รัฐสภา 27 ต.ค.-“สมชาย” ติงรัฐบาลอย่าหมกหมุ่นแต่กับเหรียญดิจิทัล ถามคุ้มหรือไม่ เทเงินหมดหน้าตักทำโครการเหมือนเล่นพนัน เหน็บระวังยิงปืนนัดเดียว ไม่ได้นกสักตัว บอกมีคนไม่อยากใช้เป๋าตังค์ เพราะติดกลิ่นอาย “ลุงตู่”
นายสมชาย แสวงการ สมาชิกวุฒิสภา(ส.ว.) กล่าวถึงโครงการเงินดิจิทัล วอลเล็ต 10,000 บาท ว่า เมื่อเสนอนโยบายหาเสียงแล้วก็ต้องรับผิดชอบ โดยเฉพาะการเดินหน้าประเทศ ซึ่งตนเห็นด้วยกับการกระตุ้นเศรษฐกิจ เพราะประเทศไทยติดกับดัก ประเทศที่กำลังพัฒนานานมาก จนเพื่อนบ้านแซงเราไปหมดแล้ว และเรายังขาดในหลายเรื่อง ทั้งการกระตุ้นเศรษฐกิจเพื่อให้เป็นประเทศที่พัฒนาแล้ว แต่ต้องมาเจอกับปัญหาโควิด ล่าสุดมีสงครามในอิสราเอลกับฮามาส การทุ่มเม็ดเงิน 560,000 ล้านบาท ในโครงการดิจิทัล วอลเล็ตเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยเชื่อว่าจะทำให้ เกิดพายุหมุนทางเศรษฐกิจนั้น แต่หากไม่เกิดขึ้น อาจเกิดความเสี่ยง ทำให้เกิดหายนะในอนาคตได้ จึงต้องระมัดระวัง
นายสมชาย กล่าวว่า ตัวเลข560,000 ล้านบาท ประมาณ 3% ของ GDP หากเทียบกับงบประมาณ 3.4 ล้านล้านบาท งบลงทุนประเทศประมาณ 30% เหมือนเป็นการใช้เงินลงทุนใหม่ แล้วทุ่มไปกับ เงินดิจิทัล วอลเล็ตหมดหน้าตัก เหมือนกับเล่นการพนัน และ GDP จากการคำนวนเพียงแค่1% หรือ 0.8 จึงถามว่าคุ้มหรือไม่กับความเสี่ยง ซึ่งถ้าไม่ให้ผิดกฎหมาย ก็ต้องมาจากงบประมาณของแผ่นดิน และต้องนำเงิน 560,000 ล้านมาใช้ แล้วเงินที่จะนำไปใช้โครงการอื่นหายไปไหน ก็ถูกดันออกไป ถูกเลื่อนไปใช้ในปีงบประมาณปี 68 ปี 69 ถ้าโครงการดิจิทัล วอลเล็ตสำเร็จก็โอเค แต่ถ้าไม่สำเร็จโครงการที่ถูกเลื่อนจะทำอย่างไร ในอดีตก็เคยมีให้เห็น หากถามว่าคุ้มไหม คิดว่าไม่คุ้ม จะให้คัดค้านแบบสุดโต่งคงไม่คัดค้าน และคิดว่าทางออกยังมี ประชาชนอยากให้เพื่อไทยมาเป็นรัฐบาล เพราะอยากให้กระตุ้นเศรษฐกิจ ทำไมต้องรอจ่ายในเดือนเมษายน ทำไมไม่ทำวันนี้
“ถ้าเลิกหมกมุ่นกับเหรียญดิจิตอล แล้วกลับมาทุ่มเท รัฐบาลผ่านมา 2 เดือนแล้ว ทุ่มเททำตั้งแต่วันนี้เลย คงทำได้ เงินคงค้างก็มี 160,000 ล้านบาท ประกาศไปเลยตั้งแต่ 1 มกราคม 67 ผมเลื่อนให้เร็วขึ้นด้วย จ่ายเดือนละ 1,000 บาท ให้กับคนที่อยู่ในบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ กลุ่มเปราะบาง 16 ล้านคน คิดเป็นเงิน 160,000 ล้านบาท ต้องมีคำถามว่าอายุ 16 ปีหรือไม่ ไม่ต้องพิสูจน์ความรวย เพราะพิสูจน์ความจนง่ายกว่า ชัดเจนว่ากลุ่มเปราะบางต้องการความช่วยเหลือ จ่ายเงินไปเลย 10 เดือน ถ้ามีงบก็เพิ่มให้อีก เป็น 12 เดือน” นายสมชาย กล่าว
นายสมชาย กล่าวว่า เห็นด้วยกับการนำนโยบายคนละครึ่งมาใช้ ซึ่งสามารถทำได้ทันที คนที่จะได้ประโยชน์ก็เป็นคนทุกชนชั้น ไม่ต้องไปอาย เพราะแอปเป๋าตังค์ลงทุนไปแล้ว 12,000 ล้านบาทต่อปี ใครจะเถียงตนให้ไปเถียงกับกรรมการผู้จัดการใหญ่ธนาคารกรุงไทย เมื่อวานนี้(26 ต.ค.) ชัดเจนแล้วว่าที่ประชุมอนุกรรมการดิจิทัล วอลเล็ต โดยใช้แพลตฟอร์มของธนาคารกรุงไทย แล้วธนาคารกรุงไทย ก็ใช้แอปเป๋าตังค์
“แต่ไม่อยากใช้ชื่อแอปเป๋าตังค์ เพราะมีกลิ่นอายลุงตู่ เจ้าหน้าที่ธนาคารกรุงไทยและเจ้าหน้าที่ฝ่ายประจำ เพราะมีจิ้งจกตุ๊กแกบอกผมว่ามีคนไม่อยากได้ยินชื่อ และ Super app ไม่มีจริง จะเป็นหน้ากากไปติดหน้าร้าน ชื่อแอปเป๋าตังค์ เป็นแอปเป๋าตุง นี่แหละ Super app แต่พอไปดูข้างในก็คือแอปเป๋าตังค์ รัฐบาลนี้คิด 2 เรื่อง คือเรื่องกระตุ้นเศรษฐกิจและสร้างเศรษฐกิจดิจิทัล มองว่ากันทำ 2 เรื่องด้วยกระสุนนัดเดียวแทนที่จะได้นก 2 ตัว และนกบินไปหมดเลย สุดท้ายไม่ได้อะไรเลย” นายสมชาย กล่าว.-สำนักข่าวไทย