10 เม.ย. – ทบ.แจงผู้ขาดการตรวจเลือกทหาร ทางเขต/อำเภอ จะเชิญมาสอบสวนสาเหตุ ส่วน “พระเนติวิทย์ จรณสมฺปนฺโน” หมดผ่อนผันและไม่มาตรวจเลือก จะเชิญมาสอบเหมือนทุกคน
พล.ต.(หญิง) ศิริจันทร์ งาทอง รองโฆษกกองทัพบก กล่าวถึงกรณีการนำเสนอข่าวการตรวจเลือกทหาร กรณีผู้ที่ไม่มารายงานตัวเข้ารับการตรวจเลือกตามหมายเรียกของทางราชการ รวมทั้งกรณี “พระเนติวิทย์ จรณสมฺปนฺโน” ซึ่งยังมีความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนจากความเป็นจริงนั้น
ขอเรียนว่า ขณะนี้กองทัพกำลังอยู่ในระหว่างการตรวจเลือกทหารกองประจำการ ซึ่งได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากชายไทยเข้ารับการตรวจเลือกอย่างต่อเนื่อง แต่มีชายไทยจำนวนหนึ่งที่ไม่สามารถมาเข้ารับการตรวจเลือกตามวัน-เวลาที่ทางราชการกำหนดได้ โดยผู้ที่ไม่มารายงานตัวเข้ารับการตรวจเลือก หรือผู้ขาดการตรวจเลือกนั้น ในขั้นตอนต่อไปทางเจ้าหน้าที่จะปฏิบัติดังนี้
1.ภายหลังการตรวจเลือกทหารปีนี้แล้วเสร็จ หรือภายในเดือนพฤษภาคม 2566 ทางเขต/อำเภอ จะมีหนังสือแจ้งไปยังผู้ที่ขาดการตรวจเลือก เชิญมาสอบสวนเพื่อหาสาเหตุที่ไม่มาเข้ารับการตรวจเลือก
2.หากการสอบสวนของทางกระทรวงมหาดไทย โดยนายอำเภอพิจารณาแล้วพบว่าไม่เป็นเหตุสุดวิสัยและมีความผิด ทางนายอำเภอจะส่งเรื่องให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อดำเนินคดีตามขั้นตอนของกฎหมาย โดยจะมีการออกหมายเชิญเจ้าตัวให้มาสอบปากคำเพื่อทำสำนวนส่งให้อัยการ เพื่อนำเข้าสู่ชั้นศาลต่อไป และหากศาลตัดสินว่ามีความผิด จะมีสภาพเป็น “คนหลีกเลี่ยงขัดขืน” ซึ่งตามกฎหมาย หากมีขนาดร่างกายสมบูรณ์ดีตามที่กฎหมายกำหนดจะต้องเข้ารับราชการทหารโดยไม่ต้องจับใบดำใบแดงในการตรวจเลือกครั้งต่อไป
สำหรับกรณี “พระเนติวิทย์ จรณสมฺปนฺโน” ในปีนี้อยู่ในบัญชีคนที่พ้นฐานะยกเว้นผ่อนผันของอำเภอเมืองสมุทรปราการ และจะต้องไปเข้ารับการตรวจเลือกตามหมายเรียกฯ ของนายอำเภอตามกำหนดในวันที่ 9 เมษายน 2566 ซึ่งในวันนี้ “พระเนติวิทย์ จรณสมฺปนฺโน” ไม่ได้ไปรายงานตัวเข้ารับการตรวจเลือกตามหมายเรียก ทางราชการก็จะปฏิบัติตามหลักการเดียวกัน คือเมื่อเป็นผู้ขาดการตรวจเลือกและมีความผิดตาม พ.ร.บ.รับราชการทหาร มาตรา 27 ขั้นตอนต่อไป ทางอำเภอจะมีหนังสือเชิญมาสอบสวนและให้ข้อมูล โดยไม่ได้มีการออกหมายจับตามที่ข่าวนำเสนอ
ทั้งนี้ ขอเรียนว่าในทุกกระบวนการการตรวจเลือกทหารกองประจำการ ทางราชการโดยคณะกรรมการการตรวจเลือกทุกพื้นที่ พร้อมรับฟังเหตุผลความจำเป็น ข้อจำกัด หรือความต้องการของผู้เข้ารับการตรวจเลือกทุกคน และนำไปสู่การดำเนินการและการแก้ไขปัญหาอย่างเหมาะสม โดยยึดทั้งหลักนิติศาสตร์และรัฐศาสตร์ควบคู่กันไป เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับประชาชนภายใต้ข้อบัญญัติของกฎหมายอย่างเป็นธรรม.-สำนักข่าวไทย