รทสช.อาจมีบิ๊กเซอร์ไพรส์โค้งสุดท้ายหาเสียง

ทำเนียบ 11 เม.ย.-“ธนกร” เผยอาจมีบิ๊กเซอร์ไพรส์ “พล.อ.ประยุทธ์” ร่วมเวทีดีเบตโค้งสุดท้ายหาเสียงเลือกตั้ง อัดนโยบายเพื่อไทยเงินดิจิทัล สุดโต่ง หวังหาเสียงอย่างเดียวระวังประเทศเสียหาย


นายธนกร วังบุญคงชนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าคณะทำงานสื่อสารและการประชาสัมพันธ์ และหัวหน้าคณะทำงานจัดกำหนดการหาเสียงและการปราศรัย  กล่าวถึงการจัดคิวลงพื้นที่หาเสียงของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและแคนดิเดตนายกฯ พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ช่วงหลังเทศกาลสงกรานต์ ว่า ในฐานะที่เป็นประธานทั้ง 2 คณะ จะมีการประชุมกันในวันนี้  โดยได้ลาราชการครึ่งวัน เพื่อให้ได้ข้อสรุป แต่ทางพรรคจะจัดให้พล.อ.ประยุทธ์ ไปทุกพื้นที่ที่เป็นเป้าหมายหลัก ซึ่งผู้สมัครส.ส. ในพื้นที่ได้เสนอข้อมูลมาแล้ว แต่ด้วยเวลาที่จำกัด พล.อ. ประยุทธ์ ควรจะลงในพื้นที่ที่เป็นเป้าหมายหลักของพรรค ทั้งในพื้นที่ภาคกลาง และพื้นที่ภาคใต้ ส่วนภาคอีสานและภาคเหนือจะลงพื้นที่ไปบางจังหวัด ยอมรับว่าหลังจากที่มีการจับเบอร์ผู้สมัคร ส.ส. กระแสความนิยมของ พล.อ.ประยุทธ์ เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยมีโพลของพรรคที่ทำ ดังนั้นจะต้องลงพื้นที่เพื่อย้ำในเรื่องดังกล่าวด้วย

พล.อ.ประยุทธ์ จะไปร่วมเวทีดีเบต เวทีไหนหรือไม่ หรือมีการมอบหมายบุคคลอื่น นายธนกร กล่าวว่า  ยังไม่แน่นอน เพราะในช่วงโค้งสุดท้าย อาจจะมีบิ๊กเซอร์ไพรส์ก็ได้ ซึ่งในวันเดียวกันนี้ พล.อ.ประยุทธ์ได้ทยอยให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนหลายสำนัก ด้วยเวลาที่มีจำกัดและพยายามจะให้สัมภาษณ์กับทุกสื่อ ฉะนั้นเชื่อว่าในโค้งสุดท้ายอาจจะมีเซอร์ไพรส์  และวันนี้จะเห็นได้ว่ามีการวิพากษ์วิจารณ์เรื่องนโยบายกันเยอะ ในเรื่องการใช้เงินต่างๆ


“เพิ่งได้ยินแกนนำของพรรคเพื่อไทยที่บอกว่าที่บอกว่าเรื่องเงินดิจิทัล ถ้าใครได้ไปแล้ว ไม่สามารถไปรับบัตรสวัสดิการแห่งรัฐได้ ตรงนี้คิดว่า ต้องคิดหลายอย่าง ซึ่งในอดีต ที่ผ่านมาท่านโจมตี พล.อ.ประยุทธ์มาโดยตลอด ว่าเก่งแต่แจกเงิน ทุกเช้า กลางวัน เย็น ก่อนนอน แต่วันนี้ท่านมาดำเนินการซึ่งมากกว่า ใช้เงินจำนวนมาก ซึ่งเป็นที่น่าสังเกตมีการวิพากษ์วิจารณ์การใช้นโยบายสุดโต่งในการหาเสียงแบบนี้  เชื่อว่าวันนี้ประชาชนเป็นคนฉลาด ท่านจะทราบดีว่านโยบายตรงไหนหาเสียงแล้วทำไม่ได้หรือทำได้ วันนี้หลายสิ่งหลายอย่างคิดว่าประชาชนน่าจะกังวล และเชื่อว่าที่ คณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.)กำหนดมา 3 ข้อเรื่องที่มาของเงิน ประโยชน์และความคุ้มค่า แต่ข้อที่ 3 เงินดิจิทัล ต้องระมัดระวัง ผลกระทบและความเสี่ยงในการดำเนินนโยบายตรงนี้ คิดว่าตอบสังคมไม่ได้ เพราะมีความเสี่ยงเรื่องวินัยการเงินการคลัง และ นักการธนาคารได้ออกมาวิพากษ์วิจารณ์แล้ว” นายธนกร กล่าว  

นายธนกร กล่าวว่า นโยบายสุดโต่งหาเสียงมากเกินไป และเรามีประเทศตัวอย่างที่ล่มสลาย อย่างประเทศเวเนซุเอลา ประเทศประชานิยมสุดโต่งประเทศก็พังไปแล้ว  ฉะนั้นวันนี้อยากให้คนไทยได้ตั้งสติได้ตั้งสติและทบทวนในสิ่งที่พรรค พรรคการเมืองบางพรรคเสนอนโยบาย

นายธนกร กล่าวว่า นโยบายของพรรครวมไทยสร้างชาติ ทำได้จริงและทำสำเร็จไปแล้วหลายนโยบาย และคิดว่าประชาชน เข้าใจในสิ่งที่พล.อ.ประยุทธ์ทำมาตลอด แต่สิ่งที่พรรคเพื่อไทยออกนโยบายมา มีสิ่งที่ต้องตั้งข้อสังเกตเยอะ ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง 4 กิโลเมตรหรือการใช้ระบบ ซึ่งตนฟังแล้วยังสับสน ขณะที่โครงการของรัฐบาลใช้สำเร็จมาแล้วกระตุ้นเศรษฐกิจจริง


“นโยบายของเพื่อไทยในช่วงที่เศรษฐกิจฟื้นตัว ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องใช้เงินดิจิทัล 10,000 บาทแจกทุกคน  หมายความว่าเจ้าสัวซีพี เบียร์ช้างก็ได้ด้วย เป็นตรรกะที่ไม่ตอบโจทย์ประชาชนและประเทศ ถ้าเป็นไปได้อยากให้ทบทวนนโยบายเหล่านี้” นายธรกร กล่าว

ส่วนพรรครวมไทยสร้างชาติจะมีนโยบายอะไรใหม่ออกมาเพิ่มเติมหรือไม่ ในโค้งสุดท้ายของการหาเสียงเลือกตั้ง นายธนกร กล่าวว่า เรื่องนโยบายไม่ควรจะมีเยอะ ซึ่งเราต้องดูแลประชาชนทุกสาขาอาชีพ สิ่งที่เราต่างจากพรรคอื่นคือพรรครทสช. บอกวิธีการหาเงินเข้าประเทศอย่างเงิน 4 ล้านล้านบาทจะหาเงินมาอย่างไร รวมถึง นักท่องเที่ยวที่จะเข้ามา 27.5 ล้านคน เงินจะเข้ามา 2.3 ล้านล้านบาท นี่คือการหาเงินจากอีอีซี

เมื่อถามว่า จะไปตรวจสอบหุ้นดิจิทัลของ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) หรือไม่ นายธนกร กล่าวว่า เห็นคนออกมาวิพากษ์วิจารณ์จำนวนมาก ซึ่งมีความผิดปกติหลายอย่าง เชื่อว่าคนไทยทั้งประเทศ การสื่อสารไปทุกพื้นที่ ประชาชนฟังข่าวแล้วทบทวนจะเข้าใจว่าเป็นไปได้ยาก ไม่ตอบโจทย์และไม่สมเหตุสมผลกับนโยบายนี้

นายธนกร กล่าวอีกว่า การที่บอกว่าจะเอารายได้จากภาษี ที่เพิ่มขึ้น 260,000 บาท เป็นการคาดการณ์ หากไม่มีรายได้ประเทศเจ๊งแน่นอน  ส่วนนโยบายดังกล่าวสะเทือนพรรค รทสช.หรือไม่ นายธนกร เชื่อว่าเงินดิจิทัลจะไม่สะเทือนกับพรรครวมไทยสร้างชาติ แต่กลับกลายเป็น ทำให้ประชาชนกังวลว่าจะไม่ได้บัตรสวัสดิการแห่งรัฐเหมือนเดิม.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดังเปิดใช้ชื่อวัดรับบริจาค แต่วัดเบิกไม่ได้

บช.ก. 6 ส.ค. – “บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดัง เปิดรับบริจาค ใช้บัญชีชื่อวัด แต่หมอดูเบิกได้คนเดียว ตามกฎหมายทำไม่ได้ ต้องนำบัญชีมาตรวจสอบเส้นเงิน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกรณีที่มีหมอดูชื่อดังได้เปิดรับบริจาคเงินโดยใช้บัญชี ชื่อวัดพระบาทน้ำพุ แต่คนที่สามารถถอนเงินออกจากบัญชีได้คือหมอดูคนดังกล่าว ทำให้ประชาชนเกิดข้อสงสัยว่า ทำไมเปิดรับบริจาคใช้ชื่อวัดแต่วัดถอนเงินไม่ได้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า ตอนนี้มีผู้เสียหายได้มาร้องขอความเป็นธรรมที่ กองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปราม เรื่องหมอดูคนดังกล่าว และได้มีการพูดคุยกับผู้กำกับกอง 1 ซึ่งกำลังตรวจสอบอยู่ มีการอ้างว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาส อยู่ระหว่างการตรวจสอบ และจะต้องมีการเช็คว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และเจ้าอาวาสนำเงินไปใช้อะไร เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีนี้จะเข้าข่ายคดีฉ้อโกงหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่า คิดว่าน่าจะเข้าข่ายคดีฉ้อโกง แต่ก็ต้องตรวจสอบดูว่าเงินที่รับบริจาคมาเอาไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และถ้าเอาไปให้จริง เจ้าอาวาสนำเงินไปใช้จ่ายอะไรบ้าง ผู้สื่อข่าวถามอีกว่ากรณีที่หมอดูคนดังกล่าว นำชื่อวัดมารับบริจาคเงินแต่หมอดูคนดังกล่าวกับเบิกเงินได้คนเดียว ทั้งที่ชื่อในบัญชีที่รับบริจาคเป็นชื่อวัดกระทำได้หรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่าทำไม่ได้ ถ้าใช้ชื่อบัญชีรับบริจาคเป็นชื่อวัดก็ต้องนำเงินไปให้วัดแล้วคนที่เบิกได้ก็ต้องเป็นวัดเท่านั้น เพราะเป็นเงินวัด เดี๋ยวจะต้องมีการนำบัญชีดังกล่าวมาตรวจสอบว่าเงินที่เข้าในบัญชีเท่าไหร่และวัดได้เท่าไหร่ และการรับบริจาคในลักษณะนี้ ต้องมีกรรมการวัดในการตรวจสอบบัญชี ให้ละเอียด ไม่ใช่อยากรับบริจาคก็จะทำได้เลย. -415-สำนักข่าวไทย

บุกค้นบริษัท ยึดโดรน-อุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น

กทม. 6 ส.ค.-ตำรวจกองปราบ ร่วมกับ กสทช. บุกค้นบริษัทใน จ.สมุทรปราการ ยึดโดรน และอุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น ตำรวจกองบังคับการปราบปราม ร่วมกับเจ้าหน้าที่ กสทช. และพนักงานสืบสวนจังหวัดสมุทรปราการ เข้าตรวจค้นบริษัทแห่งหนึ่ง ในอำเภอเมืองสมุทรปราการ หลังพบขัอมูลว่ามีบริษัทแห่งนี้ผลิตอุปกรณ์ และมีอากาศยานไร้คนขับโดรนไว้จำนวนมาก ต่อมาเมื่อแสดงหมายเพื่อขอตรวจค้น นายกฤษนันท์ ได้แสดงตัวเป็นกรรมการผู้จัดการของบริษัทดังกล่าว เป็นผู้นำตรวจค้น จากการตรวจค้นพบอากาศยานไร้คนขับ หรือโดรน 29 เครื่อง, กระเป๋าตรวจจับสัญญาณ 38 อัน, ปืนรบกวนสัญญาณ 129 กระบอก, เครื่องรบกวนสัญญาณ 16 เครื่อง, รถตู้สำหรับตรวจจับและรบกวนสัญญาณ 1 คัน และอุปกรณ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องอีก 50 รายการ โดยของกลางทั้งหมดจะถูกนำไปเก็บไว้ที่กองบังคับการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อนำไปตรวจสอบความถี่ และเอกสารที่เกี่ยวข้อง สำหรับบริษัทดังกล่าว ตำรวจให้ข้อมูลว่า มีเจ้าของโรงงานเป็นคนสัญชาติสิงคโปร์ และมีกรรมการเป็นชาวไทยร่วมด้วย ประกอบกิจการผลิตอุปกรณ์ และอากาศยานไร้คนขับโดรน.-สำนักข่าวไทย

มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงิน

กทม 5 ส.ค.-มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงินอีก “ขจรเกียรติ” ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา ผงาดคุมที่ดิน “เชษฐา” คุม ปภ. โยก “ภาสกร” นั่งผู้ว่าฯ ระยอง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ กระทรวงมหาดไทย เตรียมเสนอให้ ครม.พิจารณาเห็นชอบรวม 5 ตำแหน่ง ประกอบด้วย นายพรพจน์ เพ็ญพาส อธิบดีกรมที่ดิน เป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายเชษฐา โมสิกรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นายขจรเกียรติ รักพานิชมณี ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา เป็นอธิบดีกรมที่ดิน นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เป็นผู้ว่าฯ ระยอง และนายไตรภพ วงศ์ไตรรัตน์ ผู้ว่าฯ ระยอง เป็นผู้ว่าฯ เพชรบุรี.-319.-สำนักข่าวไทย

เปิดปฏิบัติการค้น 200 จุด ล่าพระทำผิดกฎหมาย

กทม. 5 ส.ค.-ตำรวจสอบสวนกลาง เปิดปฏิบัติการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ลุยค้น 200 จุดทั่วประเทศ ไล่ล่าจับพระทำผิดกฎหมาย 181 เป้าหมาย ล่าสุดจับพระวัดดังย่านคลอง 6 ปทุมธานี พบเอี่ยวองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ในฐานะหัวหน้าศูนย์ป้องกันปราบปรามภัยคุกคามและเสริมสร้างความมั่นคงทางพระพุทธศาสนา สั่งการ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. นำกำลังเจ้าหน้าที่หน่วยงานในสังกัด บช.ก. เปิดปฏิบัติการกวาดลานวัด เข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย กว่า 200 จุด เพื่อจับกุมผู้ต้องหาคดีต่างๆ อาทิ ยักยอกทรัพย์ ฟอกเงิน เมาแล้วขับ หรือ มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการยาเสพติด รวมไปถึงองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ที่หลบหนีมาบวชเป็นพระซ่อนตัวตามวัดต่างๆ ทั่วประเทศ โดยกลุ่มผู้ต้องหาที่เป็นเป้าหมายหลักของปฏิบัติการครั้งนี้ มีด้วยกันทั้งหมด 181 ราย แบ่งเป็น ผู้ต้องหาที่ยังมีสถานะเป็นพระ 154 ราย ในจำนวนนี้มีพระตำแหน่งสูงสุดเป็นระดับเจ้าอาวาส ส่วนผู้ต้องหาที่เคยเป็นพระแต่สึกไปแล้วมีทั้งหมด 27 ราย ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการเข้าดำเนินการจับกุม อย่างไรก็ตามขณะนี้มีรายงานว่า จากปฏิบัติการดังกล่าวขณะนี้เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาคนสำคัญได้รายหนึ่งแล้ว […]

ข่าวแนะนำ

ศาลอาญาฯ อนุญาตปล่อยตัวชั่วคราว “ไฮโซลูกนัท”

กรุงเทพฯ 7 ส.ค. – ศาลอาญาพระโขนง อนุญาตปล่อยตัวชั่วคราว “ไฮโซลูกนัท” ตีราคาประกัน 100,000 บาท หลังตำรวจนำตัวฝากขัง คดียาเสพติด และ พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ พนักงานสอบสวน สน.คลองตัน ยื่นคำร้องต่อศาลอาญาพระโขนง ฝากขังครั้งที่ 1 นายธนัตถ์ หรือ ไฮโซลูกนัท อายุ 33 ปี ผู้ต้องหาคดีกระทำผิดเกี่ยวกับยาเสพติด และ พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ โดยศาลอนุญาตฝากขังตามคำร้อง ซึ่งวันนี้ผู้ต้องหาได้ยื่นคำร้องขอปล่อยชั่วคราว ศาลพิจารณาแล้วมีคำสั่งอนุญาตปล่อยตัวชั่วคราว ตีราคาประกัน 100,000 บาท โดยผู้ต้องหานำเงินสดเป็นหลักประกันตนเอง.-สำนักข่าวไทย

รมว.ต่างประเทศ ย้ำทูตไทยทั่วโลกแจงผลประชุม GBC

7 ส.ค. – รมว.ต่างประเทศ ถกทูตไทยทั่วโลก ชื่นชมผลประชุม GBC กำชับทูตไทยทั่วโลกทำงานเชิงรุก เดินหน้าชี้แจงข้อเท็จจริง บนพื้นฐานของหลักฐานเชิงประจักษ์ ชี้ “ความจริงจะชนะทุกสิ่ง” นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เป็นประธานการประชุมแบบออนไลน์ ร่วมกับ เอกอัครราชทูตไทย ผู้แทนสถานเอกอัครราชทูต และคณะผู้แทนถาวรไทยในต่างประเทศจาก 70 ประเทศทั่วโลก และกรมต่างๆ เพื่อชี้แจงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ทั้งผลการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป General Border Committee หรือ GBC ที่ประเทศมาเลเซีย พร้อมมอบนโยบายและแนวทางในการดำเนินการของกระทรวงฯ และสำนักงานในต่างประเทศ เพื่อแก้ไขปัญหาสถานการณ์ชายแดนดังกล่าวอย่างบูรณาการร่วมกัน นายมาริษ กล่าวถึงผลของการประชุม GBC และข้อตกลงที่เห็นพ้องร่วมกันทั้ง 13 ข้อ ว่าเป็นพัฒนาการและก้าวสำคัญสำหรับการเจรจาการหยุดยิง บรรลุเป้าหมายที่ต้องการในเบื้องต้น ซึ่งต้องขอบคุณมาเลเซีย สหรัฐอเมริกา และจีน ณ ที่นี้ด้วย โดยกระทรวงพร้อมให้การสนับสนุนกระทรวงกลาโหมในการดำเนินการเจรจาต่อไป ซึ่งที่ผ่านมาได้สนับสนุนการดำเนินงานของกระทรวงกลาโหม และทำงานร่วมกันอย่างใกล้ ตั้งแต่การเป็นฝ่ายเลขาฯ การร่างเพื่อเสนอกรอบข้อตกลง โดยหลังจากนี้ไทยพร้อมเปิดรับการเจรจาทวิภาคีผ่านช่องทางทางการทูต เพื่อสนับสนุนภารกิจของกระทรวงกลาโหม ภายใต้เงื่อนไขว่าฝ่ายกัมพูชาเคารพและดำเนินการตามข้อตกลงของการเจรจาหยุดยิงต่อไป […]

ชาวบ้านยังไม่วางใจ แม้บรรลุข้อตกลงหยุดยิง

อุบลราชธานี 7 ส.ค. – ชาวบ้านในพื้นที่ชายแดน จ.อุบลราชธานี ยังไม่วางใจสถานการณ์ แม้ผลประชุม GBC ไทย-กัมพูชา ทั้ง 2 ชาติเห็นพ้องข้อตกลงหยุดยิงแล้ว ค่ำคืนนี้หลายหมู่บ้านยังคงมีคำเตือนให้ออกนอกพื้นที่ หลังบางส่วนทยอยกลับเข้ามา .-สำนักข่าวไทย

กต.อัปเดตสถานการณ์ไทย-กัมพูชา กับทูตไทยทั่วโลก

กระทรวงการต่างประเทศ 7 ส.ค. – กต. นำผลประชุม GBC อัปเดตสถานการณ์ไทย-กัมพูชา กับทูตไทยทั่วโลก เพื่อชี้แจงรัฐบาล-องค์การระหว่างประเทศ พร้อมประเมินระดับความเข้าใจของนานาชาติถึงสถานการณ์ ป้องกันการบิดเบือนข้อมูล นายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ แถลงข่าวเกาะติดพัฒนาการสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา โดยได้สรุปผลการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (General Border Committee : GBC) ไทย-กัมพูชา สมัยวิสามัญ ซึ่งนำโดย พลเอก ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม หัวหน้าคณะผู้แทนไทย โดยมีผู้แทนจากมาเลเซีย สหรัฐอเมริกา และจีน ร่วมสังเกตการณ์ ซึ่งการประชุมเป็นกลไกหารือทวิภาคีระหว่างไทย-กัมพูชา ทั้งนี้ ก่อนการประชุม GBC ประธาน GBC ของทั้ง 2 ฝ่าย ได้เข้าเยี่ยมคารวะ นายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย โดยได้ยืนยันว่ามาเลเซีย รวมถึงประเทศสมาชิกอาเซียนต่างๆ เห็นตรงกันว่าสนับสนุนให้ใช้กลไกทวิภาคีแก้ไขปัญหาระหว่างไทย-กัมพูชา สอดคล้องกับท่าทีของไทย ทั้ง 2 ฝ่ายตกลงปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงอย่างเคร่งครัด โดยไม่เสริมกำลังเพิ่ม หลีกเลี่ยงการกระทำที่ยั่วยุทั้งทางการทหาร […]