ไม่ติดถ้าพท.ไปขอกก.หนุนโหวตนายกฯ

รัฐสภา 9 ส.ค.-“อนุทิน” ไม่ติดใจ ถ้าเพื่อไทยขอเสียงก้าวไกลโหวตนายกฯ ถ้ายังอยู่ในข้อตกลง บอกเคลียร์ใจ “เศรษฐา” แล้ว ปมหาเสียงพาดพิง รู้จักมา 30 ปีแล้ว พร้อมช่วยหาเสียงหนุนเพิ่มถ้าพท.ร้องขอ ถ้าไม่ขอให้เป็นหน้าที่แกนนำ


นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวถึงกรณีพรรคเพื่อไทยจะไปขอขมาพรรคก้าวไกล กังวลหรือไม่ว่า 2 พรรค จะกลับมาจับมือกันอีก ว่า พรรคเพื่อไทยและพรรคภูมิใจไทยมีการแถลงข่าวรวมกันแล้ว มีจำนวน 212 เสียง เงื่อนไขต่างๆก็แถลงชัดเจนแล้ว ก็เป็นไปตามนั้นจึงไม่กังวล ทั้งนี้พรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลต้องมีความเชื่อถือสูงอยู่แล้ว ไม่เช่นนั้นจะนำพรรคอื่นได้อย่างไร จึงอย่าไปกังวล ประชาชนก็ไม่ควรกังวล พอได้แถลงชัดเจนแล้วว่าไม่มี mou  8 พรรค และเพื่อไทยก็ได้เชิญพรรคภูมิใจไทยไปจัดตั้งรัฐบาล ทุกอย่างเป็นไปได้ด้วยดี

เมื่อถามว่า พรรคภูมิใจไทยจะช่วยหาเสียงสนับสนุนเพิ่มเติมให้พรรคเพื่อไทยหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ต้องช่วยกันตามความสามารถที่ทุกพรรคมีอยู่ และตนเชื่อว่าทุกพรรคก็ต้องช่วยกันจัดตั้งรัฐบาลให้ได้


เมื่อถามย้ำว่า ติดใจหรือไม่หากพรรคก้าวไกลจะช่วยโหวตเลือกนายกฯ ให้พรรคเพื่อไทย นายอนุทิน บอกว่า เป็นเรื่องของอนาคต ถ้าไปร่วมรัฐบาลกันแล้วเราต้องสนับสนุนกันให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ถ้าไม่มีใครทำผิดกฎหมาย และอยู่ด้วยกันต้องทำให้มีเสถียรภาพทางการเมือง ถ้าเราปฏิบัติกันแบบนี้มันก็คงไม่มีการเปลี่ยนแปลงอะไร แต่ถ้าปฏิบัติไม่ดี ต่อให้มัดกันอย่างไรก็อย่างว่า…

ส่วนที่ขณะนี้รวมได้ 228 เสียงแล้ว จะมีพรรคอื่นมารวมอีกหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า หากพรรคเพื่อไทยร้องขอมาว่าหนูไปทำนู่นทำนี่ รู้จักคนนี้ไหม รู้จักคนนี้ไหม ไปทักถามให้หน่อยได้ไหม ตนก็ยินดีให้ความช่วยเหลือ แต่ถ้าไม่ได้ร้องขอมาเราก็ให้พรรคเพื่อไทยทำหน้าที่แกนนำไป เอาใจเอาตัวช่วยเต็มที่อยู่แล้ว

ส่วนการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีจะจบที่พรรคเพื่อไทยหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า อยากให้เป็นเช่นนั้น ส่วนเสียงข้อครหาของนายเศรษฐา ทวีสิน ก็ต้องไปถาม สว. ในส่วนพรรคภูมิใจไทยชัดเจนแล้วต้องอยู่บนสปิริตการตัดสินใจร่วมกัน ถ้าพรรคเพื่อไทยจะนำเสนอแคนดิเดตนายกฯ คนไหนที่อยู่ในลิสต์รายชื่อ พรรคภูมิใจไทยก็ต้องสนับสนุน


เมื่อถามว่ามีโอกาสที่จะเสนอชื่อนายอนุทิน เป็นนายกฯ หรือไม่ นายอนุทินกล่าวว่า พรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำ เอาไว้พรรคภูมิใจไทยเป็นการนำก่อนค่อยว่ากัน

เมื่อถามย้ำว่า ติดใจนายเศรษฐา หรือไม่ ที่ก่อนเลือกตั้ง มีการหาเสียงพาดพิงนโยบายกัญชา และกระทรวงสาธารณสุข  นายอนุทิน กล่าวว่า ตอนที่กล่าวหาอะไรมาก็ได้ตอบโต้ไปแล้ว ก็เป็นอันจบกัน และถ้าพูดถึงนายเศรษฐากับตนไม่ใช่เพิ่งรู้จักกันตอนมาทำการเมืองแต่รู้จักกันมา 20-30 ปีแล้ว เพื่อนฝูงซ้ำกันไม่รู้กี่สิบกี่ร้อยคน ลูก ๆ ก็รู้จักกัน เราได้เคลียร์ใจกันไปพอสมควรแล้ว

เมื่อถามว่า มั่นใจหรือไม่ในวันโหวตเลือกนายกฯ พรรคเพื่อไทยจะรวมเสียงได้ถึง 375 เสียง นายอนุทิน กล่าวว่า ในวันโหวตเลือกนายกฯ พรรคภูมิใจไทยจะให้การสนับสนุนแคนดิเดตของพรรคเพื่อไทยอย่างเต็มที่ มั่นใจได้พรรคภูมิใจไทย 71 คน

ส่วนจะช่วยไปคุยส.ว. ด้วยหรือไม่ นายอนุทิน บอกว่า เดี๋ยวตนขอไปพบ สว. เพื่อขอฟังความคิดเห็น แต่ไม่ใช่การไปประสาน เพราะตนไม่มีปัญญาขนาดนั้น สังคมทุกวันนี้เป็นสังคมที่ต้องฟังความคิดเห็น ไม่ว่าจะเป็นข่าวดี ข่าวร้าย เรื่องติติง หรือข้อเสนอแนะ ถ้าเราไม่ใจร้อนเกินไปรับฟัง และคิด วิเคราะห์ ใช้สมาธินิดหน่อยก็น่าจะมีทางออก

เมื่อถามถึงกรณีมีส.ส. บางกลุ่มอยากมาร่วมรัฐบาล แต่พรรคต้นสังกัดไม่ให้มา นายอนุทิน กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่ถึงจุดนั้น ไว้รอให้มีเหตุการณ์ก่อน ตอนนี้ยังเร็วที่จะพูด เพราะยังเปลี่ยนไปเปลี่ยนมา ขอทำวันนี้ให้ดีที่สุด แต่ถ้าไม่สำเร็จก็ต้องบอกตัวเองว่าเราทำสุดๆแล้ว และเรื่องนี้ต้องถามพรรคเพื่อไทยว่าจะใช้รูปแบบไหนในการหาเสียงสนับสนุนจัดตั้งรัฐบาล อย่างที่สื่อถามเรื่องพรรคก้าวไกล ก็เป็นสิ่งที่พรรคเพื่อไทยดำเนินการ แต่ตราบใดที่ไม่ขัดแย้งกับความเข้าใจหรือข้อตกลงที่มีร่วมกันระหว่างเพื่อไทยกับภูมิใจไทย ก็ถือเป็นสิ่งที่ดี

เมื่อถามว่า คิดอย่างไรที่ส.ว.อยากโหวตให้นายอนุทินกับพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ เป็นนายกฯ มากกว่า นายอนุทิน กล่าวขอบคุณในความหวังดี แต่ขอให้เป็นไปตามกลไก และว่า “ท่านนึกถึงผม ผมก็ดีใจแล้ว แต่ความเหมาะสมและเรื่องของกระบวนการกฎหมายต้องเป็นไปตามระบบรัฐสภา” นายอนุทิน กล่าว.-สำนักข่าวไทย        

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

หนุ่มขี่จยย. พุ่งชนฝาคอนกรีต ตกบ่อร้อยสายไฟดับสลด

11 ส.ค.- หนุ่มวัย 26 ขี่รถจักรยานยนต์ฝ่าแนวกั้นพุ่งชนฝาคอนกรีต ร่างกระเด็นตกบ่อร้อยสายไฟใต้ดิน ลึก 10 เมตร จมน้ำดับสลด เมื่อเวลา 00.30 น.วันที่ 11 ส.ค.68 ร.ต.ท.เจนวิทย์ เหลือผล รองสารวัตร(สอบสวน) สน.ทุ่งสองห้อง รับแจ้งอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์พุ่งตกบ่อร้อยสายไฟใต้ดิน ถนนแจ้งวัฒนะ ขาออก บริเวณหน้าศาลปกครอง แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กทม. จึงรุดตรวจสอบพร้อมอาสาสมัครมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ที่เกิดเหตุใกล้สถานีรถไฟฟ้า ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ เป็นถนน 5 เลน บริเวณช่องทางซ้าย 3 เลนปิดเป็นพื้นที่ก่อสร้างโครงการร้อยสายไฟใต้ดิน พบรถจักรยานยนต์สีครีม ทะเบียน กทม. ล้มคว่ำหน้ารถพังยับพุ่งชนเครื่องปั่นไฟฟ้า ใกล้บ่อมีความลึก 10 เมตร เจ้าหน้าที่จึงใช้อุปกรณ์โรยตัวลงไปตรวจสอบพบผู้ขับขี่จมน้ำเสียชีวิต นำร่างขึ้นมาทราบชื่อนายสันติสุข (สงวนนามสกุล) อายุ 26 ปี สวมเสื้อยืดคอกลม แขนสั้น นุ่งกางเกงกีฬาขาสั้นสีน้ำเงิน ตามร่างกายมีบาดแผล กระโหลกศีรษะแตก เจ้าหน้าที่จึงบันทึกรวบรวมที่เกิดเหตุไว้เป็นหลักฐาน สอบถามคนงานที่อยู่บริเวณจุดเกิดเหตุให้การว่า […]

“ขัตติยา” ชี้ภารกิจชายแดนเป็นผลงานร่วมทุกฝ่าย ใต้ร่ม ศบ.ทก.

กทม. 10 ส.ค.-“ขัตติยา” สส.เพื่อไทย ชี้โพลฯ ประชาชนเชื่อมั่นกองทัพสูง แต่ภารกิจชายแดนเป็นผลงานร่วมทุกฝ่าย ใต้ร่ม ศบ.ทก. น.ส.ขัตติยา สวัสดิผล สส.บัญชีรายชื่อและรองโฆษกพรรคเพื่อไทย โพสต์ X ถึงผลสำรวจล่าสุดของนิด้าโพล ที่ให้ความไว้วางใจกองทัพสูงกว่ารัฐบาลและกระทรวงการต่างประเทศ ว่าอยากชวนมองภาพให้ครบว่า ทุกหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้อง ล้วนทำงานร่วมเป็นทีมเดียวกัน ภายใต้ศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา หรือ ศบ.ทก. ศูนย์นี้จัดตั้งขึ้นตั้งแต่เดือนมิถุนายน โดยรวมเอาหลายภาคส่วนเข้ามาทำงานร่วมกัน ทั้งกระทรวงกลาโหม สภาความมั่นคงแห่งชาติ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงแรงงาน กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักข่าวกรองแห่งชาติ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด และผู้บัญชาการทหารบก ทุกฝ่าย คือทีมไทยแลนด์ ที่แบ่งบทบาทหน้าที่และประสานงาน เพื่อเป้าหมายเดียวกัน คือ การรักษาอธิปไตยของประเทศ และปกป้องความปลอดภัยของชีวิตประชาชน แม้กองทัพจะมีบทบาทสำคัญเป็นด่านหน้าในพื้นที่ชายแดน แต่ก็ไม่ได้ทำงานแยกเดี่ยวหรือเป็นอิสระจากภาคส่วนอื่นๆ หากทำงานเคียงบ่าเคียงไหล่กับทุกหน่วยงานภายใต้ร่มของ ศบ.ทก. ในสถานการณ์ที่ท้าทายเช่นนี้ ไม่มีหน่วยงานใดสามารถทำงานบรรลุเป้าหมายได้เพียงลำพัง ความสำเร็จต้องเกิดจากการร่วมแรงร่วมใจของทุกภาคส่วน.-314.-สำนักข่าวไทย

วันแม่แห่งชาติ ขึ้นทางด่วนฟรี 𝟯 สายทาง

กทม. 9 ส.ค.-วันแม่แห่งชาติ 12 สิงหาคม 2568 กทพ. แจ้งยกเว้นค่าผ่านทางพิเศษของทางพิเศษรวม 𝟯 สายทาง ดังนี้ ทางพิเศษเฉลิมมหานคร จำนวน 𝟮𝟭 ด่าน ทางพิเศษศรีรัช จำนวน 𝟯𝟮 ด่าน และทางพิเศษอุดรรัถยา จำนวน 𝟭𝟬 ด่าน นายอนุกูล พฤกษานุศักดิ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ตามที่รัฐบาลประกาศให้วันจันทร์ ที่ 11 สิงหาคม 2568 เป็นวันหยุดพิเศษ ทำให้มีวันหยุดต่อเนื่องกันรวม 4 วัน (9-12 สิงหาคม 2568) เพื่อให้ประชาชนเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศ และช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศในภาพรวม โดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) คาดการณ์สถานการณ์ “คนไทย” เดินทาง “ท่องเที่ยวภายในประเทศ” วันหยุดยาวช่วงวันแม่แห่งชาติ ระหว่างวันที่ 9-12 สิงหาคม 2568 จะสร้างรายได้สะพัดทั่วประเทศ 13,750 ล้านบาท […]

“มาริษ” แจงโทรเคลียร์ รมว.ต่างประเทศสิงคโปร์ ปมถูกบิดเบือนคำพูด

สุรินทร์ 9 ส.ค. – “มาริษ” แจงโทรเคลียร์ “วิเวียน” รมว.ต่างประเทศสิงคโปร์ ถูกบิดเบือนคำพูด ย้ำไม่ได้วิจารณ์เชิงลบ แต่ห่วงภาวะผู้นำทำงานได้ไม่เต็มที่เพราะมีอุปสรรคขัดขวาง นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่มีบางสื่อบิดเบือนคำพูดของนายวิเวียน บาลากริชนิน (Vivian Balakrishnan) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศสิงคโปร์ ซึ่งตนไม่สบายใจตั้งแต่ต้น และได้สะท้อนไปว่าการแสดงความคิดเห็นในเรื่องที่ละเอียดอ่อนเหล่านี้มักจะทำให้เกิดความเข้าใจผิด และจะมีคนเอาคำพูดท่านไปใช้ประโยชน์ในการโจมตีทางการเมือง นายมาริษ เปิดเผยว่า ได้คุยโทรศัพท์กับนายวิเวียน เพื่อแสดงความห่วงกังวล เขายอมรับแล้วอนุญาตให้ช่วยชี้แจง อธิบายกับสื่อมวลชนที่เป็นสื่อหลัก เพราะข้อความที่แปลผิดได้แพร่สะพัดอยู่ในโซเชียลมีเดีย “นายวิเวียนไม่ได้มีความประสงค์ที่จะไปตั้งคำถามในเรื่องภาวะผู้นำของใครทั้งสิ้น เขาเพียงแต่พูดว่าอยากเห็นการทูตทำงานอย่างเต็มที่ เพราะการทูตจะแก้ไขปัญหาได้หากอยู่ในจุดที่สมดุล และเมื่อไรที่ภาวะผู้นำถูกขัดขวาง ไม่ว่าจะด้วยปัจจัยอะไรก็ตาม มันจะมีผลกระทบให้การแก้ไขปัญหาซับซ้อนมากยิ่งขึ้น” นายมาริษ กล่าว นายมาริษ กล่าวย้ำว่า สิ่งที่นายวิเวียนพูด จะพยายามสื่อสารเพื่อให้ทุกคนได้ตระหนักว่าอยากเห็นผู้นำได้ทำงานอย่างเต็มที่ ไม่มีอุปสรรคขัดขวาง ซึ่งจะเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้การแก้ไขปัญหาลุล่วงไปได้อย่างสมบูรณ์.-319-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

เสียงสะท้อนจากวีรบุรุษแนวหน้าถึงแนวหลัง

11 ส.ค. – แม้สถานการณ์สู้รบไทย-กัมพูชาเหมือนจะดีขึ้น แต่ยังวางใจไม่ได้ เช่นข่าวทหารไทยเหยียบกับระเบิดบาดเจ็บอีก 3 นาย วันนี้จะพาไปดูความพร้อมของหน่วยแพทย์ในการดูแลทหารของชาติในฐานะวีรบุรุษ พร้อมข้อคิดจากจ่าสิบเอกพิชิตชัย บุญชูกล้า หรือจ่าเต้ 1 ในวีรบุรุษ ฝากถึงแนวหลัง.-สำนักข่าวไทย

“ภูมิธรรม” เล็งปิด​ ศบ.ทก. หลังถก​ สมช.​ เคาะสถานการณ์สงบจริง

เมืองทองธานี 11 ส.ค.- “ภูมิธรรม” ลั่น​ ก็จบ!! ​ หลัง “กองทัพ” ยืนยันแล้ว “แม่ทัพภาค 2” ไม่ได้พูดยึดปราสาทตาควาย ย้ำยังไม่มีอะไรผิดสัญญา เล็งปิด​ ศบ.ทก. หลังประชุม​ สมช.​ 13-14 ส.ค.นี้​ เคาะสถานการณ์สงบจริง​ นายภูมิธรรม​ เวชยชัย​ รอง​นายก​รัฐมนตรี​และ​รัฐมนตรี​ว่าการ​กระทรวง​มหาดไทย​ รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี​ กล่าวถึงกรณีพลโท บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2​ ออกมา ประกาศยึดคืนปราสาทตาควาย จะถือเป็นการละเมิดข้อตกลงไทย-กัมพูชาหรือไม่ ว่า​ ยังไม่ได้ยินแม่ทัพภาคที่ 2 พูด​ แต่ทุกอย่างต้องเป็นไปตามข้อตกลง​ เมื่อถามว่าแม้กองทัพ จะออกมาปฏิเสธแล้ว​ แต่ทางกัมพูชา​อาจมองเป็นการกระตุ้นให้เกิดความขัดแย้ง และละเมิดข้อตกลง 13 ข้อ นายภูมิ​ธรรม​ กล่าวว่า​ ยังไม่มีอะไรผิดสัญญา กองทัพซึ่งเป็นตัวหลักได้ยืนยันแล้ว​ ก็จบตามนั้น​ เมื่อถามว่า​ สถานการณ์ชายแดน 2-3 วันที่ผ่านมา​ ถือว่าสงบนิ่งหรือไม่​ เนื่องจากมีกระแสข่าวว่าเหตุการณ์ความไม่สงบจะกลับมา​อีก […]

ทบ.ยัน ‘มทภ.2’ ไม่ได้กล่าวรุกล้ำอธิปไตยปมปราสาทตาควาย

11 ส.ค.- โฆษกกองทัพบกโต้กัมพูชา ยันแม่ทัพภาค 2 ไม่ได้กล่าวรุกล้ำอธิปไตยปมปราสาทตาควาย ย้ำไทยไม่มีความพยายาม “ยั่วยุ-วางแผน” ใช้กำลังทางทหารตามที่เขมรกล่าวอ้าง พลตรี​ วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก ได้ชี้แจงกรณีกระทรวงกลาโหมกัมพูชาแถลงการณ์ถึงคำสัมภาษณ์ พลโท บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 เรื่องของปราสาทตาควาย ว่า “ยืนยันว่าเนื้อหาที่แม่ทัพภาคที่ 2 พูด ไม่ได้มีความหมายในแบบที่โฆษกกระทรวงกลาโหมกัมพูชาได้แถลงไป โดยเฉพาะท่านไม่พูดเรื่องการเคลื่อนย้ายกำลัง เพื่อรุกล้ำอธิปไตยกัมพูชา สิ่งที่ท่านได้กล่าวในวันนั้นคือ ปราสาทตาควายอยู่ภายใต้อธิปไตยของไทย ในช่วงที่มีการปะทะที่ผ่านมาพยายามเข้าไปยึดด้วยการวางกำลัง แต่ยังไม่สำเร็จ จึงได้ทำการวางกำลังบริเวณด้านนอก ห่างจากตัวปราสาท 30 เมตร แต่ในอนาคตจะต้องพยายามนำกลับมาภายใต้การควบคุมของไทยให้ได้ ตามขั้นตอนที่เหมาะสม พร้อมกล่าวว่าเตรียมนำเรื่องต่างๆ ไปพูดคุยเจรจาในวงเจรจาในกรอบการประชุม RBC ที่จะเกิดขึ้นใน 2 สัปดาห์ และย้ำถึงจุดยืนว่าไทยจะไม่ถอยจากแนวการวางกำลังเดิม ขอยืนยันว่า แม่ทัพภาคที่ 2 ไม่ได้พูดถึงเรื่องการใช้กำลังทางทหาร ไปดำเนินการอย่างแน่นอน เพราะฉะนั้นที่กล่าวไปในข้างต้น จึงไม่ใช่ความพยายามที่มีการยั่วยุและมีการวางแผนใช้กำลังทางทหารต่อกรณีปราสาทตาควายอย่างที่กัมพูชากล่าวอ้างแต่อย่างใด” -สำนักข่าวไทย

“บิ๊กเล็ก​” ยันรับฟังข้อเรียกร้องต่ออายุราชการ “มทภ.2” ยึดรอบคอบ

11 ส.ค.- “พล.อ.ณัฐพล​” ยันรับฟังข้อเรียกร้องต่ออายุราชการ “แม่ทัพภาค 2” แต่ต้องพิจารณารอบคอบ เพื่อไม่ให้กระทบขวัญกำลังใจผู้ปฏิบัติงานระดับรอง ที่จะมีโอกาสเติบโตก้าวหน้า พลเอกณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงกระแสข่าวเรียกร้องให้มีการต่ออายุราชการทหาร ของ พลโท บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2  โดยยืนยันว่า รับฟังกระแสเรียกร้องดังกล่าว ที่มีมาจากคนไทยที่รักประเทศ และห่วงใยในสถานการณ์ หลังการสู้รบระหว่างไทย-กัมพูชาเพิ่งผ่านไป ซึ่งในฐานะผู้บังคับบัญชา ยืนยันว่ารับฟังข้อเรียกร้องดังกล่าว อย่างไรก็ตามเรี่องนี้ ยืนยันว่าจะต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ สิ่งสำคัญ ต้องพิจารณาภาพรวมขวัญและกำลังใจของผู้ปฏิบัติงานระดับรอง ที่จะมีโอกาสก้าวหน้าเติบโตต่อไป ซึ่งที่ผ่านมาสถานการร์การสู้รบ ทั้งแม่ทัพภาค 2 เอง และผู้บังคับบัญชาระดับรอง ต่างก็ทำภารกิจอย่างเต็มกำลัง และมีความสามารถทั้งหมด นักวิชาการไม่เห็นด้วยปมต่ออายุราชการ “แม่ทัพภาค 2” ผศ. ดร.วันวิชิต บุญโปร่ง อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต  ได้โพสท์เฟซบุ๊กส่วนตัว ระบุถึงประเด็นดังกล่าวว่า เรื่องการขอเสนอการต่ออายุราชการ พลโทบุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ออกไปนั้น ตนไม่เห็นด้วย ขอให้วางใจวางสติให้ดี ว่าเราต้องไม่ตกหลุมกับดักของคนภายในและภายนอก […]