ประสานเสียงไม่มีเจตนาทำลาย

รัฐสภา 31 ม.ค.-“พิธา-ชัยธวัช” ยืนยันไม่มีเจตนาเซาะกร่อนบ่อนทำลาย หวั่น คำวินิจฉัยศาล รธน.เข้าข่ายล้มล้างการปกครอง อาจส่งผลกระทบด้านลบต่อสถาบัน ย้ำ เป็นเรื่องของทุกคน ไม่ใช่แค่พรรค


นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคก้าวไกล พร้อมนายชัยธวัช ตุลาธน หัวหน้าพรรคก้าวไกล แถลงความเห็นของพรรคก้าวไกลหลังจากศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยกรณีเสนอร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. … เพื่อยกเลิกประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 โดยใช้เป็นนโยบายในการหาเสียงเลือกตั้ง เป็นการใช้สิทธิเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข

นายชัยธวัช กล่าวว่า แม้ว่าศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าการกระทำของพรรคก้าวไกลถือเป็นการใช้สิทธิเสรีภาพเพื่อการล้มล้างการปกครอง แต่พรรคก้าวไกลขอยืนยันอีกครั้งว่าไม่ได้มีเจตนาเพื่อเซาะกร่อน บ่อนทำลาย หรือแยกสถาบันพระมหากษัตริย์ออกจากชาติ นอกจากนี้พวกเรายังกังวลว่าคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญนี้อาจก่อให้เกิดผลกระทบต่อการเมืองไทยในระยะยาวด้วย เช่น อาจกระทบต่อความสัมพันธ์ทางอำนาจระหว่างฝ่ายนิติบัญญัติกับศาลรัฐธรรมนูญในอนาคต


“กระทบต่อความเข้าใจและการให้ควาหมายต่อระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข และหลักการสำคัญของระบอบการเมืองมีความชัดเจน ซึ่งอาจทำให้สิ่งที่เคยกระทำได้ในอดีตทั้งในสมัยระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชหรือในระบอบประชาธิปไตยอาจเป็นการล้มล้างการปกครองได้ในปัจจุบันและอนาคต อาจกระทบเรื่องสำคัญ เช่น การตีความว่าอะไรคือการล้มล้างการปกครอง อาจเกิดปัญหาที่พวกพวกเราเข้าใจหลักเกณฑ์ที่ชัดเจนแน่นอนไม่ตรงกันมีความคลุมเครือทั้งในเรื่องของแง่ตีความข้อเท็จจริงข้อกฎหมาย” หัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าว

นายชัยธวัช กล่าวว่า เจตนาคำวินิจฉัยในวันนี้อาจก่อให้เกิดปัญหาต่อดุลยภาพระหว่างประชาธิปไตยกับสถาบันพระมหากษัตริย์ในระบอบการเมืองไทยในอนาคต อาจจะทำให้สังคมไทยสูญเสียโอกาส ในการใช้ระบบรัฐสภาในระบอบประชาธิปไตยในการหาข้อยุติความขัดแย้งหรือความคิดเห็นที่แตกต่างกันในสังคมในอนาคต สุดท้ายคำวินิจฉัยในวันนี้อาจส่งผลกระทบให้ประเด็นเรื่องสถาบันพระมหากษัตริย์กลายเป็นปมปัญหาความขัดแย้งในการเมืองไทยมากยิ่งขึ้น ซึ่งอาจส่งผลกระทบด้านลบต่อสถาบันพระมหากษัตริย์เสียเอง

“พรรคก้าวไกลขอบคุณทุกกำลังใจจากประชาชนที่ส่งมาให้พวกเราตลอดหลังจากที่มีการอ่านคำวินิจฉัย แต่อย่างไรก็ตามคำวินิจฉัยในวันนี้ไม่เพียงกระทบเฉพาะพรรคก้าวไกลเท่านั้น แต่จะกระทบต่อความเป็นประชาธิปไตยของประเทศ และสิทธิเสรีภาพของประชาชนทุกคน ดังนั้นสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้และผลที่จะเกิดขึ้นในอนาคต จึงเป็นเรื่องของพวกเราทุกคนไม่ใช่ของพรรคก้าวไกลเพียงอย่างเดียวแต่เป็นเรื่องของอนาคตของระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข” หัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าว


ส่วนหากมีผู้ไปยื่นยุบพรรคก้าวไกลจะดำเนินการอย่างไร นายชัยธวัช กล่าวว่า ต้องรอคำวินิจฉัยก่อน แต่ไม่ประมาท  ในทางกฎหมายคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญถือว่าเป็นที่สิ้นสุด จะอุทธรณ์ต่อไม่ได้ ซึ่งไม่ได้กังวล แต่ไม่ประมาทและยังไปไม่ถึงเรื่องการยุบพรรค เพราะต้องรอเอกสารคำวินิจฉัยที่สมบูรณ์ เพื่อรับมือสิ่งที่อาจจะเกิดขึ้น

หัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวว่า เรื่องการประกันตัวเป็นปัญหาที่เรามีความกังวลต่อคำวินิจฉัย ทำให้เกิดความไม่แน่นอนต่อหลักเกณฑ์และข้อเท็จจริงข้อกฎหมาย รวมถึงเจตนาเช่นกัน ที่บอกว่าการที่มีสส.ของพรรคก้าวไกลไปประกันตัวให้ผู้ที่ถูกกล่าวหาคดี 112 ถือเป็นองค์ประกอบ เพื่อบอกว่าเรามีเจตนาล้มล้างการปกครองก็มีปัญหาเท่ากับหลักเกณฑ์ตามกฎหมาย ซึ่งรับรองในรัฐธรรมนูญที่บอกว่าหลักที่ต้องสันนิษฐานไว้ก่อน ไม่ว่าจะถูกกล่าวหาข้อหาอะไร ต้องถือว่าเป็นผู้บริสุทธิ์ ซึ่งตรงนี้ถือว่าขัดกันและความจริงการประกันตัวผู้ต้องหาหรือผู้ที่ถูกกล่าวหาไม่ว่าจะข้อหาใด ๆ เป็นการใช้สิทธิ์ในกระบวนการยุติธรรมของบุคคลทุกคนไม่ได้มีข้อยกเว้นว่าถูกแจ้งข้อกล่าวหานี้ เป็นผู้ไม่บริสุทธิ์ ห้ามประกันตัว หรือจะมีความผิดไปด้วย ซึ่งพรรคไม่ทราบว่าข้อเท็จจริงเหล่านี้เอามาร้อยรัดกัน แล้วตีความเป็นเจตนา

นายชัยธวัช กล่าวว่า คำสั่งของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญมีปัญหา 2 เรื่องคือสั่งให้ผู้ถูกร้องทั้งสองเรื่องงดการแสดงความคิดเห็น การพูด การเขียนการพิมพ์การโฆษณาและการสื่อความหมาย โดยวิธีอื่นเพื่อให้มีการยกเลิกประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 หมายความว่าหลังจากนี้พรรคก้าวไกลก็ต้องห้ามพูดเรื่อง 112 อย่างสิ้นเชิงหรือไม่ พูดได้อย่างเดียว คือสนับสนุนให้เพิ่มโทษหรือไม่อย่างไร ซึ่งยังไม่นับว่านักวิชาการหรือสื่อมวลชนแสดงความเห็นเรื่องมาตรา 112 ได้หรือไม่ รายงานเรื่องความปรองดองของคอป.ที่เสนอให้แก้ไขมาตรา 112 ก็เป็นส่วนหนึ่งที่ส.ส.พรรคก้าวไกลนำมาใช้เสนอแก้ไข ครั้งที่ผ่านมาถ้าอิงตามคำวินิจฉัยนี้ถือว่าเป็นข้อเสนอที่ล้มล้างการปกครองด้วยหรือไม่ เพราะมีการเสนอให้ลดโทษเสนอให้สำนักพระราชวังเป็นผู้ร้องทุกข์กล่าวโทษแทนประชาชน ตรงนี้ก็เป็นปัญหาเรื่องความชัดเจนแน่นอน และไม่นับว่าหากมีการเสนอกฎหมายศาลรัฐธรรมนูญจะพิจารณา ได้โดยไม่ต้องรอให้ผ่านครบ 3 วาระหรือไม่ ซึ่งตรงนี้อาจจะส่งผลกระทบต่อปัญหาในอนาคตได้

ส่วนกังวลหรือไม่ว่าจะมีการดำเนินคดีกับสส.ที่ลงชื่อแก้ไขมาตรา 112 ซึ่งหนักกว่าการถูกยุบพรรค หัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวว่า เป็นสิ่งที่ไม่ควรเกิดขึ้นแน่นอนและการดำเนินการใด ๆ หลังจากนี้ที่เกินสมควร ยืนยันว่าจะทำให้ประเด็นเรื่องสถาบันพระมหากษัตริย์กลายเป็นปมขัดแย้งทางการเมืองไทยมากยิ่งขึ้นซึ่งพรรคก้าวไกลมีเจตนาที่จะยุติ ลดการนำประเด็นเรื่องสถาบันพระมหากษัตริย์เข้ามาเป็นประเด็นความขัดแย้งในสังคมไทย เพื่อให้เกิดเอกภาพและความมั่นคง ของประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และข้อเสนอของพรรคก้าวไกลมีเจตนาที่จะไม่ทำให้มาตรา 112 เป็นเครื่องมือทำลายทางการเมืองซึ่งกันและกัน

“ไม่เปิดช่องให้ใครผูกขาดความจงรักภักดีไว้กับตัวเองและอาศัย ความจงรักภักดีนั้นแสวงหาผลประโยชน์ส่วนตัวซึ่งส่งผลให้เกิดความขัดแย้งทางการเมืองอย่างปฏิเสธให้ได้ ถ้าศาลบอกว่าการเป็นนโยบายหาเสียงเรื่องแก้ 112 เป็นการลดสถานะของพระมหากษัตริย์เข้ามาอยู่ในความขัดแย้งทางการเมือง ให้มาเป็นคู่ขัดแย้งกับประชาชน ผ่านการเลือกตั้ง ดังนั้นพรรคการเมืองที่รณรงค์หาเสียงว่าตนเองเป็นผู้จงรักภักดีอีกพรรคหนึ่งไม่จงรักภักดีหรือโจมตีว่าอีกพรรคหนึ่ง มีเจตนาเป็นลบต่อพระมหากษัตริย์ หรือมีการขึ้นรูปพระราชวงศ์ในเวทีหาเสียง ถือว่าเป็นการลดทอน ทำลาย ทำให้พระมหากษัตริย์ไม่อยู่ในสถานะที่เป็นกลางทางการเมืองหรือไม่” นายชัยธวัช กล่าว

ด้านนายพิธา กล่าวยืนยันเจตนาว่า มีความบริสุทธิ์ใจ ไม่มีวาระซ่อนเร้น และไม่มีความตั้งใจจะแยกสถาบันพระมหากษัตริย์ออกจากความมั่นคงแห่งชาติในลักษณะแบบนั้น ส่วนความกังวล 2-3 เรื่องนั้น คือความกังวลในนิยามของระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ความกังวลในเรื่องขอบเขตระหว่างนิติบัญญัติกับศาลรัฐธรรมนูญว่า อะไรทำได้ อะไรทำไม่ได้ และความกังวลเรื่องเกี่ยวกับการวินิจฉัยด้วยอะไรที่ไม่ได้เป็นข้อเท็จจริงเยอะ ที่อาจจะมีเรื่องเจตนา การจินตนาการต่างๆ นาๆ ถ้าลงรายละเอียดไป ก็จะเป็นเรื่องสำคัญๆ ทางนิติรัฐ นิติธรรม เช่น การสันนิษฐานเป็นผู้บริสุทธิ์ไว้ก่อน

“สิทธิในการเข้าถึงการประกันตัว สิทธิรวมตัว เพื่อเรียกร้องความเปลี่ยนแปลงในสังคม ถือเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานในระบอบประชาธิปไตย เรื่องแบบนี้ไม่ได้เป็นเรื่องของตนเองคนเดียว ไม่ใช่เรื่องชะตากรรมของพรรคก้าวไกลอย่างเดียว เป็นเรื่องสุขภาพ เป็นเรื่องอนาคตของระบอบประชาธิปไตยในประเทศไทย เป็นสิ่งที่รู้สึกว่าเสียดาย เรามีโอกาสที่จะออกจากความขัดแย้ง ที่อาจมีคนนำเอาสถาบันพระมหากษัตริย์มาอยู่ในความขัดแย้ง แล้วใช้รัฐสภานี้ที่ไม่มีใครสามารถผูกขาดความคิดได้ ว่าควรจะเป็นลักษณะไหน แล้วหานิยามร่วมกัน ตอนนี้ก็เป็นนิยามที่ออกมาจากคำวินิจฉัยของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญเท่านั้น เป็นสิ่งที่จะต้องดูรายละเอียด แล้วกลับมาหาด้วยกันอีกที เพื่อเดินหน้ากันต่อ” นายพิธา กล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าภายหลังการแถลงนายพิธา พร้อมสส. ภาคก้าวไกล ก็ กลับเข้าห้องประชุมสภาผู้แทนราษฎร ในขณะที่ ส.ส.ที่อยู่ในห้องประชุมในระหว่างที่ศาลรัฐธรรมนูญอ่านคำวินิจฉัย มีสีหน้าเคร่งเครียด อาทิ นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส. บัญชีรายชื่อ โดยกอดกับสมาชิกพรรค และเพื่อนสส.ปลอบใจ แล้วนั่งเงยหน้า สีหน้าเหมือนสะอื้น. -312.-สำนักข่าวไทย     

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ทบ.​ เชิญ​ผู้ช่วยทูตทหาร รับฟังข้อเท็จจริง​ปมทุ่นระเบิดช่องบก

กองทัพบก 22 ก.ค.- ทบ.​ เชิญ​ผู้ช่วยทูตทหาร​ 47 ประเทศ​ รับฟังคำชี้แจง​สถานการณ์​ชายแดน​ไทย​-กัมพูชา​ หลังกำลังพลเหยียบกับระเบิดบาดเจ็บ​ 3 นาย​ พบ เป็นทุ่นระเบิดสังหารบุคคล​วางใหม่​ โดยมีหลายชาติ สนใจรับฟังขณะ​ พลจัตวา​ ฮอม​ คิม ผู้ช่วยทูตทหารดัมพูชา ร่วมด้วย กองบัญชาการ​กองทัพ​บก​ เชิญผู้ช่วยทูตทหารต่างประเทศประจำประเทศไทย​ รับฟังการชี้แจงสถานการณ์​ชายแดนไทย​-กัมพูชา​ ถึงข้อเท็จจริงกรณีไทยโดนรุกล้ำอธิปไตย​ และมีการวางทุ่นระเบิดสังหารบุคคล​ ทำให้ทหารสังกัดกรมทหารราบที่ 6 ได้รับบาดเจ็บ 3 นาย​ และมีการตรวจสอบว่าเป็นการวางทุ่นระเบิดใหม่​ ที่วางในเขตไทย​ ซึ่งขัดต่ออนุสัญญา​ออตตาวา​ ที่ทั้งไทยและกัมพูชาเป็นประเทศภาคี​ที่ให้สัตยาบัน​​ บรรดาทูต​ทหาร​ ทยอยเดินทางมายังห้อง ศรีสิทธิสงคราม​ ภายในกองทัพบก ตั้งแต่เวลา​ 13.20 น.​ อาทิทูตทหารจากเวียดนาม เมียนมา อินเดีย ญี่ปุ่น ฟิลิปปินส์ อังกฤษ บูรไน ออสเตเรีย สหรัฐอเมริกา อินโดนิเซีย จีน กัมพูชา เยอรมันนี แคนนาดา […]

พายุวิภากระหน่ำจันทบุรี ซัดหลังคาร้านอาหารถล่ม

จันทบุรี 22 ก.ค. – พายุกระหน่ำจันทบุรี ซัดหลังคาร้านข้าวมันไก่ถล่ม กระแทกหลังแม่เจ้าของร้านได้รับบาดเจ็บ ส่วนที่ภูเก็ตพายุถล่มภูเก็ต ป้ายล้ม-ต้นไม้ทับสาวจีนเสียชีวิต หลังคาร้านข้าวมันไก่ บริเวณตลาดศิริการ อ.เมือง จ.จันทบุรี ถูกพายุพัดร่วงลงมาทั้งแผง ท่ามกลางความตื่นตระหนกของลูกค้าและพนักงานในร้าน เหตุดังกล่าวเกิดช่วงเที่ยงพอดี จึงมีลูกค้ามานั่งกินข้าวเต็มร้าน กระทั่งมีฝนเทลงมา ทางร้านและลูกค้าจึงช่วยกันขนย้ายโต๊ะเก้าอี้เข้าข้างในเพื่อหลบฝน ก่อนพายุจะซัดเข้ามาอย่างรุนแรง จนหลังคาถล่ม เบื้องต้นไม่มีลูกค้าได้รับบาดเจ็บ มีเพียงแม่เจ้าของร้านข้าวมันไก่อีกร้าน ที่อยู่ติดกัน ถูกหลังคากระแทกหลังได้รับบาดเจ็บ นำส่งโรงพยาบาลแล้ว พนักงานร้านข้าวมันไก่ บอกว่า ปกติบริเวณนี้มีฝนตกบ่อย หลังคาแข็งแรงดี ไม่ได้ชำรุดอะไร แต่วันนี้ ลมแรงมาก มาแบบวูบเดียว พัดหลังคาลอยขึ้นก่อนพังลงมา ทั้งนี้ลมพายุได้พัดหลังคาของตึกที่อยู่ในละแวกร้านข้าวมันไก่พังเสียหายจำนวน 15 คูหา เบื้องต้นกำลังทหารและตำรวจ ได้เข้าตรวจสอบ พร้อมให้การช่วยเหลือ ขนย้ายเศษซากหลังคาเคลียร์พื้นที่เพื่อความปลอดภัยแล้ว พายุโซนร้อนวิภาถล่มภูเก็ต ป้ายล้ม-ต้นไม้ทับสาวจีนเสียชีวิต ที่หน้าหาดเกาะเฮ จังหวัดภูเก็ต นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่เป็นชาวต่างชาติ หอบข้าวของวิ่งหนีลมพายุ จังหวะนั้นต้นไม้ขนาดใหญ่ถูกลมพัดโค่นลงมา ในคลิปจะได้ยินเสียงคนพูดว่า “เห็นไหม คน ๆ อยู่ใต้นั้น” หลังเหตุการณ์สงบ […]

รถบรรทุกพุ่งชน จยย.พ่วงข้างรับส่ง นร. ตาย 3 เจ็บ 6

พระนครศรีอยุธยา 22 ก.ค. – สลด รถบรรทุก 6 ล้อ พุ่งชนรถจักรยานยนต์พ่วงข้างรับส่งนักเรียน มีผู้เสียชีวิต 3 คน บาดเจ็บ 6 คน เกิดอุบัติเหตุรถบรรทุก 6 ล้อ ทะเบียนพระนครศรีอยุธยา พุ่งชนรถจักรยานยนต์พ่วงข้างรับส่งนักเรียน โรงเรียนวัดมณฑลประสิทธิ์ ก่อนตกลงไปในร่องน้ำ บนถนนชนบทเลียบคลองระพีพัฒน์ หมู่ 5 ตำบลวังน้อย อำเภอวังน้อย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา และอัดกับรั้วบ้านจนรถพังยับ มีผู้ติดอยู่ในรถ 2 คน เจ้าหน้าที่กู้ภัยต้องใช้อุปกรณ์ตัดช่วยเหลือผู้บาดเจ็บทั้ง 2 คนออกมา แต่ผู้โดยสารเสียชีวิตในเวลาต่อมา ส่วนคนขับบาดเจ็บสาหัส ใกล้กันพบรถจักรยานยนต์พ่วงข้าง สภาพรถเสียหายยับเยิน คนบนรถ 7 คน เป็นนักเรียนโรงเรียนวัดมณฑลประสิทธิ์ 6 คน ผู้ปกครอง 1 คน บาดเจ็บทั้งหมด เจ้าหน้าที่กู้ภัยจึงช่วยกันนำตัวส่งโรงพยาบาลวังน้อย และมีนักเรียน 2 คนเสียชีวิตในที่เกิดเหตุ เจ้าหน้าที่มูลนิธิพุทไธสวรรย์ จุดกิตติวังน้อย […]

โฆษก ทบ. เผยนานาชาติเข้าใจไทยเคลียร์ปมทุ่นระเบิด

กองทัพบก 22 ก.ค.- โฆษก ทบ. เผยเคลียร์ปมทุ่นระเบิด นานาชาติเข้าใจไทย ขณะผู้ช่วยทูตทหารกัมพูชานั่งนิ่งไม่โต้แย้ง – ให้กองทัพภาคที่ 2 ประเมินสถานการณ์หลังคนไทยนัดรวมตัวปราสาทตาเมือนธม ปลายเดือนนี้ พลตรีวินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก กล่าวภายหลังการเชิญผู้ช่วยทูตทหาร รับฟังคำชี้แจง​สถานการณ์​ชายแดน​ไทย​- กัมพูชา​ หลังกำลังพลเหยียบกับระเบิดบาดเจ็บ​ 3 นาย​ ว่า บรรยากาศเป็นไปด้วยดี ส่วนใหญ่เป็นการรับฟังและมีคำถามบ้าง ถือว่าน้อย เนื่องจากทุกท่านอาจจะได้รับข่าวสารจากช่องทางอื่นมาบ้างแล้ว ซึ่งเป็นไปตามนโยบายของผู้บัญชาการทหารบก ที่พยายามบอกกล่าวและชี้แจงกับสิ่งที่เกิดขึ้น ในเรื่องข้อเท็จจริง พลตรีวินธัย เปิดเผยว่า ทูตทหารของกัมพูชา ไม่ได้ชี้แจงหรือมีคำถามอะไร คำถามส่วนใหญ่มาจากท่านอื่นมากกว่า ที่ถามเรื่องของความมั่นใจและยืนยันใช่หรือไม่ ซึ่งทางเรา ก็ให้เหตุผลไป และจะให้เอกสารชี้แจง ส่วนท่าทีของประเทศมหาอำนาจ ก็ไม่ได้มีอะไรเป็นพิเศษ ซึ่งการเชิญมาในวันนี้เราก็ทำตามนโยบายของผู้บัญชาการทหารบก คือทำให้เป็นทางการ ส่วนการหารือได้ชี้แจงเรื่องของการละเมิด บูรณภาพดินแดน และเอ็มโอยู 2543 และอนุสัญญาออตตาวา ด้วยหรือไม่ พลตรีวินธัย ระบุว่า มีการพูดถึงประเด็นดังกล่าว และได้อธิบายตามหลักอนุสัญญา ที่ทั้งสองประเทศเป็นสมาชิก และเล่าถึงกลไกการแก้ไขปัญหา […]

ข่าวแนะนำ

เปิดแผน “จักรพงษ์ภูวนารถ” ป้องกันประเทศจากภัยคุกคาม

กทม. 24 ก.ค.-เปิดแผน “จักรพงษ์ภูวนารถ” ป้องกันประเทศจากภัยคุกคามฝ่ายตรงข้าม โฆษก ทบ. ชี้ชัดเจนแล้ว กัมพูชา เป็นฝ่ายที่บีบบังคับเรา ซัดเราคงไม่ปล่อยให้ใครเอาเปรียบ หรือลอบทำร้าย จากนี้จำเป็นต้องทำในสิ่งที่พยายามหลีกเลี่ยงมาตลอด ลั่นขณะนี้อะไรก็เกิดขึ้นได้! ขอให้พี่น้องคนไทย เชื่อมั่นในศักยภาพของกองทัพไทย พลตรีวินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก ระบุถึงแผนจักรพงษ์ภูวนารถ ที่เราเปิดปฏิบัติการ ว่าคือ แผนป้องกันประเทศ ที่กำหนดหน้าที่ของแต่ละหน่วย และกำลังทางทหาร และให้เตรียมความพร้อม เมื่อมีคำสั่ง เป็นแผนที่ได้ถูกกลั่นกรอง โดยประเมินจากสถานการณ์ และสภาพแวดล้อมในกิจการป้องกันประเทศ ในกรอบของกองทัพบก ที่ผ่านมา ในศึกเขาพระวิหาร ที่ใช้แผนนี้ ปัจจุบันขีดความสามารถกำลังรบเราเป็นอย่างไร โฆษก ทบ. ระบุพัฒนามาตามลำดับ และพิจารณาให้เหมาะสมกับภัยคุกคาม และขีดความสามารถของฝ่ายตรงข้าม ป้องกันภัยคุกคามจากฝ่ายตรงข้าม ส่วนแผนหลักๆ เป็นการป้องกัน หรือรุกคืบ โฆษก ทบ. ระบุ อาจจะพูดไม่ได้ แต่โดยปกติ อันดับแรกต้องครอบคลุมอธิปไตยของเราก่อน ส่วนเป็นการซีลชายแดนหรือไม่ โฆษก ทบ. ระบุพูดง่ายๆ แผนนี้ […]

ปะทะแล้ว บริเวณปราสาทตาเมือน หลังฝ่ายกัมพูชาเปิดฉากยิง

สุรินทร์ 24 ก.ค.-ทบ.รายงานเหตุการณ์ปะทะบริเวณพื้นที่ปราสาทตาเมือน อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ หลังฝ่ายกัมพูชาเปิดฉากยิง เมื่อเช้าวันที่ 24 กรกฎาคม 2568 วันที่ 24 กรกฎาคม 2568 เวลา 07.35 น. หน่วยเฉพาะกิจที่ดูแลพื้นที่ปราสาทตาเมือนรายงานว่า ได้ยินเสียงอากาศยานไร้คนขับ (UAV) ของฝ่ายกัมพูชาบินวนอยู่บริเวณหน้าปราสาทตาเมือนธม แม้ไม่สามารถตรวจพบตัวอากาศยานได้ด้วยสายตา แต่สามารถได้ยินเสียงอย่างชัดเจน ต่อมาฝ่ายกัมพูชาได้นำอาวุธเข้าสู่ที่ตั้งบริเวณด้านหน้าแนวลวดหนาม และพบกำลังพลกัมพูชาจำนวน 6 นาย พร้อมอาวุธครบมือรวมทั้ง RPG เดินเข้ามาใกล้แนวลวดหนามบริเวณด้านหน้าฐานปฏิบัติการของไทย ฝ่ายไทยได้ใช้การตะโกนเจรจาเพื่อหลีกเลี่ยงความขัดแย้งและยกระดับสถานการณ์ โดยฝ่ายไทยเฝ้าระวังตลอดแนวชายแดนเพื่อเตรียมรับสถานการณ์ อย่างไรก็ตาม เมื่อเวลาประมาณ 08.20 น. ฝ่ายกัมพูชาได้เปิดฉากยิงเข้ามาบริเวณตรงข้ามฐานปฏิบัติการทางทิศตะวันออกของปราสาทตาเมือน ในระยะประมาณ 200 เมตร ขณะนี้ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องของกองทัพบกกำลังติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด หากมีข้อมูลเพิ่มเติมจะรายงานความคืบหน้าให้ทราบต่อไป.-สำนักข่าวไทย

รพ.น่าน อพยพผู้ป่วยด่วน น้ำทะลักท่วมแผนกฉุกเฉิน

น่าน 24 ก.ค.-รพ.น่าน อพยพผู้ป่วยด่วน กลางดึกที่ผ่านมา น้ำทะลักท่วมแผนกฉุกเฉิน จิตอาสา-ทหารเร่งช่วยกลางวิกฤตน้ำหลาก 23 กรกฎาคม 2568 เวลา 20.30 น. โรงพยาบาลน่าน ประกาศเคลื่อนย้ายผู้ป่วยด่วนจากแผนกอุบัติเหตุและฉุกเฉิน หลังเกิดน้ำท่วมฉับพลันจากฝนที่ตกหนักต่อเนื่อง ทำให้น้ำไหลหลากทะลักเข้าสู่พื้นที่ชั้นกลางของโรงพยาบาล โดยเฉพาะบริเวณแผนกฉุกเฉิน ซึ่งเป็นพื้นที่รับผู้ป่วยหนักและผู้ป่วยที่ต้องได้รับการดูแลเร่งด่วน โดยที่ นพ.ณัฐธร ดาราพงศ์สถาพร รองผู้อำนวยการด้านโครงสร้างสิ่งแวดล้อมและพลังงาน กล่าวว่า โรงพยาบาลน่านในขณะนี้มีการเคลื่อนย้ายผู้ป่วยออกจากแผนกอุบัติเหตุและฉุกเฉินเป็นการเร่งด่วน โดยเฉพาะผู้ป่วยที่ต้องใช้อุปกรณ์ช่วยชีวิต เช่น เครื่องช่วยหายใจ และเครื่องฟอกไต มีการจัดย้ายไปยังแผนกอื่นๆ ที่ปลอดภัยกว่า นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่โรงพยาบาลยังได้ขอความช่วยเหลือจากหน่วยงานภายนอก ซึ่งได้รับความร่วมมือจาก จิตอาสา ทหารมณฑลทหารบกที่ 38, มูลนิธิเพชรเกษม, ปภ.จังหวัดน่าน และหน่วยกู้ภัยในพื้นที่ เข้าร่วมเคลื่อนย้ายผู้ป่วยและอุปกรณ์ทางการแพทย์ รวมถึงตั้งแนวกั้นน้ำเพิ่มเติมเพื่อสกัดไม่ให้น้ำไหลเข้าสู่ห้องไอซียูและห้องผ่าตัด ถนนวรวิชัยหน้าโรงพยาบาลน่าน ถูกน้ำท่วมขังสูงกว่า 30–50 เซนติเมตร ทำให้รถพยาบาลไม่สามารถเข้าถึงตัวอาคารได้สะดวก เจ้าหน้าที่ต้องใช้เปลหามเดินลุยน้ำเป็นระยะทางกว่า 100 เมตร เพื่อรับส่งผู้ป่วยในบางกรณี ขณะนี้ทางโรงพยาบาลน่าน ขอให้ประชาชนที่เจ็บป่วยไม่รุนแรงเดินทางไปยังสถานพยาบาลอื่น ๆ แทน […]

น้ำท่วมตัวเมืองน่าน-เขตเศรษฐกิจขยายวงกว้าง

น่าน 23 ก.ค. – ตอนนี้น้ำท่วมตัวเมืองน่าน รวมทั้งเขตเศรษฐกิจ ยังเพิ่มสูงขึ้นและแผ่ขยายวงกว้างออกไปเรื่อยๆ หลังระดับน้ำท่วมสูงเกิน 9 เมตร และทะลักเข้าท่วม .-สำนักข่าวไทย