ย้ำเพื่อไทยเดินหน้าแลนด์สไลด์

พรรคเพื่อไทย 11 เม.ย. – เพื่อไทย เปิดตัวเว็บไซต์ข้อมูลผู้สมัคร ส.ส. ด้าน “ภูมิธรรม” เมิน “ศรีสุวรรณ-สนธิยา” ร้องยุบพรรค ชี้ไม่ใช่การใช้เงินจูงใจให้ลงคะแนน ยันแจงรายละเอียดที่มางบฯ กระเป๋าเงินดิจิทัล ตามกรอบเวลา บอก ก็ดีสิครับ “ไพบูลย์” พูดชัดไม่จับมือ ลั่นเพื่อไทยมีเป้าตั้งรัฐบาลพรรคเดียว


นายประเสริฐ จันทรรวงทอง ผู้อำนวยการการเลือกตั้ง และเลขาธิการพรรคเพื่อไทย พร้อมด้วยนายภูมิธรรม เวชยชัย รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย น.ส.ลิณธิภรณ์ วรัณวัชรโรจน์ รักษาการโฆษกพรรคเพื่อไทย แถลงข่าวเปิดตัวเว็บไซต์ข้อมูลผู้สมัคร ส.ส.พรรคเพื่อไทย

นายภูมิธรรม กล่าวว่า พรรคเพื่อไทยจำเป็นต้องใช้เครื่องมือสื่อสารทุกรูปแบบ เสนอข้อมูลผู้สมัครของพรรคให้ประชาชนได้พิจารณาอย่างมีวิจารณญาณที่สุด และเว็บไซต์สำหรับการค้นหาผู้สมัครก็เป็นอีกช่องทางหนึ่งที่จำเป็นในยุคสมัยปัจจุบัน และเพราะการเลือกตั้งครั้งนี้ กกต. ได้ออกกฎเกณฑ์ที่ยากต่อการเลือกตั้ง การจัดแบ่งเขตที่สับสน และการกำหนดให้เบอร์ผู้สมัคร ส.ส.เขต และเบอร์พรรค นั้นเป็นคนละเบอร์กัน แม้ผู้สมัคร ส.ส. ในจังหวัดเดียวกันแต่ต่างเขตเลือกตั้ง ก็เป็นคนละเบอร์ ดังนั้น เพื่อง่ายต่อการค้นหาผู้สมัครของพรรคเพื่อไทย จึงได้ทำมีการจัดทำเว็บไซต์ค้นหาผู้สมัคร ส.ส. ทั้งหมดของพรรค เพื่อทำให้ประชาชนได้เข้าถึงข้อมูลผู้สมัครพรรคได้มากที่สุด



นายประเสิรฐ กล่าวว่า เพื่อให้ประชาชนเข้าถึงนโยบาย ทราบข้อมูลของผู้สมัคร ส.ส.เขต และ ส.ส.บัญชีรายชื่อ รวมถึงแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคเพื่อไทยจึงได้จัดทำเว็บไซต์ candidate.ptp.or.th จะปรากฎข้อมูลผู้สมัคร ส.ส.เขตและบัญชีรายชื่อ ว่ามีเบอร์อะไร และดูข้อมูลของแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทยเพื่อประกอบการตัดสินใจ

นอกจากนี้ นายภูมิธรรม ยังกล่าวว่า ช่วง 2-3 วันที่ผ่านมาได้รับแจ้งจากประชาชนว่ามีแก๊งคอลเซ็นเตอร์โทรไปหาชาวบ้านให้กรอกข้อมูล แจ้งรายละเอียดและจะโอนเงินให้ 10,000 บาท สืบเนื่องมาจากที่พรรคเพื่อไทยประกาศนโยบายกระเป๋าเงินดิจิทัลนั้น ขอชี้แจงว่าไม่เป็นความจริง ไม่มีคนของพรรคเพื่อไทยไปดำเนินการแบบนั้น เรื่องนี้พรรคเพื่อไทยขอให้ประชาชนระมัดระวัง เพราะนโยบายกระเป๋าเงินดิจิทัลจะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อพรรคเพื่อไทยได้เป็นรัฐบาลแล้ว จะดำเนินการภายใน 6 เดือน และหากถึงเวลานั้นผู้ดำเนินการจะเป็นฝ่ายรัฐบาล จึงฝากไปยังประชาชนให้ระมัดระวัง

นายประเสริฐ กล่าวว่า จากกรณีที่ตนออกมาเปิดเผยข้อมูลว่ามีการซื้อบัตรประชาชนของประชาชนโดยคนกลุ่มหนึ่ง ในพื้นที่ จ.อำนาจเจริญ และ จ.อุบลราชธานี เพื่อรวบรวมไปลงทะเบียนเลือกตั้งล่วงหน้าในเว็บไซต์ นอกจากนี้ยังมีประชาชนจาก จ.ขอนแก่น ยโสธร และหลายจังหวัดในภาคอีสาน ภาคเหนือ ส่งข้อมูลลักษณะเดียวมาเพิ่มเติม ซึ่ง กกต. ได้ส่งหนังสือมายังตนเองขอให้เข้าไปให้ข้อมูลต่อ กกต. ในวันที่ 18 เม.ย.นี้ โดยตนได้รวบรวมหลักฐานว่ามีการข่มขู่ และลงทะเบียนเลือกตั้งล่วงหน้าแทน


“ขอประชาชนอย่าหลงเชื่อ เพราะบัตรประชาชนเป็นสมบัติของบุคคล การมอบบัตรประชาชนให้ใครเป็นเรื่องที่อันตรายอาจถูกนำไปใช้ทางใดทางหนึ่งที่ผิดกฎหมายได้” นายประเสริฐ กล่าว

เมื่อถามถึงกรณีที่ กกต. แจงว่าพรรคเพื่อไทยยังไม่ส่งคำชี้แจงเรื่องที่มาของเงินและวงเงินที่ต้องใช้ในนโยบายหาเสียงแจกเงินในกระเป๋าเงินดิจิทัล 10,000 บาท นายภูมิธรรม กล่าวว่า ทุกนโยบายที่พรรคเพื่อไทยจัดทำได้ส่งรายงานไปยัง กกต. แล้ว และมีบางประเด็นที่ กกต. เห็นว่ายังไม่ชัดเจนเราก็ได้ส่งไป ซึ่งการที่พรรคเพื่อไทยไม่ได้บอกรายละเอียดทั้งหมดบนเวทีปราศรัยเพราะไม่อยากให้เกิดการเกทับกัน โดยเฉพาะนโยบายกระเป๋าเงินดิจิทัลที่พรรคเพื่อไทยเปิดรายละเอียดเป็นขั้นเป็นตอน มองว่าที่มีการโต้แย้งมาไม่เป็นไร แปลว่ายังมีเรื่องไม่เคลียร์ และตอนนี้ยังไม่ครบกำหนดในการส่งรายละเอียด อีกทั้ง กกต. เองก็ให้ดำเนินการส่งเป็นช่วงๆ ไป ยืนยันทำตามกติกาทุกอย่างที่ กกต. กำหนด และส่งได้ทันกำหนดแน่นอนดังนั้นไม่ต้องกลัว และตอนนี้พรรคเพื่อไทยอยู่ระหว่างรวบรวมข้อมูลที่ประชาชนยังไม่เข้าใจ เพื่อจะอธิบายทุกประเด็นกลับไปยัง กกต.

“สิ่งที่จะวิจารจารณ์นโยบายกระเป๋าเงินดิจิทัล ต้องเข้าใจในรายละเอียดวิธีคิดก่อน และการตัดสินใจใช้นโยบายกระเป๋าเงินดิจิทัล เพราะมองไปที่อนาคตของประเทศที่กำลังตกต่ำรุนแรง ดังนั้น กระเป๋าเงินดิจิทัลเป็นโครงการใหญ่ของเราที่หวังกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่ลงไปในชุมชน ตามเป้าสร้าง gdp อย่างน้อย 5% ขณะนี้ผู้สมัคร ส.ส. และทีมเศรษฐกิจกำลังเดินหน้าชีวิตกับประชาชน และสิ่งที่พรรคเพื่อไทยคิด ไม่ได้ใช้งบประมาณมากกว่าที่รัฐบาลปัจจุบันที่ทำอยู่ ยอมรับอาจเป็นเรื่องที่เข้าใจยากแต่ก็จะพยายามอธิบาย”นายภูมิธรรม กล่าว

ส่วนกรณีที่นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย และนายสนธิยา สวัสดี อดีตที่ปรึกษา กมธ.การกฎหมายฯ ยื่นหนังสือให้ กกต. ตรวจสอบนโยบายของพรรคเพื่อไทย มีความผิดถึงขั้นยุบพรรคนั้น นายภูมิธรรม กล่าวว่า ไม่เป็นไรเราก็พร้อมรับฟัง เรื่องนี้ไม่ได้ผิดเรื่องการใช้เงินจูงใจ หรือเป็นการแจกเงิน แต่เป็นนโยบายที่จะยกระดับเศรษฐกิจของประเทศ ซึ่งมีการร้อง กกต. ก็มีหน้าที่พิจารณา พรรคเพื่อไทยก็มีหน้าที่ชี้แจงให้ประชาชนทราบ เช่นเดียวกับสมัยที่เคยมีนโยบายกองทุนหมู่บ้าน นโยบาย 30 บาท ก็เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ว่าจะเอาเงินมาจากที่ไหน เราก็พิสูจน์มาแล้วว่าทำได้

ส่วนกรณีที่นายไพบูลย์ นิติตะวัน รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ออกมาประกาศไม่จับมือกับพรรคเพื่อไทยและพรรคก้าวไกล นายภูมิธรรม กล่าวว่า “ก็ดีสิครับ ที่นายไพบูลย์ ประกาศความชัดเจนออกมา เพราะที่ผ่านมาพรรคเพื่อไทยเคยประกาศชัดเจนแล้วแต่ยังมีคนสงสัย ย้ำว่าพรรคเพื่อไทยจะมุ่งสู่แลนด์สไลด์เพื่อเป็นรัฐบาลพรรคเดียว หรือถ้าจำเป็นต้องประกอบก็จะรวมกับฝ่ายประชาธิปไตย ดังนั้น ไม่มีเหตุที่จะจับมือกัน ตราบใดเรายังดำเนินการทางการเมืองอยู่ขณะนี้ เรามุ่งอย่างเดียว ขอเสียงทั้งหมดแลนด์สไลด์ เพื่อไม่ให้คะแนนตกน้ำ เพื่อให้คะแนนของเราทั้งหมดสามารถจัดตั้งรัฐบาลได้

“วันนี้เราเชื่อว่าชนะอยู่แล้ว แต่ชนะของเราวันนี้ไม่พอสู้ ส.ว. 250 คน ฉะนั้นวันนี้เราอยากชนะให้เด็ดขาด ชนะให้มาก ให้สามารถเอาชนะ ส.ว. 250 ได้ ชนะที่แสดงเจตนารมณ์ของประชาชนว่าอยากเปลี่ยนแปลงประเทศนี้ ให้สามารถมีความคิด ความหวัง แก้ปัญหาชีวิตของเขาได้ ดีแล้วครับที่คุณไพบูลย์ตอบมาให้ชัดเจน จะได้ช่วยพรรคเพื่อไทยแสดงความชัดเจนของเราด้วย จะได้ชัดเจนกันทุกคน” นายภูมิธรรม กล่าว.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดังเปิดใช้ชื่อวัดรับบริจาค แต่วัดเบิกไม่ได้

บช.ก. 6 ส.ค. – “บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดัง เปิดรับบริจาค ใช้บัญชีชื่อวัด แต่หมอดูเบิกได้คนเดียว ตามกฎหมายทำไม่ได้ ต้องนำบัญชีมาตรวจสอบเส้นเงิน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกรณีที่มีหมอดูชื่อดังได้เปิดรับบริจาคเงินโดยใช้บัญชี ชื่อวัดพระบาทน้ำพุ แต่คนที่สามารถถอนเงินออกจากบัญชีได้คือหมอดูคนดังกล่าว ทำให้ประชาชนเกิดข้อสงสัยว่า ทำไมเปิดรับบริจาคใช้ชื่อวัดแต่วัดถอนเงินไม่ได้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า ตอนนี้มีผู้เสียหายได้มาร้องขอความเป็นธรรมที่ กองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปราม เรื่องหมอดูคนดังกล่าว และได้มีการพูดคุยกับผู้กำกับกอง 1 ซึ่งกำลังตรวจสอบอยู่ มีการอ้างว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาส อยู่ระหว่างการตรวจสอบ และจะต้องมีการเช็คว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และเจ้าอาวาสนำเงินไปใช้อะไร เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีนี้จะเข้าข่ายคดีฉ้อโกงหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่า คิดว่าน่าจะเข้าข่ายคดีฉ้อโกง แต่ก็ต้องตรวจสอบดูว่าเงินที่รับบริจาคมาเอาไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และถ้าเอาไปให้จริง เจ้าอาวาสนำเงินไปใช้จ่ายอะไรบ้าง ผู้สื่อข่าวถามอีกว่ากรณีที่หมอดูคนดังกล่าว นำชื่อวัดมารับบริจาคเงินแต่หมอดูคนดังกล่าวกับเบิกเงินได้คนเดียว ทั้งที่ชื่อในบัญชีที่รับบริจาคเป็นชื่อวัดกระทำได้หรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่าทำไม่ได้ ถ้าใช้ชื่อบัญชีรับบริจาคเป็นชื่อวัดก็ต้องนำเงินไปให้วัดแล้วคนที่เบิกได้ก็ต้องเป็นวัดเท่านั้น เพราะเป็นเงินวัด เดี๋ยวจะต้องมีการนำบัญชีดังกล่าวมาตรวจสอบว่าเงินที่เข้าในบัญชีเท่าไหร่และวัดได้เท่าไหร่ และการรับบริจาคในลักษณะนี้ ต้องมีกรรมการวัดในการตรวจสอบบัญชี ให้ละเอียด ไม่ใช่อยากรับบริจาคก็จะทำได้เลย. -415-สำนักข่าวไทย

บุกค้นบริษัท ยึดโดรน-อุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น

กทม. 6 ส.ค.-ตำรวจกองปราบ ร่วมกับ กสทช. บุกค้นบริษัทใน จ.สมุทรปราการ ยึดโดรน และอุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น ตำรวจกองบังคับการปราบปราม ร่วมกับเจ้าหน้าที่ กสทช. และพนักงานสืบสวนจังหวัดสมุทรปราการ เข้าตรวจค้นบริษัทแห่งหนึ่ง ในอำเภอเมืองสมุทรปราการ หลังพบขัอมูลว่ามีบริษัทแห่งนี้ผลิตอุปกรณ์ และมีอากาศยานไร้คนขับโดรนไว้จำนวนมาก ต่อมาเมื่อแสดงหมายเพื่อขอตรวจค้น นายกฤษนันท์ ได้แสดงตัวเป็นกรรมการผู้จัดการของบริษัทดังกล่าว เป็นผู้นำตรวจค้น จากการตรวจค้นพบอากาศยานไร้คนขับ หรือโดรน 29 เครื่อง, กระเป๋าตรวจจับสัญญาณ 38 อัน, ปืนรบกวนสัญญาณ 129 กระบอก, เครื่องรบกวนสัญญาณ 16 เครื่อง, รถตู้สำหรับตรวจจับและรบกวนสัญญาณ 1 คัน และอุปกรณ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องอีก 50 รายการ โดยของกลางทั้งหมดจะถูกนำไปเก็บไว้ที่กองบังคับการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อนำไปตรวจสอบความถี่ และเอกสารที่เกี่ยวข้อง สำหรับบริษัทดังกล่าว ตำรวจให้ข้อมูลว่า มีเจ้าของโรงงานเป็นคนสัญชาติสิงคโปร์ และมีกรรมการเป็นชาวไทยร่วมด้วย ประกอบกิจการผลิตอุปกรณ์ และอากาศยานไร้คนขับโดรน.-สำนักข่าวไทย

มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงิน

กทม 5 ส.ค.-มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงินอีก “ขจรเกียรติ” ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา ผงาดคุมที่ดิน “เชษฐา” คุม ปภ. โยก “ภาสกร” นั่งผู้ว่าฯ ระยอง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ กระทรวงมหาดไทย เตรียมเสนอให้ ครม.พิจารณาเห็นชอบรวม 5 ตำแหน่ง ประกอบด้วย นายพรพจน์ เพ็ญพาส อธิบดีกรมที่ดิน เป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายเชษฐา โมสิกรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นายขจรเกียรติ รักพานิชมณี ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา เป็นอธิบดีกรมที่ดิน นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เป็นผู้ว่าฯ ระยอง และนายไตรภพ วงศ์ไตรรัตน์ ผู้ว่าฯ ระยอง เป็นผู้ว่าฯ เพชรบุรี.-319.-สำนักข่าวไทย

เปิดปฏิบัติการค้น 200 จุด ล่าพระทำผิดกฎหมาย

กทม. 5 ส.ค.-ตำรวจสอบสวนกลาง เปิดปฏิบัติการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ลุยค้น 200 จุดทั่วประเทศ ไล่ล่าจับพระทำผิดกฎหมาย 181 เป้าหมาย ล่าสุดจับพระวัดดังย่านคลอง 6 ปทุมธานี พบเอี่ยวองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ในฐานะหัวหน้าศูนย์ป้องกันปราบปรามภัยคุกคามและเสริมสร้างความมั่นคงทางพระพุทธศาสนา สั่งการ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. นำกำลังเจ้าหน้าที่หน่วยงานในสังกัด บช.ก. เปิดปฏิบัติการกวาดลานวัด เข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย กว่า 200 จุด เพื่อจับกุมผู้ต้องหาคดีต่างๆ อาทิ ยักยอกทรัพย์ ฟอกเงิน เมาแล้วขับ หรือ มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการยาเสพติด รวมไปถึงองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ที่หลบหนีมาบวชเป็นพระซ่อนตัวตามวัดต่างๆ ทั่วประเทศ โดยกลุ่มผู้ต้องหาที่เป็นเป้าหมายหลักของปฏิบัติการครั้งนี้ มีด้วยกันทั้งหมด 181 ราย แบ่งเป็น ผู้ต้องหาที่ยังมีสถานะเป็นพระ 154 ราย ในจำนวนนี้มีพระตำแหน่งสูงสุดเป็นระดับเจ้าอาวาส ส่วนผู้ต้องหาที่เคยเป็นพระแต่สึกไปแล้วมีทั้งหมด 27 ราย ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการเข้าดำเนินการจับกุม อย่างไรก็ตามขณะนี้มีรายงานว่า จากปฏิบัติการดังกล่าวขณะนี้เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาคนสำคัญได้รายหนึ่งแล้ว […]

ข่าวแนะนำ

ศาลอาญาฯ อนุญาตปล่อยตัวชั่วคราว “ไฮโซลูกนัท”

กรุงเทพฯ 7 ส.ค. – ศาลอาญาพระโขนง อนุญาตปล่อยตัวชั่วคราว “ไฮโซลูกนัท” ตีราคาประกัน 100,000 บาท หลังตำรวจนำตัวฝากขัง คดียาเสพติด และ พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ พนักงานสอบสวน สน.คลองตัน ยื่นคำร้องต่อศาลอาญาพระโขนง ฝากขังครั้งที่ 1 นายธนัตถ์ หรือ ไฮโซลูกนัท อายุ 33 ปี ผู้ต้องหาคดีกระทำผิดเกี่ยวกับยาเสพติด และ พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ โดยศาลอนุญาตฝากขังตามคำร้อง ซึ่งวันนี้ผู้ต้องหาได้ยื่นคำร้องขอปล่อยชั่วคราว ศาลพิจารณาแล้วมีคำสั่งอนุญาตปล่อยตัวชั่วคราว ตีราคาประกัน 100,000 บาท โดยผู้ต้องหานำเงินสดเป็นหลักประกันตนเอง.-สำนักข่าวไทย

รมว.ต่างประเทศ ย้ำทูตไทยทั่วโลกแจงผลประชุม GBC

7 ส.ค. – รมว.ต่างประเทศ ถกทูตไทยทั่วโลก ชื่นชมผลประชุม GBC กำชับทูตไทยทั่วโลกทำงานเชิงรุก เดินหน้าชี้แจงข้อเท็จจริง บนพื้นฐานของหลักฐานเชิงประจักษ์ ชี้ “ความจริงจะชนะทุกสิ่ง” นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เป็นประธานการประชุมแบบออนไลน์ ร่วมกับ เอกอัครราชทูตไทย ผู้แทนสถานเอกอัครราชทูต และคณะผู้แทนถาวรไทยในต่างประเทศจาก 70 ประเทศทั่วโลก และกรมต่างๆ เพื่อชี้แจงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ทั้งผลการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป General Border Committee หรือ GBC ที่ประเทศมาเลเซีย พร้อมมอบนโยบายและแนวทางในการดำเนินการของกระทรวงฯ และสำนักงานในต่างประเทศ เพื่อแก้ไขปัญหาสถานการณ์ชายแดนดังกล่าวอย่างบูรณาการร่วมกัน นายมาริษ กล่าวถึงผลของการประชุม GBC และข้อตกลงที่เห็นพ้องร่วมกันทั้ง 13 ข้อ ว่าเป็นพัฒนาการและก้าวสำคัญสำหรับการเจรจาการหยุดยิง บรรลุเป้าหมายที่ต้องการในเบื้องต้น ซึ่งต้องขอบคุณมาเลเซีย สหรัฐอเมริกา และจีน ณ ที่นี้ด้วย โดยกระทรวงพร้อมให้การสนับสนุนกระทรวงกลาโหมในการดำเนินการเจรจาต่อไป ซึ่งที่ผ่านมาได้สนับสนุนการดำเนินงานของกระทรวงกลาโหม และทำงานร่วมกันอย่างใกล้ ตั้งแต่การเป็นฝ่ายเลขาฯ การร่างเพื่อเสนอกรอบข้อตกลง โดยหลังจากนี้ไทยพร้อมเปิดรับการเจรจาทวิภาคีผ่านช่องทางทางการทูต เพื่อสนับสนุนภารกิจของกระทรวงกลาโหม ภายใต้เงื่อนไขว่าฝ่ายกัมพูชาเคารพและดำเนินการตามข้อตกลงของการเจรจาหยุดยิงต่อไป […]

ชาวบ้านยังไม่วางใจ แม้บรรลุข้อตกลงหยุดยิง

อุบลราชธานี 7 ส.ค. – ชาวบ้านในพื้นที่ชายแดน จ.อุบลราชธานี ยังไม่วางใจสถานการณ์ แม้ผลประชุม GBC ไทย-กัมพูชา ทั้ง 2 ชาติเห็นพ้องข้อตกลงหยุดยิงแล้ว ค่ำคืนนี้หลายหมู่บ้านยังคงมีคำเตือนให้ออกนอกพื้นที่ หลังบางส่วนทยอยกลับเข้ามา .-สำนักข่าวไทย

กต.อัปเดตสถานการณ์ไทย-กัมพูชา กับทูตไทยทั่วโลก

กระทรวงการต่างประเทศ 7 ส.ค. – กต. นำผลประชุม GBC อัปเดตสถานการณ์ไทย-กัมพูชา กับทูตไทยทั่วโลก เพื่อชี้แจงรัฐบาล-องค์การระหว่างประเทศ พร้อมประเมินระดับความเข้าใจของนานาชาติถึงสถานการณ์ ป้องกันการบิดเบือนข้อมูล นายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ แถลงข่าวเกาะติดพัฒนาการสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา โดยได้สรุปผลการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (General Border Committee : GBC) ไทย-กัมพูชา สมัยวิสามัญ ซึ่งนำโดย พลเอก ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม หัวหน้าคณะผู้แทนไทย โดยมีผู้แทนจากมาเลเซีย สหรัฐอเมริกา และจีน ร่วมสังเกตการณ์ ซึ่งการประชุมเป็นกลไกหารือทวิภาคีระหว่างไทย-กัมพูชา ทั้งนี้ ก่อนการประชุม GBC ประธาน GBC ของทั้ง 2 ฝ่าย ได้เข้าเยี่ยมคารวะ นายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย โดยได้ยืนยันว่ามาเลเซีย รวมถึงประเทศสมาชิกอาเซียนต่างๆ เห็นตรงกันว่าสนับสนุนให้ใช้กลไกทวิภาคีแก้ไขปัญหาระหว่างไทย-กัมพูชา สอดคล้องกับท่าทีของไทย ทั้ง 2 ฝ่ายตกลงปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงอย่างเคร่งครัด โดยไม่เสริมกำลังเพิ่ม หลีกเลี่ยงการกระทำที่ยั่วยุทั้งทางการทหาร […]