม่มีความขัดแย้งระหว่างประเทศ และมีความเจริญรุ่งเรืองทางเศรษฐกิจ (Peace and Prosperity) เป็นจุดเด่นสำคัญซึ่งเหมาะแก่การลงทุน และเป็นจุดที่ตั้งทางภูมิรัฐศาสตร์ (Geopolitics) ที่ดี เป็นพื้นที่เจรจาลดความขัดแย้งของโลก โดยเฉพาะในเวลานี้ที่โลกกำลังประสบปัญหาความขัดแย้งอย่างรุนแรง

ในขณะที่อาเซียนมีจุดเด่นที่สนับสนุนการค้าการลงทุนอย่างเสรี หลายประเทศที่แม้มีความขัดแย้งกัน แต่ก็สามารถทำมาหากินกันได้ไม่มีปัญหาในภูมิภาคอาเซียน ยกตัวอย่างเช่น นักลงทุนจากประเทศจีน กระจายการลงทุนในประเทศอาเซียนในหลายด้าน นอกจากนี้ นักลงทุนจากสหรัฐ ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และไต้หวัน ก็ให้ความสนใจและเพิ่มการลงทุนด้านสินค้าเทคโนโลยี เช่น เซมิคอนดักเตอร์ และการลงทุนสร้าง Data Center ของ Google ไปจนถึงการผลิตมือถือและคอมพิวเตอร์ของ Apple

อาเซียนยังมีบทบาทในการลดความตึงเครียดระหว่างประเทศมหาอำนาจหลายครั้ง เช่น การใช้ประเทศไทยเป็นเวทีเจรจาระหว่างรัฐมนตรีต่างประเทศของจีน กับที่ปรึกษาด้านความมั่นคงของประธานาธิบดีสหรัฐ เมื่อไม่กี่เดือนมานี้

แต่อาเซียนยังมีปัญหาความขัดแย้งภายในประเทศสมาชิกคือ ปัญหาการสู้รบในเมียนมา นี่เป็นเรื่องสำคัญที่อาเซียนต้องแก้ไขให้ได้
ดังนั้นอาเซียนจะต้องมีบทบาทสำคัญในการนำความสงบสุขกลับมาในประเทศเมียนมาโดยเร็วที่สุด ซึ่งเราจะเน้นการทำงานร่วมกับนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย นายอันวา อิบราฮิม ซึ่งจะดำรงตำแหน่งประธานของอาเซียนในปีหน้า รวมถึงใช้กลไกทางการทูตเพื่อแก้ปัญหานี้ให้คลี่คลายโดยเร็วที่สุด
 
ประเด็นต่อมา คือ การขนส่ง ที่เชื่อมโยงประเทศต่างๆ เข้าไว้ด้วยกัน จะเป็นหัวใจสำคัญในการยกระดับศักยภาพของอาเซียน ในอนาคตอาเซียนจะต้องเชื่อมต่อระบบการขนส่งระหว่างประเทศ ที่อยู่บนผืนแผ่นดินเอเชีย เชื่อมเข้าด้วยกันให้ทั้งระบบเชื่อมโยงกัน ทำให้ส่งสินค้าติดต่อกันได้สะดวก เราต้องพัฒนาโครงสร้างคมนาคมร่วมกันทั้งทางบก ทางน้ำ และทางอากาศ สร้างถนน สร้างรถไฟความเร็วสูง รวมทั้งพัฒนาท่าเรือ

ซึ่งทั้งหมดนี้ประเทศไทยกำลังดำเนินการทั้ง รถไฟรางคู่ รถไฟความเร็วสูง การเป็นศูนย์กลางการบินของภูมิภาค และ แลนด์บริจน์ ที่จะเป็นศูนย์กลางการขนส่ง ภาพที่เรามองเห็นคือสินค้ามากมายหลายรูปแบบ รวมถึงภาพของท่าเรือขนาดใหญ่ที่เชื่อม 2 มหาสมุทร อ่าวไทย และ อันดามันเข้าด้วยกัน  จะลดค่าใช้จ่าย ลดต้นทุนการผลิตให้กับทุกธุรกิจ และอนาคตอาเซียนจะกลายเป็นศูนย์กลางของการขนส่งอีกแห่งนึงของโลก

ประเด็นที่สุดท้าย ปัญหาสิ่งแวดล้อม ตอนนี้กลายเป็นโลกเดือดไม่ใช่ภาวะโลกร้อน เพราะความรุนแรงจากภัยธรรมชาติ จะทวีความรุนแรงเพิ่มขึ้นในทุกๆ ปี รวมถึงไทย ก็ได้รับผลกระทบหนักจากปัญหาน้ำท่วม เช่น เชียงราย ตนได้ลงพื้นที่ไปเห็นด้วยตาตัวเอง อยากให้ลองคิดว่า ถ้าบ้านของเราถูกเคลือบด้วยโคลนทั้งหมดเป็นเรื่องที่น่าเศร้าใจและไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะปีนี้ปีหน้าอาจเกิดขึ้นอีก ดังนั้นเราต้องเตรียมพร้อมรับมือกับสภาวะโลกเดือดที่อาจทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่เราไม่คาดคิด เป็นโจทย์ที่เราต้องคิดว่าจะป้องกันได้แค่ไหน เพราะปัญหาเหล่านี้ต้องใช้เวลาในการแก้ไขหลายปีไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการสร้างเขื่อนหรือไม่ หรือจะสร้างแบริเออร์ ซึ่งการซ่อมแซมไม่นานแต่การสร้างต้องมีการศึกษาและต้องแผน A B C เพื่อที่จะรอเวลาในการสร้างสิ่งต่างๆเหล่านี้ในประเทศ

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตอนนี้เรากำลังเร่งรัดนโยบายเพื่อให้เห็นผลในทางปฏิบัติ ทั้งหมดนี้เป็นสิ่งที่ตน จะนำไปหารือกับประเทศสมาชิกอาเซียนที่ประเทศลาวในงานประชุมที่จะเริ่มขึ้นวันพรุ่งนี้ ซึ่งสอดคล้องกับ Master Plan ของ ASEAN Connectivity 2025 ที่มี 3 แกนวิธีคิดหลักคือ
1.การเชื่อมโยงทางกายภาพ เน้นการปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานด้านการขนส่ง
2.การเชื่อมโยงด้านกฎระเบียบ มุ่งหวังที่จะปรับนโยบาย กฎระเบียบ และมาตรฐานให้สอดคล้องกันในประเทศสมาชิกเพื่อส่งเสริมการค้าและการลงทุน
3.การเชื่อมโยงระหว่างประชาชน เน้นการแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรม การศึกษา การท่องเที่ยว และการเคลื่อนย้ายแรงงาน ให้มีความสะดวกเพิ่มขึ้น เพื่อสร้างอนาคตอาเซียนร่วมกับประเทศสมาชิกอย่างยั่งยืน
 
อาเซียนเราเป็นภูมิภาคที่ประสบความสำเร็จในการพัฒนาผลประโยชน์ร่วมกันของประเทศสมาชิก รวมถึงสามารถสร้างอำนาจต่อรองกับคู่ค้าทั่วโลก เป็นภาพสะท้อนแนวคิดที่ว่าการอยู่ร่วมกันโดยสามัคคี ทำให้มีพลังมากกว่าต่างคนต่างทำ ASEAN together is much more than the sum of its parts

.-316 -สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ประหารชีวิตแอมไซยาไนด์

ศาลอาญาพิพากษาประหารชีวิต “แอม ไซยาไนด์”

ศาลอาญาพิพากษาประหารชีวิต “แอม ไซยาไนด์” ส่วนอดีตสามี คุก 1 ปี 4 เดือน “ทนายพัช” คุก 2 ปี ไม่รอลงอาญา ชดใช้ ให้ผู้เสียหายกว่า 2 ล้านบาท

นายกฯ ถกตั้งนายพลตำรวจ 41 ตำแหน่ง ยันไม่มีการเมืองแทรก

นายกฯ ถกแต่งตั้งนายพลตำรวจ 41 ตำแหน่ง ยันไม่มีการเมืองแทรก ยึดตาม พ.ร.บ.ตำรวจ ฉบับใหม่ พลิกโผ ‘สยาม บุญสม’ ผงาดคุมนครบาล ‘สันติ ชัยนิรามัย’ นั่ง ผบช.ปส. ‘ไตรรงค์ ผิวพรรณ’ โยกคุมไซเบอร์ ‘ภาณุมาศ บุญญลักษม์’ ขึ้นเป็น ผบช.สตม.

ดีเอสไอพบเส้นเงินโอนจากแม่ถึงนักการเมือง ส. เกือบ 100 ล้าน

ดีเอสไอพบเส้นเงินโอนจากแม่ถึงนักการเมือง ส. เกือบ 100 ล้านบาท จำนวนนี้พบโอนจาก “บอสพอล-บอสปีเตอร์” ด้วย เร่งขยายผลมีบอสรายอื่นโอนเข้าบัญชีดังกล่าวอีกหรือไม่

ข่าวแนะนำ

อุตุฯ เผยเหนือ-อีสาน อากาศเย็นในตอนเช้า ภาคใต้ฝนตกหนักบางแห่ง

กรมอุตุฯ เผยภาคเหนือ ภาคอีสาน มีอากาศเย็นในตอนเช้า ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนดูแลรักษาสุขภาพเนื่องจากสภาวะอากาศที่เปลี่ยนแปลง ส่วนภาคใต้ มีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง

“เอวา” เสือโคร่งสายแบ๊ว ดาวรุ่งดวงใหม่

หน้าตาที่น่ารักบ้องแบ๊วเหมือนแมวตัวโต ตกหัวใจคนรักสัตว์กันไปเต็มๆ สำหรับน้องเอวา เสือโคร่งสายแบ๊วของเชียงใหม่ไนท์ซาฟารี นอกจากหน้าตาน่ารักแล้วยังมีความสามารถหลายอย่าง จนกลายเป็นดาวรุ่งดวงใหม่ ที่ผู้คนแห่ไปชมความน่ารักกันอย่างคึกคัก คาดจะช่วยดึงนักท่องเที่ยวไปที่เชียงใหม่ไนท์ซาฟารีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

ต้อนรับอบอุ่น “โอปอล” รองอันดับ 3 มิสยูนิเวิร์ส 2024 ถึงไทย

กลับถึงไทยแล้ว “โอปอล สุชาตา” รองอันดับ 3 มิสยูนิเวิร์ส 2024 ปรากฏตัวในชุดไทย สวยสง่า แฟนนางงามต้อนรับอย่างอบอุ่น

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก