ที่ดินในไทยเหลือเยอะ เหตุคนอยากไปอยู่ ตปท.

สถาบันวิชาการป้องกันประเทศ 9 พ.ย.-นายกฯ เปิดหลักสูตร วปอ.รุ่น 65 ชี้บทบาทภาครัฐไม่ใช่แค่รักษาอธิปไตยถือดาบถือปืนลุยกัน ขอปรับใช้เทคโนโลยี ย้ำประเทศต้องสงบเรียบร้อยเป็นดินแดนสันติภาพ เหน็บ ที่ดินไทยยังเหลือพอ เพราะหลายคนอยากไปอยู่ต่างประเทศ พร้อมยอมรับความเห็นทางการเมือง ลั่นไม่อยากไปทะเลาะกับใครทั้งสิ้น

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานในพิธีเปิดการศึกษาหลักสูตรการป้องกันราชอาณาจักร หรือ วปอ. รุ่นที่ 65 ที่ อาคารอเนกประสงค์ สถาบันวิชาการป้องกันประเทศ และบรรยายหัวข้อวิชา “บทบาทของภาครัฐ เอกชน และการเมืองในการรักษาความมั่นคงแห่งชาติ” ใจความตอนหนึ่ง ระบุว่า ในอดีตผู้เข้ารับการศึกษานี้ จะให้ความสำคัญกับการป้องกันความมั่นคงเป็นหลัก แต่วันนี้ประเทศไทยได้ขับเคลื่อนไปข้างหน้ามากมายในหลายมิติ มีความยึดโยงเชื่อมกันและท่ามกลางสถานการณ์โลกที่เปลี่ยนแปลง มีหลายอย่างที่เกิดขึ้น ดังนั้นบทบาทหน้าที่ของผู้รับการศึกษานี้ จึงต้องมีการปรับเปลี่ยนนอกจากเป็นการป้องกัน และรักษาความสงบแห่งชาติ เป็นการร่วมกันขับเคลื่อนและพัฒนา ในด้านสังคม สิ่งแวดล้อม ธุรกิจ ต่างมีความสัมพันธ์ กันโดยตรงและโดยอ้อม จึงเชื่อว่าทุกคนจะภาคภูมิใจ เช่นเดียวกับตนเอง ที่มองว่าประเทศไทยเป็นประเทศที่ได้เปรียบมีทรัพยากรมีความพร้อมพัฒนาในหลายด้าน แม้ที่ผ่านมาจะประสบปัญหาอยู่บ้างกับสถานการณ์โลก ทั้งโรคระบาด ภัยพิบัติ สถานการณ์ความรุนแรงทำให้ไทยขาดโอกาสในการสร้างความเข้มแข็งและพัฒนาตนเอง แต่อย่าลืมว่าในวิกฤติ นั้นมีโอกาส ดังนั้นโอกาสก็จะเกิดขึ้นจากนักศึกษาทุกคน ที่จะร่วมมือกันในการแก้ปัญหาทั้งในประเทศ และภูมิภาคของโลกด้วย


“ความร่วมมือทุกภาคส่วนถือเป็นสิ่งสำคัญ ประกอบกับความเข้มแข็งของภาครัฐ และเอกชน ในการจะดูแลช่วยเหลือเยียว แก้ปัญหาประชาชนให้ได้ โดยพยายามขับเคลื่อนแผนงานโครงการต่างๆ ให้สำเร็จตามวัตถุประสงค์ ปัจจุบันแม้สถานการณ์ต่างๆ จะคลี่คลายลงแล้ว จึงเป็นเวลาที่ทุกคนจะกลับมาให้ความร่วมมือกันอย่างเต็มที่ จากโครงการต่างๆ ที่ชะลอไว้ ประกอบกับที่ไทยเป็นเจ้าภาพการประชุมเอเปค ถือเป็นโอกาสอันดี ที่รัฐบาลจะแสดงให้ต่างชาติได้เห็นศักยภาพของประเทศในการขับเคลื่อน และพัฒนา ให้บรรลุตามเจตนารมย์ยุทธศาสตร์ชาติได้”

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวนายกรัฐมนตรี ยืนยันว่า ยุทธศาสตร์ชาตินั้น อย่ากลัวว่าจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงใน 20 ปี จึงอยากให้ศึกษารายละเอียด ทำความเข้าใจ เพราะมีการวางแผนทุกช่วงเวลา 5 ปี ต่างประเทศก็ทำเรื่องนี้ ไม่เช่นนั้นก็ไม่สารถทำให้เกิดความต่อเนื่องยั่งยืนได้ เป็นการวางแผนไว้ เพราะบางรัฐบาลมีการทำงานที่สั้น ผลงานจึงไม่ปรากฎออกมา ปัจจุบันยุทธศาสตร์ชาติ ได้เข้าสู่ระยะที่ 2 แล้ว ในระหว่างทางนี้ สามารถปรับเปลี่ยนแก้ไขได้ตามสถานการณ์ หลายคนมองว่าวางไว้นาน เพื่ออยู่ในอำนาจนานหรือไม่ ยืนยันส่วนตัวไม่เคยคิดเช่นนั้น แต่การพัฒนาที่วางไว้ก็ต้องสานต่อ ไม่ว่าจะเป็นรัฐบาลใดก็ตาม ดังนั้นรัฐบาลนี้ ยืนยันว่าโครงการสำคัญ จะทำให้สำเร็จด้วยความต่อเนื่อง ดูจากผลงาน 8 ปี ที่ผ่านมา มีหลายสิ่งที่เกิดขึ้น ทั้งเรื่องโครงสร้างพื้นฐานที่ยังต่อเนื่อง และจะต่อเนื่องไปยังรัฐบาลใหม่ที่จะมา เพื่อมาสานต่อตามยุทธศาสตร์ที่วางไว้


นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวว่า การร่วมมือกันจะต้องมีความเข้าใจกัน แม้ประทั่งประเทศเพื่อนบ้าน ไม่ใช่ไทยจะได้ประโยชน์เพียงอย่างเดียว แต่ต้องเป็นแบบต่างตอบแทน เชื่อมโยงกันได้ มีผลประโยชน์ร่วมกัน เป็นการสร้างความเชื่อมโยงกัน ดังนั้นการมาศึกษาในวันนี้หลายคนมีหลายบทบาทและหน้าที่ จึงต้องอาศัยความร่วมมือ ร่วมใจกันทุกภาคส่วน และความเข้าใจกัน ทั้งนี้บทบาทของภาครัฐ มีหน้าที่หลักในการรักษาอธิปไตย รักษาความเรียบร้อยของประเทศ กำหนดเป้าหมายพัฒนาประเทศ ทั้ง 3 ระดับในปัจจุบัน คือ การวางโครงสร้างพื้นฐาน ให้มีหลักประกันทางสังคม มีสวัสดิการให้เพียงพอ โดยเฉพาะเรื่องสวัสดิการ ที่ต้องมาดูเรื่องงบประมาณ ให้เป็นไปตามระเบียบ สุจริตโปร่งใส มีประสิทธิภาพ และตรวจสอบได้ สิ่งสำคัญคือต้องเพิ่มปริมาณรายได้ให้กับประเทศมากขึ้น การใช้งบฯ จะต้องดูว่าเราหาเงินได้มากเท่าไหร่ ซึ่งในการบริหารงาน 8 ปีที่ผ่านมารัฐบาลได้พยายามทำอย่างดีที่สุด

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า วันนี้สิ่งที่รัฐบาลทำอยู่ คือ จะทำอย่างไรให้ประชาชนที่มีรายได้น้อย มีความอยู่รอด ลดความเหลื่อมล้ำ รัฐบาลกำลังแก้ปัญหาความยากจนรายครัวเรือนแบบพุ่งเป้า ต้องให้ทุกคนสามารถเข้าถึงโอกาสได้อย่างเท่าเทียม หลายคนมองว่าเป็นประชานิยมหรือไม่ แต่สิ่งที่ตนต้องการคือการพุ่งเป้าลงไปในการแก้ไขปัญหา แต่ขึ้นอยู่กับผู้รับว่าจะนำไปใช้อย่างไร

“ผมจะทำทุกอย่างให้โปร่งใสและเป็นธรรมที่สุด ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาได้มีการปรับแก้ปัญหาและอุปสรรคต่างๆ รวมถึงปรับปรุงกฎหมายหลายตัวที่มีมายาวนาน เพราะปัจจุบันกฎหมายบางอย่าง ถือเป็นปัญหาและอุปสรรคในการทำงาน” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว


นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตนไม่ใช่คนที่ดีที่สุดในโลก แต่เป็นคนช่างคิด คิดไปเรื่อย แต่ถ้าเราหยุดคิด ก็จะไม่ได้อะไรขึ้นมาเลย หรือคิดเฉพาะความขัดแย้ง คิดว่าจะไปสู้เขาอย่างไร ซึ่งถือว่าไม่เป็นประโยชน์ คนไทยเข้มแข็ง แข็งแรงอยู่แล้ว แต่ยังแตกแยกกันอยู่ ปัญหาคือความรักสามัคคีของคนในชาติ อย่าเอาตน มาเป็นตัวกำหนดว่า ใครจะรักหรือไม่รักตน แต่ก็ขอบคุณคนที่รักกัน วันนี้มีความสุข ก็อาจจะพูดจาไม่เป็นทางการอยู่บ้าง

นายกรัฐมนตรี กล่าว ถึงการจัดสรรที่ดินให้กับประชาชน ตนและรัฐบาลได้คิดออกมา ถึงได้มีคณะกรรมการที่ดินแห่งชาติขึ้นมา ไปดูการเข้าถึงที่ดินและการทับซ้อนของที่ดินของภาครัฐ ที่มีมากพอสมควร

“วันนี้ที่ดินของประเทศไทยอาจจะลดลงก็ได้ เพราะซ้ำซ้อนกัน แต่ก็เพียงพอ เพราะก็มีคนอยากไปอยู่ต่างประเทศเยอะพอสมควร ที่ดินก็น่าจะพอ พูดไปเดี๋ยวก็เป็นข่าวอีก ตนชอบพูดหาเรื่อง แต่ตนไม่อยากไปตอบโต้ เพราะประเทศชาติเดินไปข้างหน้าด้วยดี” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า สำหรับการตอบรับการเข้าร่วมประชุมเอเปคก็เป็นไปด้วยดี ส่วนใหญ่เป็นผู้นำหลัก ที่เดินทางมา มีเพียงบางประเทศที่ส่งผู้แทน เพราะสถานสถานการณ์ในประเทศมีปัญหา ซึ่งเชื่อว่า การประชุมเอเปคจะเป็นไปได้ด้วยดี ฝากประชาชนช่วยกันเป็นเจ้าภาพที่ดี

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า วันนี้ต้องมีความทันสมัย ทุกอย่างไม่ได้ถือดาบถือปืนรบกันแล้ว ต้องใช้เทคโนโลยี จะทำอย่างไรเราถึงจะมีความสงบเรียบร้อยและไม่มีความขัดแย้งทั้งในประเทศและต่างประเทศ เพราะดินแดนของเราคือดินแดนแห่งความสงบสุขมีสันติภาพ ไม่ว่าจะประเทศไทยและอาเซียน

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตนยอมรับความเห็นทางการเมืองโดยสุจริต แต่หากพูดไม่มีความจริง ตนก็ต้องชี้แจง แต่ตนไม่อยากไปทะเลาะกับใครทั้งสิ้น และอยากฟังเสียงประชาชน

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การเมือง เป็นองค์กรภาคประชาชน ที่ต้องให้ความรู้ประชาชนที่ถูกต้อง เป็นประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข เปรียบทุกส่วนเหมือนมือ ที่มี 5 นิ้ว คือ มีรัฐบาล ภาคเอกชน ภาคการเมือง ความดี และความรู้ ซึ่งถือว่าสำคัญ และวันนี้ถือว่ามีความสุข เพราะพวกเราคือคนไทยด้วยกัน ทั้งรัฐ เอกชน นี่คือประเทศไทย ขอให้ภูมิใจในการทำหน้าที่ของแต่ละคนเพื่อประเทศชาติ ประชาชนและมิตรของเราด้วย.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ชูความสำเร็จทีมไทยแลนด์ ปิดดีลภาษีสหรัฐที่ 19%

ทำเนียบ 1 ส.ค.-โฆษกรัฐบาล เผย ปิดดีลภาษีนำเข้าสหรัฐสำเร็จที่ 19% เกาะกลุ่มระดับใกล้เคียงกับประเทศในภูมิภาค ชู เป็นอีกหนึ่งความสำเร็จสำคัญของทีมไทยแลนด์ ในแนวทาง Win-Win นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลไทยสามารถเจรจาและบรรลุข้อตกลงเกี่ยวกับอัตราภาษีนำเข้าต่างตอบแทน (Reciprocal Tariffs) กับสหรัฐอเมริกาได้สำเร็จ โดยขณะนี้ รัฐบาลสหรัฐได้ประกาศแล้วว่าจะเรียกเก็บอัตราภาษีนำเข้าฯ จากสินค้าของไทยในอัตรา 19 % ซึ่งข้อตกลงดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันนี้วันที่ 1 สิงหาคม 2568 เป็นต้นไป นายจิรายุ กล่าวว่า อัตราภาษีดังกล่าวที่ ต่ำกว่า อัตราเดิม 36 % และเกาะอยู่อยู่ในระดับใกล้เคียงกับประเทศในภูมิภาค อาทิ เวียดนาม ฟิลิปปินส์ และญี่ปุ่น สามารถรักษาการแข่งขันได้ เมื่อเทียบกับประเทศอื่นในภูมิภาคอาเซียน ซึ่งได้เจรจากับสหรัฐสำเร็จแล้วก่อนหน้านี้ “การปิดดีลครั้งนี้ของรัฐบาลไทย ในระดับภาษีนำเข้าฯ ไว้ที่ 19% ถือเป็นอีกหนึ่งความสำเร็จสำคัญของทีมไทยแลนด์ ในแนวทาง Win-Win เพื่อรักษาฐานการส่งออกและเสถียรภาพทางเศรษฐกิจของประเทศในระยะยาว ย้ำถึงศักยภาพของประเทศไทยในเวทีการค้าโลก ท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงในนโยบายการค้าระหว่างประเทศ” นายจิรายุกล่าว […]

รพ.สรรพสิทธิประสงค์ แจ้งยกเลิกรับผู้ป่วยกัมพูชาชั่วคราว

อุบลราชธานี 31 ก.ค. – โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี ออกหนังสือขอยกเลิกการให้บริการผู้ป่วยชาวกัมพูชา และยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา เนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งส่งผลต่อความมั่นคงของประเทศ เมื่อวานนี้ (30 ก.ค.) พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ลงพื้นที่เยี่ยมให้กำลังใจผู้ได้รับบาดเจ็บจากสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา พร้อมทั้งให้กำลังใจแก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติ งานด้านการแพทย์และพยาบาล ณ โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี นายแพทย์ มนต์ชัย วิวัฒนาสิทธิพงศ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร ให้การต้อนรับและรายงานความคืบหน้าการดูแลรักษาผู้ได้รับบาดเจ็บ รวมถึงการเตรียมความพร้อมด้านการรักษาพยาบาลรองรับสถานการณ์ฉุกเฉินในพื้นที่ชายแดน รพ.สรรพสิทธิประสงค์ แจ้งยกเลิกรับผู้ป่วยกัมพูชาชั่วคราวขณะที่ในวันเดียวกัน โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ ได้ออกเอกสารขอยกเลิกการให้บริการผู้ป่วยชาวกัมพูชา และยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา ใจความในหนังสือว่า “โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ได้ให้การตรวจรักษาพยาบาลแก่ผู้ป่วยทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ รวมถึงผู้ป่วยชาวกัมพูชาที่เดินทางเข้ามารักษาอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งส่งผลต่อความมั่นคงของประเทศ และจากมติที่ประชุมคณะกรรมการคลินิกพิเศษนอกเวลาราชการ โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ มีมติดังนี้ 1.ยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา และจิตอาสาภาษาต่างประเทศ2.ปิดการให้บริการ SMC Premium ชั่วคราว3.ยกเลิกการรับยาแทน และงดรับเคสใหม่ผู้ป่วยชาวกัมพูชา4.ผู้ป่วยชาวกัมพูชาที่ยังนอนอยู่ในโรงพยาบาลให้จำกัดพื้นที่ชัดเจน ในการนี้ให้มีผลตั้งแต่วันที่ 31 กรกฎาคม 2568 ถึงวันที่ 10 […]

รมช.มท. โฟนอินผู้ว่าฯ อุบลฯ ตอบกลางสภา ยันไม่มีปัญหาเบิกจ่ายงบ

รัฐสภา 31 ก.ค.-สส.ศรีสะเกษ ภูมิใจไทย ทวงถามเงินช่วยเหลือเยียวยาจังหวัดชายแดนไทย-กัมพูชา ชี้ตั้งแต่วันแรกยังไม่ได้เงินรัฐบาลสักบาท ซัด “ผู้ว่าฯ อุบล” อ้างกลัวติดคุกไม่กล้าเบิกงบ ด้าน รมช.มหาดไทย ต่อสายโฟนอิน ผู้ว่าฯ ตอบกลางสภา ยืนยันไม่มีปัญหาเบิกจ่ายงบ ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ทำหน้าที่ประธานการประชุม พิจารณากระทู้ถามสดด้วยวาจา โดยนายธนา กิจไพบูลย์ชัย สส.ศรีสะเกษ พรรคภูมิใจไทย สอบถามกรณีเหตุปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งนายกรัฐมนตรี มอบหมาย นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย เป็นผู้ตอบกระทู้ แต่เนื่องจากนายภูมิธรรม ติดภารกิจจึงมอบหมายให้ น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รมช.มหาดไทย ชี้แจงแทน นายธนา กล่าวว่า จากเหตุปะทะบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ส่งผลกระทบต่อประชาชนในพื้นที่ 4 จังหวัดชายแดน ทั้งศรีสะเกษ สุรินทร์ บุรีรัมย์ และอุบลราชธานี ตั้งแต่เกิดเหตุจนถึงขณะนี้ ยังไม่มีงบประมาณจากส่วนกลางลงพื้นที่แม้แต่บาทเดียว ทุกวันนี้เราอาศัยเงินบริจาคเป็นหลัก และนำงบขององค์การปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) […]

ทูตไทยตอบโต้กัมพูชา หลังยกกรณีปัญหาชายแดนที่ยูเอ็น

นิวยอร์ก 31 ก.ค. – เอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรไทยประจำองค์การสหประชาชาติ โต้ผู้แทนกัมพูชา ซึ่งหยิบประเด็นชายแดนไทย-กัมพูชา ขึ้นพูดผิดกาลเทศะ ผิดวาระ ในที่ประชุมสหประชาชาติ วาระสำคัญของการประชุมระดับสูงระหว่างประเทศในเวทีสหประชาชาติ ที่นครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐ เมื่อวานนี้ คือการผลักดันเพื่อระงับข้อพิพาทปัญหาปาเลสไตน์โดยสันติวิธี แต่ปรากฏว่านาย เจีย แก้ว เอกอัครราชทูตกัมพูชาประจำสหประชาชาติ กลับพูดในประเด็นที่ไม่เกี่ยวข้องกับวาระการประชุม โดยพาดพิงถึงไทยเกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา นายเชิดชาย ใช้ไววิทย์ เอกอัครราชทูต ผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติ จึงกล่าวตอบโต้โดยชี้แจงข้อมูลความจริงในประเด็นที่กัมพูชาละเมิดข้อตกลงหยุดยิง โดยระบุว่า เป็นที่น่าเสียดายที่มีคณะผู้แทนหยิบยกประเด็นที่ไม่เกี่ยวข้องขึ้นมาในที่ประชุม ซึ่งเป็นเวทีที่หลายฝ่ายรอคอย และมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมการสนับสนุนจากประชาคมระหว่างประเทศต่อการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลและปาเลสไตน์อย่างเป็นธรรม ถาวร และครอบคลุม ผ่านแนวทางสันติวิธีโดยการดำเนินการตามแนวทางสองรัฐ นายเชิดชาย กล่าวในที่ประชุมว่า ประเทศไทยไม่ได้มีเจตนาจะนำเรื่องทวิภาคีเข้าสู่เวทีสำคัญดังกล่าว แต่ต้องขอชี้แจงข้อเท็จจริงเพื่อป้องกันความเข้าใจผิด โดยย้ำว่าเมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 2568 ไทยและกัมพูชา ได้บรรลุข้อตกลงหยุดยิง โดยได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ในฐานะประธานอาเซียน แต่หลังจากที่ข้อตกลงหยุดยิงมีผลบังคับใช้ในวันที่ 29 กรกฎาคม อีกฝ่ายกลับใช้อาวุธข้ามพรมแดน และบุกรุกเข้ามาในดินแดนของไทยอีกครั้ง ซึ่งถือเป็นการละเมิดข้อตกลงอย่างร้ายแรง ประเทศไทยจึงขอเรียกร้องให้ประเทศเพื่อนบ้านปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงอย่างเคร่งครัด และยืนยันความมุ่งมั่นของไทยที่จะใช้กลไกทวิภาคีที่มีอยู่ในการแก้ไขปัญหา หลีกเลี่ยงการเผยแพร่ข้อมูลที่เป็นเท็จหรือทำให้เข้าใจผิด และให้มีส่วนร่วมด้วยเจตนาดี.-810.-813.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

มทภ.2 ยันไม่เคยสั่งกำลังพลไปเก็บศพเขมร อย่าเชื่อข่าวปลอม

5 ส.ค. – แม่ทัพภาคที่ 2 ยืนยันไม่เคยมีคำสั่งให้กำลังพลไปเก็บศพชาวกัมพูชา บริเวณชายแดน ขออย่าหลงเชื่อข่าวปลอม เมื่อวันที่ 5 ส.ค.68 พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 เปิดเผยว่า จากกรณีที่สื่อโซเชียลมีเดียได้ลงข้อความอันเป็นเท็จ ที่ทำให้พี่น้องประชาชนเข้าใจผิดว่า แม่ทัพภาคที่ 2 ได้สั่งให้กำลังพลไปเก็บศพชาวกัมพูชาที่อยู่บริเวณชายแดนนั้น ตนยืนยันว่าไม่เป็นความจริง และไม่เคยมีคำสั่งให้กำลังพลไปปฏิบัติอย่างนั้น ผู้เสียชีวิตนั้นเป็นชาวกัมพูชา ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับทางประเทศไทย “ผมไม่เคยมีคำสั่งแบบนี้ และขอยืนยันว่า ข่าวที่ออกมานั้นเป็นข่าวปลอม ขอให้พี่น้องประชาชนอย่าได้หลงเชื่อ“ แม่ทัพภาคที่ 2 กล่าว.-313-สำนักข่าวไทย

ทหารไทยยอมรับได้กลิ่นศพทหารกัมพูชาจริง

ศรีสะเกษ 5 ส.ค. – วันนี้ยังมีการเก็บกู้ระเบิดที่กัมพูชายิงเข้ามาในพื้นที่พลเรือนฝั่งไทย ส่วนเมื่อคืนนี้ (4 ส.ค.) เป็นคืนแรกของการประชุม GBC ชุด ชรบ.หมู่บ้านแนวชายแดน อ.กันทรลักษ์ จึงออกตรวจตราเข้มข้น ขณะที่ทหารแนวหน้ายอมรับได้กลิ่นศพทหารกัมพูชาจริง ทีมข่าวมีโอกาสได้พูดคุยกับทหารที่ปฏิบัติหน้าที่ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา สอบถามถึงเรื่องที่กำลังเป็นประเด็น คือกลิ่นศพของทหารกัมพูชา ทหารยอมรับว่ามีกลิ่นจริง และมีศพทหารกัมพูชาถูกทิ้งไว้จริง แต่ไม่สามารถทำอะไรได้ เพราะอยู่ในระหว่างการปฏิบัติหน้าที่ หากมีหน้ากากอนามัยเชื่อว่าจะช่วยบรรเทาได้บ้าง อย่างไรก็ตาม ขณะนี้มีหน้ากาก N95 ส่งถึงพื้นที่บ้างแล้ว พร้อมขอบคุณพี่น้องประชาชนที่ส่งกำลังใจ ทหารยังพร้อมปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มกำลังความสามารถ วันนี้ทีมข่าวยังเกาะติดภารกิจเก็บกู้ระเบิดที่กัมพูชายิงใส่พื้นที่พลเรือนของไทยใน อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ จุดแรก จรวด BM-21 ถูกกัมพูชายิงตกใส่ลงทุ่งนาของชาวบ้าน พื้นที่ ต.ทุ่งใหญ่ เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม วันเดียวกับที่ยิงใส่ปั๊ม ปตท.บ้านผือ โดยห่างกันราว 1 กิโลเมตร ส่วนอีกจุดเป็นการทำลายลูกจรวด PG-7 ที่ถูกยิงจากเครื่องยิงจรวด RPG ตกลงในสวนยางพาราของชาวบ้าน ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ ที่ถูกพบในสภาพพร้อมทำงาน จุดนี้อยู่ห่างจากชายแดนกัมพูชาเพียง […]

เปิดศักยภาพ Gripen เขี้ยวเล็บใหม่กองทัพอากาศไทย

5 ส.ค. – เปิดคุณสมบัติโดดเด่นของ “กริพเพน” เครื่องบินรบฝูงใหม่ ซึ่งกองทัพอากาศและประเทศไทยกำลังจะทำสัญญาจัดซื้อจากสวีเดน .-สำนักข่าวไทย

มทภ.2 ขึ้นภูมะเขือ ย้ำกำลังพลไม่ประมาท นำร้องเพลงชาติไทย

5 ส.ค.- แม่ทัพภาค 2 ตรวจเยี่ยมภูมะเขือ ย้ำกำลังพลไม่ประมาท ปกป้องอธิปไตย พร้อมร่วมร้องเพลงชาติ เมื่อเวลา 17.00 น. วันที่ 5 ส.ค.68 พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ลงพื้นที่หน่วยเฉพาะกิจที่ 1 กองกำลังสุรนารี พื้นที่ภูมะเขือ อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ โดยได้ทำการเดินลาดตระเวน ตรวจเยี่ยมให้กำลังใจกำลังพลที่วางกำลังฐานปฏิบัติการ ทั้งนี้ มีพระสงฆ์จำนวน 3 รูปจากวัดใกล้เคียง มารอแม่ทัพภาคที่ 2 เพื่อมอบวัตถุมงคลและให้กำลังใจในการปฏิบัติหน้าที่ พร้อมให้พรกำลังพลทุกนาย ให้แคล้วคลาดปลอดภัยจากอันตรายต่างๆ จากนั้นแม่ทัพภาคที่ 2 ได้ฟังบรรยายสรุปสถานการณ์ในพื้นที่ภูมะเขือ โดยเน้นย้ำให้อยู่ในความไม่ประมาท ปฏิบัติหน้าที่รักษาอธิปไตยของชาติ ด้วยความปลอดภัยและให้ดูแลรักษาสุขภาพให้ดี จากนั้น พล.ท.บุญสิน ได้ให้กำลังพลเปลี่ยนธงชาติไทยผืนใหญ่กว่าเดิม นำร้องเพลงชาติบนยอดภูมะเขือร่วมกัน ก่อนเดินทางกลับได้มอบเครื่องอุปโภคบริโภคและถ่ายรูปร่วมกับกำลังพล -สำนักข่าวไทย