นราธิวาส 19 ต.ค.- “สมศักดิ์” ดูผนังกั้นน้ำมูโนะ หลังเกิดน้ำท่วมทุกปี ยืนยันรัฐบาลให้ความสำคัญการพัฒนา 3 จังหวัดชายแดนใต้ เล็งสร้างอาชีพ หลังทำบัญชีผู้มีรายได้น้อย เตรียมเสนอรัฐบาล แก้ปัญหา “ด่านศุลกากรบูเก๊ะตา” ถูกดองมา 25 ปี
นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รองนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย นายจิระพงศ์ เทพพิทักษ์ รองอธิบดีกรมทางหลวง นางทัศนีย์ ผลชานิโก รองอธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ นายชยันต์ เมืองสง รองเลขาธิการ สทนช. นายซาการียา สะอิ สส. นราธิวาส พรรคภูมิใจไทย นายสัมพันธ์ มายูโซ๊ะ สส.นราธิวาส พรรคพลังประชารัฐนายอามินทร์ มายูโซ๊ะ สส.นราธิวาส พรรคพลังประชารัฐ ได้ลงพื้นที่จังหวัดนราธิวาส โดยมีนายปรีชา นวลน้อย รองผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส และนายชนธัญ แสงพุ่ม รองเลขาธิการ ศอ.บต. ให้การต้อนรับ
โดยนายสมศักดิ์ ได้ลงพื้นที่ไปยัง ตำบลมูโนะ อำเภอสุไหงโกลก จังหวัดนราธิวาส เพื่อลงไปดูผนังกั้นน้ำมูโนะ ซึ่งพื้นที่ดังกล่าวนั้น เกิดเหตุอุทกภัยขึ้นทุกปี ในช่วง เดือนธันวาคม-กุมภาพันธ์ ที่มีฝนตกหนัก ส่งผลให้แม่น้ำของจังหวัดนราธิวาส ที่ประกอบด้วย แม่น้ำสายบุรี แม่น้ำสมัยโกลก แม่น้ำบางนรา และคลองตันหยงมัส น้ำท่วมตลิ่ง ซึ่งเมื่อเกิดปัญหา ก็ทำได้เพียงนำ กระสอบบิ๊กแบ็กเข้าระงับเหตุ เพื่อ ป้องกันน้ำ
นายสมศักดิ์ เปิดเผยว่า การลงพื้นที่ในครั้งนี้ เพื่อติดตามการแก้ปัญหาน้ำที่เกิดขึ้นซ้ำซาก แม้เวลานี้จะมีการปรับผนังกั้นน้ำแม่น้ำโกลก รวมถึงการซ่อมประตูระบายน้ำมูโนะ และยังมีโครงการที่ทำอยู่ แต่ยังไม่แล้วเสร็จคือ การปรับผนังกั้นแม่น้ำโกลกฝั่งซ้าย ระยะทาง 300 เมตร รวมถึงการซ่อมแซมคันคลองฝั่งซ้ายและฝั่งขวา ประตูน้ำของมูโนะจำนวน 2 แห่ง ซึ่งคาดว่า อีกไม่นานนี้คงจะแล้วเสร็จ และหวังว่าสถานการณ์ต่างๆจะดีขึ้น ขณะเดียวกัน ในการป้องกันน้ำนั้น ก็ต้องยอมรับว่า ต้องทำเป็นแผนระยะยาว โดยวันนี้ตนได้รับคำขอตั้งงบประมาณ รวมถึงอาคารระบายน้ำฉุกเฉิน พร้อมอาคารประกอบปากคลองระบายน้ำมูโนะ และปรับปรุงท่อรับน้ำคันคลองมูโนะฝั่งซ้าย ซึ่งต้องมาดูกันอีกครั้งว่า การผ่านงบประมาณในครั้งนี้ จะออกมาเป็นอย่างไร แต่ตนเชื่อว่า เป็นเรื่องสำคัญ เพราะเวลาน้ำมา 1 ครั้ง ส่งผลให้ความเสียหายไปอยู่กับประชาชน ทำให้เสียโอกาสเสียรายได้ รัฐบาลต้องชดเชย ดังนั้นเราต้องให้ความสำคัญในเรื่องนี้
จากนั้น นายสมศักดิ์ ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนว่า ฝนที่ตกลงมาในแม่น้ำโกลก จังหวัดนราธิวาส หากไม่เทไปที่ไหน น้ำจะมีความสูงถึง 2.4 เมตร ทำให้สร้างความเสียหายให้กับประชาชน แต่ขอยืนยันว่า ส่วนราชการที่รับผิดชอบ จะดูแลอย่างเต็มที่ โดยตนคิดว่า ประชาชนจะได้รับการดูแลแก้ปัญหาในระยะเวลาของงบประมาณ ส่วนงานของ ศอ.บต.ที่ได้รับมอบหมายจากนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ก็มีในเรื่องของรายได้ประชาชน ซึ่งก็จะต้องช่วยกันแก้ไข เบื้องต้นตนได้ให้ทำบัญชี เพื่อให้รู้ว่า ใครมีรายได้น้อย จะได้เพิ่มอาชีพได้ตรงเป้าหมาย โดยส่วนใหญ่จะส่งเสริมเป็นอาชีพเดิม เนื่องจากจะง่ายต่อการทำงานร่วมกัน จะได้เร็วในการแก้ปัญหา เพราะผู้หลักผู้ใหญ่ของบ้านเมือง อยากเห็นความรักความสามัคคีของพวกเรา โดยตนต้องขอบคุณทุกภาคส่วนที่จะช่วยกันขับเคลื่อนอย่างเต็มที่
“การเดินทางมาในวันนี้ ผมลงมาพร้อมกับสส.ของพรรคภูมิใจไทย และพรรคพลังประชารัฐ ที่ถือว่า เป็นคนหนุ่มมุ่งมั่นในการพัฒนาพื้นที่จังหวัดนราธิวาส โดยการพัฒนาพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้นั้นถือเป็นเรื่องสำคัญ แม้ตัวผมเองจะไม่ได้เป็นคนใต้ แต่ก็ยินดีและเต็มใจที่จะทำให้ ซึ่งการแก้ปัญหาวันนี้ ผมได้เอาหน่วยงานข้าราชการที่เกี่ยวข้องทั้งกระทรวงคมนาคม รวมถึงหน่วยงานที่เกี่ยวกับน้ำ ลงมารับฟังเอาปัญหากลับไปแก้ไขให้กับพี่น้องประชาชน เพราะผมอยากเห็นพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้ เป็นพื้นที่เศรษฐกิจที่ดี เมื่อเศรษฐกิจดี ปากท้องของพี่น้องประชาชนก็จะดีขึ้นตามลำดับ ดังนั้นเรื่องนี้ถือเป็นเรื่องเร่งด่วนของรัฐบาล”รองนายกรัฐมนตรี กล่าว
นอกจากนี้ นายสมศักดิ์ พร้อมคณะ ยังได้เดินทางไปติดตามการดำเนินการพัฒนาด่านศุลกากรบูเก๊ะตา ให้เป็นด่านปศุสัตว์และด่านสินค้าเกษตร อำเภอแว้ง จังหวัดนราธิวาส ซึ่งปัจจุบันในส่วนของอาคารด่านศุลกากรนั้นเสร็จสิ้นแล้ว แต่ไม่สามารถเปิดให้บริการได้ เนื่องจากพื้นที่ ยังไม่มีความชัดเจน ในเรื่องของถนน และอาจส่งผลกระทบให้บ้านเรือนที่อาศัยอยู่ฝั่งตรงข้ามด่านบูเก๊ะตา โดยนายสมศักดิ์ เปิดเผยว่า เรื่องนี้คงต้องมาดูว่าการสร้างถนนเส้นอื่นทดแทน จะคุ้มค่ามากกว่าการเวนคืนที่ดินของประชาชนหรือไม่ และมูลค่าด่านจะมีรายได้เท่าไหร่ หรือ มีความจำเป็นต้องสร้างทางยกระดับจากด่านพรมแดนไปยังหน้าอาคารด่านศุลกากรบูเก๊ะตา ซึ่งใช้ระยะทาง 800 เมตร ก็อยากให้ทุกคนนั้น รับฟังความคิดเห็นของประชาชนเป็นหลักแล้วพูดคุยให้เกิดผลกระทบน้อยที่สุด เพราะหากด่านนี้เปิดใช้ได้แล้ว มีมูลค่าทางธุรกิจ ก็จะเป็นสิ่งที่ดี โดยด่านนี้ถูกขับเคลื่อนมาแล้ว 25-26 ปี แต่ยังไม่สำเร็จ ตนก็จะนำปัญหาเสนอต่อรัฐบาลต่อไป .-สำนักข่าวไทย