ป้าราชบุรีเคยช่วย “ธนาธร”หาเสียง

ท่าอากาศยานทหาร 2 15 มี.ค.-“เสกสกล” เผยป้าราชบุรีเคยหาเสียงร่วมกับ “ธนาธร” จงใจป่วน วางแผนล่วงหน้าหวังดิสเครดตนายกฯ ลงพื้นที่ราชบุรี ยันตร.ไม่ได้รุนแรงเกินกว่าเหตุ 


นายเสกสกล อัตถาวงศ์ ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี และสมาชิกพรรครวมไทยสร้างชาติ กล่าวถึงเหตุการณ์ควบคุมตัวผู้เห็นต่างทางการเมือง ที่จังหวัดราชบุรี เมื่อวันที่ 13 มีนาคมที่ผ่านมา ว่า จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นสะท้อนว่าคนจังหวัดราชบุรีไม่พอใจกับพฤติกรรมของป้าคนดังกล่าว ซึ่งจากการตรวจสอบข้อมูลทราบว่าเป็นคนใกล้ชิดกับนักการเมืองพรรคการเมืองหนึ่งที่มีความเห็นต่าง เป็นกลุ่มที่มีลักษณะจาบจ้วงสถาบัน ซึ่งที่มาที่ไปนั้น ไม่ใช่เป็นเพียงคนเห็นต่าง แต่มีลักษณะของการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย

“มีหลักฐานว่ากลุ่มคนดังกล่าวมีความใกล้ชิดกับนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ แกนนำคณะก้าวหน้า เพราะเคยร่วมหาเสียงกับนายธนาธร ทำให้เห็นว่าอยู่ฝ่ายตรงข้ามชัดเจน  ซึ่งควรหรือไม่ที่จะมาแสดงพฤติกรรมก้าวร้าว เตรียมการมาล่วงหน้าที่จะมาสร้างสถานการณ์ มาทำคลิปให้สื่อตกหลุมพรางว่าเจ้าหน้าที่ทำเกินกว่าเหตุ ยืนยันว่าเจ้าหน้าที่ไม่ได้ทำเกินกว่าเหตุเลย แต่เป็นการป้องกัน ป้องปราม ไม่ให้ก่อกวนการทำหน้าที่ของผู้นำ เชื่อมั่นว่าพฤติกรรมอย่างนี้ คนไทยและคนราชบุรีไม่เอาด้วย ทำให้เสียภาพพจน์คนราชบุรีที่รักความสงบ และเชื่อว่าการกระทำดังกล่าวจะถูกประณามจากคนทั้งประเทศและคนราชบุรีเอง” นายเสกสกล กล่าว


นายเสกสกล กล่าวว่า การปฎิบัติหน้าที่ของนายกฯ ทำเพื่อประโยชน์ของประชาชน ไปรับฟังปัญหาและดูแลติดตาม สร้างความเจริญให้พื้นที่ แต่บุคคลเหล่านี้กับพยายามเล่นการเมือง และพยายามสร้างข่าวดิสเครดิตนายกรัฐมนตรี ให้เข้าใจว่านายกรัฐมนตรีไปที่ไหนจะมีคนต่อต้านและถูกเจ้าหน้าที่จับกุม ซึ่งยืนยันว่าไม่ใช่ข้อเท็จจริง  และเชื่อว่าจังหวัดอื่นจะไม่มีแบบนี้ และนรัฐมนตรีจะเดินทางลงพื้นที่ทุกจังหวัด ไม่ได้วิตกกังวลอะไร

“ขอร้องอย่าใช้พฤติกรรมแบบนี้กับผู้นำรัฐบาล และต้องขอบคุณเจ้าหน้าที่ในการทำหน้าที่และทำตามกฎหมาย ผมมองว่าการปฎิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ไม่ได้ทำรุนแรงกว่าเหตุ แต่หากไม่ปฏิบัติเช่นนี้ จะทราบได้อย่างไรว่ากลุ่มคนดังกล่าววางแผนจะกระโดดใส่รถนายกฯ หรือไม่ และถ้าเกิดอุบัติเหตุหรือเกิดความรุนแรง ทำให้บาดเจ็บหรือเสียชีวิตอะไรจะเกิดขึ้น สุดท้ายนายกฯ ก็จะถูกประณามอีก” นายเสกสกล กล่าว

นายกเสกสกล ได้ยกตัวอย่างอดีตผู้นำของประเทศญี่ปุ่นที่ถูกลอบสังหาร ว่า หากเกิดเหตุการณ์เช่นนั้น ใครจะรับผิดชอบ ดังนั้น ตำรวจต้องทำงานและระมัดระวังอย่างที่สุด เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์ ไม่ว่าจะฝ่ายใดก็ไม่อยากให้เกิดความสูญเสีย เจ้าหน้าที่ตำรวจทำหน้าที่ตามปกติ ซึ่งประเทศไทยถือว่านิ่มนวลกว่าทุกประเทศ เพราะต่างประเทศมีการกระชากลากถู ดึง ล็อคคอและใส่กุญแจมือ แต่ประเทศไทยนิ่มนวลที่สุด ซึ่งการดำเนินการต่างๆ ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการไปตามกฎหมาย.-สำนักข่าวไทย   


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

จำคุกสมรักษ์คำสิงห์

ศาลสั่งคุก 2 ปี 13 เดือน 10 วัน “สมรักษ์” พยายามข่มขืนสาววัย 17

ศาลจังหวัดขอนแก่น พิพากษาจำคุก “สมรักษ์ คำสิงห์” อดีตนักมวยฮีโร่เหรียญทองโอลิมปิก เป็นเวลา 2 ปี 13 เดือน 10 วัน พร้อมชดใช้ค่าสินไหมทดแทนรวม 170,000 บาท คดีพยายามข่มขืนเด็กสาววัย 17 ปี

Chinese foreign ministry in January 2025

ถอดบทเรียนจากจีน แก้ปัญหาฝุ่นพิษ PM 2.5 จริงจัง

ปักกิ่ง 23 ม.ค. – สถานการณ์ฝุ่นพิษ PM 2.5 ที่กำลังเป็นปัญหาใหญ่และเร่งด่วนในไทยอยู่ในขณะนี้ หลายฝ่ายกำลังหาทางแก้ไขด้วยการมุ่งไปที่ต้นตอที่ทำให้เกิดฝุ่น จากข้อมูลขององค์การอนามัยโลกระบุว่า ในปี พ.ศ. 2542 ประชากรโลกมากถึง 92% ได้รับฝุ่น PM2.5 ในระดับความเข้มข้นสูงกว่าที่องค์การอนามัยโลกกำหนด และถ้ารัฐบาลทุกประเทศไม่เร่งแก้ปัญหาอย่างเอาจริงเอาจัง ภายในอีก 7 ปีข้างหน้า หรือ พ.ศ. 2573 คุณภาพชีวิตคนทั่วโลกจะยิ่งเลวร้ายสุดขีด เพราะปริมาณ PM2.5 จะเพิ่มขึ้นจากเดิม 50% และประเทศที่สามารถพิสูจน์ให้เห็นเป็นตัวอย่างว่า หากรัฐบาลตั้งใจจริงจัง ทุ่มสรรพกำลังความพยายาม จะสามารถกำจัดปัญหาฝุ่นควันพิษได้อย่างแน่นอนนั่นก็คือ จีน   จีนเคยมีคนเสียชีวิตเพราะมลพิษในอากาศปีละหลายล้านคน แต่ทุกวันนี้แม้แต่ธนาคารโลกยังยกย่องจีนว่า เป็นแบบอย่างของความพยายาม สามารถพลิกฟ้าหม่นเพราะฝุ่น PM2.5 ให้กลับเป็นฟ้าใสได้สำเร็จ ความพยายามของเหมา เจ๋อตุง ผู้นำจีนที่มุ่งเปลี่ยนสังคมเกษตรกรรมเป็นสังคมอุตสาหกรรม ทำให้จำนวนโรงงานในจีนเพิ่มขึ้นทวีคูณภายใน พ.ศ. 2502 แน่นอนว่า นโยบายเศรษฐกิจของผู้นำจีนช่วยให้คนจีนหลายล้านหลุดพ้นจากขีดความยากจน แต่ก็ต้องแลกกับชีวิตและสุขภาพ เพราะควันพิษจากโรงงานทำให้ฝุ่น PM2.5 พุ่งในระดับเกินกว่าจะรับไหว กว่ารัฐบาลจะรู้ตัวว่าปัญหามาถึงขั้นวิกฤต […]

คึกคัก คู่รักจูงมือกันไปจดทะเบียนวันแรกกฎหมายสมรสเท่าเทียมมีผล

วันนี้กฎหมายสมรสเท่าเทียมมีผลใช้บังคับอย่างเป็นทางการ หลายคู่รักควงแขนไปจดทะเบียนสมรสกันชื่นมื่น ที่สยามพารากอน มีคู่รักที่ลงทะเบียนมาจดทะเบียนสมรสที่นี่กว่า 300 คู่

ผู้ป่วยเสียชีวิต

รพ.สิรินธร ยืนยันไม่มีผู้ป่วยช็อก-เสียชีวิต จากเหตุชายผิวสีคลุ้มคลั่ง

ผอ.รพ.สิรินธร ยืนยันไม่มีผู้ป่วยช็อก หรือเสียชีวิต จากเหตุต่างชาติผิวสีคลุ้มคลั่ง มีเพียงเจ้าหน้าที่ รพ.บาดเจ็บจากการถูกต่อยเล็กน้อย

ข่าวแนะนำ

ตร.ทางหลวงไล่ล่ากระบะขนแรงงานต่างด้าวลักลอบเข้าไทย

ระทึก! ตำรวจทางหลวงขับรถไล่ล่ากระบะขนแรงงานต่างด้าว 2 คัน สุดท้ายไม่รอด จนมุมบริเวณ ต.หาดท่าเสา อ.เมือง จ.ชัยนาท ตรวจสอบพบแรงงานต่างด้าวจำนวนมาก จึงนำตัวทั้งหมด พร้อมกับคนขับรถทั้ง 2 คัน ส่งดำเนินคดีที่ สภ.เมืองชัยนาท

คุมพ่อชาวรัสเซียฝากขัง จับลูกชายวัย 13 โยนลงทะเลเสียชีวิต

ตำรวจคุมตัว “หนุ่มรัสเซีย” ฝากขัง หลังก่อเหตุโยนลูกวัย 13 ปี ออกจากเรือ บริเวณหมู่เกาะสุรินทร์ จ.พังงา จนถูกใบพัดเรือบาดเจ็บสาหัส ก่อนเสียชีวิตในเวลาต่อมา อ้างเสียความทรงจำ ไม่รู้ทำอะไรลงไป

ดีเอสไอจ่อล่องเรือใช้เลเซอร์สแกนจำลอง 3 มิติ สืบคดี “แตงโม”

ดีเอสไอ นำผู้เชี่ยวชาญหลายด้านเปิดประชุมนัดแรก ลุยสืบสวน “คดีแตงโม” จ่อล่องเรือใช้เลเซอร์สแกนจำลอง 3 มิติ หาพยานหลักฐานใหม่ และบินเก็บข้อมูลระบบ Cloud ในมือถือทุกคนบนเรือ-นอกเรือ