“ชัยวัฒน์” มองแก้หนี้นอกระบบ ขาดรายละเอียดสำคัญหลายเรื่อง

กทม. 28 พ.ย.- “ชัยวัฒน์” มองแนวทางแก้ปัญหาหนี้นอกระบบของรัฐบาลยังวนเวียนอยู่ในวิธีการเดิม-ขาดรายละเอียดสำคัญหลายเรื่อง ชี้ต้องบังคับใช้กฎหมายจัดการเจ้าหนี้นอกระบบจริงจัง เพิ่มโอกาสเข้าถึงสินเชื่อในระบบ


วันที่ 28 พฤศจิกายน 2566 ชัยวัฒน์ สถาวรวิจิตร สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ให้ความเห็นต่อการแถลงข่าวของรัฐบาลในวาระการแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบ โดยระบุว่า เป็นเรื่องน่ายินดีที่นายกรัฐมนตรี เศรษฐา ทวีสิน ให้ความสนใจต่อการแก้ปัญหาหนี้ โดยเฉพาะหนี้นอกระบบซึ่งเป็นปัญหาเรื้อรังของสังคมไทย

อย่างไรก็ตาม วิธีการที่รัฐบาลจะนำมาใช้แก้ปัญหาหนี้นอกระบบครั้งนี้ มีการปฏิบัติมาแล้วหลายครั้งในหลายรัฐบาล แต่ปัญหากลับไม่ได้คลี่คลายลง อีกทั้งการแถลงข่าวในวันนี้มีองค์ประกอบ 4 ส่วนที่ยังคงขาดรายละเอียดและความชัดเจนว่าแตกต่างจากมาตรการเดิม ๆ ที่ผ่านมาอย่างไร คือ


1) ผู้กำกับและและนายอำเภอในฐานะผู้ไกล่เกลี่ย จะมีบทบาทหน้าที่อย่างไร และผู้ช่วยวางแผนการเงินจะเป็นใคร
2) การปรับโครงสร้างหนี้ เพื่อแปลงหนี้นอกระบบส่วนที่สามารถแปลงได้ ให้เป็นหนี้ในระบบ จะใช้งบประมาณจากส่วนใด เป็นวงเงินเท่าไหร่
3) การสร้างระบบสินเชื่อที่เปิดให้ลูกหนี้นอกระบบเข้าถึงสินเชื่อในระบบได้อีกครั้งเพื่อตัดตอนหนี้นอกระบบ มีรายละเอียดอย่างไร
4) การปรับปรุงข้อด้อยต่าง ๆ ของธุรกิจสินเชื่อรายย่อยระดับจังหวัด (pico finance) และสินเชื่อรายย่อยเพื่อการประกอบอาชีพ (nano finance) เดิม เพื่อให้เกิดแรงจูงใจต่อเจ้าหนี้นอกระบบให้เข้าสู่ระบบ มีรายละเอียดอย่างไร

นอกจากนี้ ถึงแม้สำนักงานตำรวจแห่งชาติจะมีการตั้งศูนย์ป้องกันปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับหนี้นอกระบบ (สายด่วน 1599) มาตั้งแต่วันที่ 8 มิถุนายน 2563 แต่ปัญหาหนี้นอกระบบก็ไม่ได้ลดลง ซึ่งในส่วนนี้ต้องขอให้นายกฯ ลงไปดูในรายละเอียดว่าการแก้ปัญหาไม่มีประสิทธิภาพเพราะอะไร โดยมาตรการของรัฐบาลในรอบนี้ได้เพิ่มบทบาทให้ผู้กำกับสถานีตำรวจและนายอำเภอลงไปทำงานระดับท้องถิ่นด้วย ซึ่งก็ต้องมีการติดตามต่อไปว่าจะแก้ปัญหาเดิมได้หรือไม่

ชัยวัฒน์กล่าวสรุปว่า ในฐานะฝ่ายค้านเชิงรุก พรรคก้าวไกลมีข้อเสนอแนะต่อรัฐบาลในเรื่องการแก้ปัญหาหนี้นอกระบบ ซึ่งประกอบไปด้วยกระดุม 5 เม็ดที่ต้องติดตั้งแต่เม็ดแรกให้ถูกต้อง คือ


1) เจ้าหน้าที่ตำรวจและเจ้าหน้าที่ปกครองต้องทำหน้าที่อย่างตรงไปตรงมา ไม่รับส่วย ซึ่งเกี่ยวพันกับปัญหาที่ต้องได้รับการปฏิรูป ไม่ว่าจะเป็นเรื่องค่าตอบแทนที่น้อยจนทำให้ต้องใช้อำนาจแสวงหาประโยชน์ การแต่งตั้งโยกย้ายที่ไม่เป็นธรรม การแทรกแซงจากผู้มีอิทธิพลและนักการเมือง ค่านิยมและระบบที่ปฏิบัติต่อ ๆ กันมา และการขาดมาตรการตรวจสอบและลงโทษอย่างจริงจัง
2) การดำเนินคดีอย่างจริงจังกับเจ้าหนี้นอกระบบที่ผิดกฎหมาย ผ่านการบังคับใช้ พ.ร.บ.ห้ามเรียกดอกเบี้ยเกินอัตรา พ.ศ. 2560 ซึ่งมีบทลงโทษจําคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 2 แสนบาท หรือทั้งจําทั้งปรับ
3) ลดภาระหนี้ด้วยการไกล่เกลี่ยประนอมหนี้ระหว่างเจ้าหนี้และลูกหนี้ ให้อยู่ภายใต้เงื่อนไขดอกเบี้ยที่กฎหมายกำหนด
4) เพิ่มทักษะ เพิ่มรายได้ เพื่อเพิ่มศักยภาพการชำระหนี้ของลูกหนี้นอกระบบ
5) การเพิ่มช่องทางและโอกาสการเข้าถึงสินเชื่อในระบบ . 312 .-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ทหารทำร้าย

ทบ.ตั้ง กก.สอบปมกรมยุทธศึกษาทหารบก ทำร้ายผู้ใต้บังคับบัญชา

“ธนเดช” เผย กมธ.ทหาร รับเรื่องร้องเรียนเจ้ากรมยุทธศึกษาทหารบก ทำร้ายร่างกายผู้ใต้บังคับบัญชา ขณะ ทบ. ตั้งกรรมการสอบแล้ว หวังเป็นตัวอย่างการลงโทษผู้บังคับบัญชาระดับสูงหากพบผิดจริง

“บิ๊กแจ๊ส” ลั่นพร้อมดูแลสนามกอล์ฟธูปะเตมีย์ ให้เป็นปอดประชาชน

“บิ๊กแจ๊ส” ลั่นหากได้รับถ่ายโอน อบจ.ปทุมฯ พร้อมจัดงบดูแลสนามกอล์ฟธูปะเตมีย์ ให้เป็นปอดประชาชน หลังขาดพื้นที่ออกกำลังกาย แต่จะกระทบความมั่นคงหรือไม่เป็นเรื่องละเอียดอ่อนต้องคุยกันต่อ

ข่าวแนะนำ

กฎหมายเปิดช่อง ริบรถพวกหัวร้อนบนถนนได้

จากคลิปรถเทสล่า ขับปาดหน้าบนทางด่วน ศาลสั่งจำคุก 1 เดือนคนขับ โทษจำรอลงอาญา 1 ปี แต่ที่สังคมต้องตระหนัก คือ ศาลยังสั่งริบรถเทสล่า มูลค่าเกือบ 2 ล้านคันนี้ด้วย วันนี้คนขับออกมาเปิดใจ พร้อมขอโทษคู่กรณี ขณะที่อัยการระบุ กฎหมายเปิดช่องให้ริบรถได้ เตือนผู้ขับขี่ใช้สติมากกว่าอารมณ์

นายกฯ ถกตั้งนายพลตำรวจ 41 ตำแหน่ง ยันไม่มีการเมืองแทรก

นายกฯ ถกแต่งตั้งนายพลตำรวจ 41 ตำแหน่ง ยันไม่มีการเมืองแทรก ยึดตาม พ.ร.บ.ตำรวจ ฉบับใหม่ พลิกโผ ‘สยาม บุญสม’ ผงาดคุมนครบาล ‘สันติ ชัยนิรามัย’ นั่ง ผบช.ปส. ‘ไตรรงค์ ผิวพรรณ’ โยกคุมไซเบอร์ ‘ภาณุมาศ บุญญลักษม์’ ขึ้นเป็น ผบช.สตม.

นายกฯ ถก ก.ตร. จับตาแต่งตั้งนายพลสีกากี 25 ตำแหน่ง

นายกฯ นั่งประธานประชุม ก.ตร. จับตาแต่งตั้งนายพล ระดับ “รอง ผบ.ตร.-ผู้ช่วย ผบ.ตร.-ผู้บัญชาการ” รวม 25 ตำแหน่ง กำชับพิจารณาให้รอบคอบ-ตรงกรอบกฎหมาย