นายกฯ ชู 3 แนวทางพัฒนาประเทศ

กทม. 27 ต.ค.-นายกฯ ปาฐกถาพิเศษงาน “Bangkok Post Forum 2022: Accelerating Thailand” ยึดหลัก ”ทำให้สำเร็จ” ผลักดัน 3 แกนหลักพัฒนาประเทศ ชูพัฒนาขนส่งระบบรางใน กทม.ใกล้เคียงกรุงโตเกียว ลอนดอน เผยผสานความแข็งกร้าวของตัวเอง เพื่อให้งานเดินหน้า แม้ต้องเสียเพื่อน ก็ยอมแลก

พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวปาฐกถาพิเศษในงานสัมมนาประจำปี  “Bangkok Post Forum 2022” ในหัวข้อ “Accelerating Thailand (เร่งเครื่องประเทศไทย)”  ณ โรงแรมเซ็นทาราแกรนด์ แอท เซ็นทรัลเวิลด์    นายกรัฐมนตรี  กล่าวแสดงวิสัยทัศน์ต่อแนวทางในการทำงานเพื่อขับเคลื่อนประเทศไทยให้ก้าวไปข้างหน้า  โดยหลักการสำคัญที่เป็นแนวทางการทำงาน สรุปได้ในสามคำ คือ “ทำให้สำเร็จ” (GET THINGS DONE) โดยทำสิ่งต่างๆ ให้เกิดขึ้นจริงให้ได้และเตรียมประเทศให้พร้อมสำหรับอนาคต  เพื่อลูกหลาน  ให้ประเทศเดินไปข้างหน้า เจริญรุ่งเรืองอย่างยั่งยืนเป็นเส้นทางที่คนไทยจะต้องจับมือไปด้วยกัน รวมทั้งจับมือกับเพื่อนบ้านและสังคมโลกด้วย


นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า หลายปีที่ผ่านมาความขัดแย้งทางการเมืองเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้รัฐบาลหลายสมัยมีความยากลำบากในการเดินหน้าประเทศ  ผลที่ตามมาคือ ทำให้ขีดความสามารถในการแข่งขันของไทย   บนเวทีระดับโลกค่อยๆ ลดลง และคนไทยกว่า 70 ล้านคนสูญเสียโอกาสมากมาย

นายกมนตรี กล่าวถึงกลยุทธ์ 3 แกนสำคัญ  เพื่อสร้างอนาคตร่วมกัน ได้แก่ แกนที่ 1 โครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญของประเทศ โดยเฉพาะโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่ง การมีระบบคมนาคมทางราง ทางถนน สนามบิน  ท่าเรือทางทะเล และโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัลที่มีประสิทธิภาพ  จะช่วยให้ทุกคนซื้อข้าวของต่างๆ ได้ในราคาที่ถูกลง ทำสิ่งต่างๆ ได้รวดเร็วขึ้น  ค้าขายและบริการ ได้มากขึ้น  ตลอดจนนำพานักท่องเที่ยวเข้าประเทศได้มากขึ้น


 แกนที่ 2 อุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าและการเกษตรสมัยใหม่  อุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า จะเป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมที่ใหญ่ที่สุดของโลกในอนาคต ประเทศไทยจะต้องรีบเตรียมความพร้อมและก้าวเข้าสู่เทรนด์โลกนี้ให้ได้  เพราะคือหนึ่งในเครื่องมือที่สำคัญที่สุดของโลกในการสร้างความมั่งคั่ง สร้างงาน สร้างโอกาส สร้างความกินดีอยู่ดีให้คนเป็นล้านๆ และเป็นการรักษาสิ่งแวดล้อมไปด้วย

นายกรัฐมนตรี เน้นย้ำว่า เราต้องเดินหน้าให้เร็วกว่าประเทศอื่น ในการดึงเอาฐานการผลิตยานยนต์มาในประเทศไทย  ให้ผู้ผลิตยานยนต์ไฟฟ้ารายใหม่ๆ ที่สำคัญของโลกมาตั้งโรงงานผลิตในประเทศไทย และรักษาผู้ผลิตยานยนต์ปัจจุบันให้ยังอยู่ในประเทศไทยต่อไป 

แกนที่ 3 ภาคการธนาคาร โดยขอให้ธนาคารเร่งหาวิธีการใหม่ๆ ใช้ในการประเมินความสามารถของผู้กู้ ที่เป็นคนตัวเล็ก ธุรกิจค้าขายเล็กๆ และคนที่ทำมาหาเลี้ยงตัวเอง โดยพิจารณาบนพื้นฐานความสามารถ และความตั้งใจที่จะชำระคืนเงินกู้ เพื่อเปิดโอกาส ให้คนจำนวนหนึ่ง  จาก 30 ล้านคนที่ไม่เคยกู้เงินธนาคารได้  ได้มีส่วนร่วมในการสร้างความรุ่งเรืองให้กับประเทศด้วย 


นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวถึง การเร่งเครื่องเรื่องโครงสร้างพื้นฐาน การผลิตยานยนต์ไฟฟ้า และภาคการธนาคารที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยี รัฐบาลกำลังเปิด 3 เส้นทางเชื่อมต่อกัน เรียกว่าเชื่อมไทยเดินหน้า

“ถึงแม้ว่าจะต้องเจอกับโรคระบาดร้ายแรง  แต่เรายังคงสู้อยู่บนเส้นทางที่มุ่งไปสู่เป้าหมายของเรา  ผมต้องขอขอบคุณความร่วมมือจากพรรคร่วมรัฐบาล  ความใจสู้ของข้าราชการไทย   ความไม่ยอมแพ้ของภาคเกษตรกรและภาคเอกชน และที่สำคัญที่สุด คือสปิริตของคนไทย   ที่พร้อมร่วมมือกัน และเต็มใจที่จะเสียสละบางอย่าง  เพื่อประโยชน์ของประเทศในวงกว้าง” นายกรัฐมนตรี กล่าว

นายกรัฐมนตรี ได้ยกตัวอย่างความคืบหน้าที่สำคัญ ได้แก่ ภาคส่วนการธนาคาร โดยจะผลักดันให้ภาคการเงินของประเทศไทย ใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยและทำให้ประชาชนทุกกลุ่ม  สามารถเข้าถึงบริการทางการเงินต่างๆ ได้ในวงกว้างมากยิ่งขึ้น 

ภาคยานยนต์ไฟฟ้า ได้เดินหน้าอย่างเต็มกำลัง   ซึ่ง FOXCONN หนึ่งในผู้ผลิตเทคโนโลยีที่ใหญ่ที่สุดของโลกและเป็นหนึ่งในผู้ผลิตโทรศัพท์ที่ใหญ่ที่สุด ได้ยืนยันแล้วว่า จะตั้งโรงงานผลิตยานยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทย  และ BYD ผู้ผลิตยานยนต์ไฟฟ้ารายใหญ่ที่สุดของโลก ได้ยืนยันแล้วเช่นกันว่า จะตั้งโรงงานผลิตในประเทศไทย  จึงถือเป็นความสำเร็จที่ได้ปฏิบัติการเชิงรุกในการดึงดูดผู้ผลิตรายใหม่ๆ ในตลาดรถยนต์ไฟฟ้าเข้ามาตั้งฐานการผลิตในประเทศไทย    โดยนอกจาก 2 บริษัทนี้แล้ว ก็ยังมี MG, GWM, Volt และผู้ผลิตรถยนต์ที่มีฐานการผลิตในประเทศไทยมายาวนาน อย่าง เบนซ์ และ TOYOTA ยืนยันจะใช้ไทยเป็นฐานในการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าเช่นกัน

 นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า จะทำสิ่งต่างๆ นี้ให้สำเร็จเรียบร้อย ภายในไม่เกิน 12 เดือนข้างหน้านี้  และเมื่อทำสำเร็จประเทศไทยจะก้าวสู่การเป็นประเทศผู้ผลิตยานยนต์ไฟฟ้าที่สำคัญที่สุดแห่งหนึ่งของโลกได้ ในที่สุด

 ขณะที่โครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งและด้านดิจิทัล เช่น ท่าเรือแหลมฉบัง เป็นจุดเชื่อมต่อทางทะเลทางหลักที่เชื่อมประเทศไทยกับโลก เป็นจุดที่รองรับมากกว่า 50% ของการส่งออกทั้งหมดของประเทศไทยและรองรับการส่งออกยานยนต์ และผลักดันอย่างเต็มที่ เพื่อเดินหน้าให้ได้อย่างรวดเร็ว ขยายส่วนสำคัญของโครงการ โดยภายในเวลา 2 ปีข้างหน้า ท่าเรือแหลมฉบังจะมีขีดความสามารถในการให้บริการเพิ่มเติมอีกประมาณ 30%   นอกจากนั้น ได้เพิ่มขีดความสามารถในการให้บริการของท่าเรือขึ้นอีก 50% เพื่อรองรับการส่งออกยานยนต์  จากปัจจุบันรองรับการส่งออกได้ราว ๆ  2 ล้านคันต่อปี เพิ่มเป็น 3 ล้านคันต่อปี  และจะสร้างท่าเรือแหลมฉบังให้เป็นหนึ่งในห้า Gateway Port ที่ใหญ่ที่สุดของโลก รองรับเรือเดินสมุทรขนส่งสินค้าที่ใหญ่ที่สุดของโลก

 นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวว่า ในเวลา 5 ปีที่ผ่านมา รัฐบาลได้ก่อสร้างเส้นทางรถไฟ เป็นระยะทางที่มากกว่าระยะทางทั้งหมดที่มีอยู่ก่อนหน้านี้ ซึ่งจะพลิกโฉมโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งของประเทศไทยไปอย่างสิ้นเชิง และพลิกโฉมการเชื่อมต่อกับภูมิภาค ขนส่งได้เร็วขึ้น และค่าใช้จ่ายถูกลง เข้าถึงตลาดได้มากขึ้น กระจายความรุ่งเรืองไปทั่วประเทศ ตลอดจนขยายเส้นทางระบบขนส่งมวลชนทางรางในเมือง และกำลังสร้างเพิ่มอีกเท่าตัว ทั้งในกรุงเทพฯ และปริมณฑล ซึ่งจะเปิดให้บริการได้ ในอีก 3 ปีข้างหน้า อีกทั้ง จะทำให้ระบบขนส่งมวลชนทางรางในเมืองของกรุงเทพฯ อยู่ในระดับเดียวกับที่โตเกียว และใกล้เคียงกับที่ลอนดอน ในเรื่องของระยะทางและจำนวนสถานี

ส่วนในภาคพลังงาน รัฐบาลมุ่งหวังให้มีพลังงานเพียงพอ โดยจะสร้างขีดความสามารถในการผลิตกระแสไฟฟ้าประมาณมากกว่า 80,000 เมกกะวัตต์ มีพลังงานหมุนเวียน ประมาณ 16,000 เมกกะวัตต์  และให้กระทรวงพลังงานให้พิจารณาศักยภาพของในการผลิตพลังงานหมุนเวียนเพิ่มเติม

 “ถ้าเราจะเป็นผู้นำที่ประสบความสำเร็จ เราต้องมีความอดทนและเข้าใจ เมื่อผลที่ได้อาจจะไม่เพอร์เฟ็ค แต่ก็เพื่อจะให้ชิ้นงานต่างๆ เกิดขึ้นได้ ผมรู้ว่า ถ้าเรามองสไตล์การทำงานแบบนี้ หลายท่านอาจจะเห็นว่าเป็นเรื่องที่น่าอึดอัดใจ แต่ก็เป็นวิธีการบริหารที่ผมเชื่อว่า สังคมจะเดินหน้าไปได้โดยไม่ทิ้งรอยแตกร้าวอย่างถาวร ระหว่างคนกลุ่มต่างๆ และเมื่อผมทำงานในสไตล์นี้  ท่านอาจสงสัยว่า ทำไมบางทีผมใจร้อนเกินไป หรือบางทีใจเย็นเกินไป  ก็เพราะผมพยายามผสมผสานความแข็งกร้าว  เพื่อที่จะให้งานเดินหน้า กับความยืดหยุ่น  เพื่อที่จะให้หลายกลุ่มหลายฝ่ายเดินไปด้วยกันได้” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว  

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตระหนักดีว่า บางครั้งความแข็งกร้าวของตน ทำให้ต้องเสียเพื่อน แต่เป็นสิ่งที่ต้องยอมแลก เพื่อจะทำสิ่งต่างๆ ที่จำเป็นสำหรับประเทศ ให้เกิดขึ้นจริงให้ได้ จึงขอให้เข้าใจในความตั้งใจ ที่พยายามที่จะขับเคลื่อนสิ่งต่างๆ ให้เกิดขึ้นจริงให้ได้ และขอให้นักลงทุนเชื่อมั่นว่า ไทยได้เดินหน้ามาจนถึงจุดหมายการมีโครงสร้างพื้นฐานที่ครอบคลุมเป็นฐานที่แข็งแรง  เพื่อให้ภาคเอกชนได้ร่วมกันสร้างประเทศต่อไป.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ไฟไหม้รถยนต์ อดีต สส.ศิริโชค วอดทั้งคัน

สงขลา 5 ก.ค.-“ศิริโชค” อดีต สส.ปชป. เผยเหตุระทึก รถยนต์ PHEV ไฟลุกไหม้วอดทั้งคันกลางดึก ทั้งที่ไม่ได้ชาร์จ ภาพคลิปเหตุการณ์ไฟไหม้รถยนต์ส่วนตัวของนายศิริโชค โสภา อดีต สส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งจอดอยู่บริเวณบ้านพักที่ อ.นาทวี จ.สงขลา ช่วงตี 3 เมื่อเช้ามืดที่ผ่านมา (5 ก.ค.68) โดยเพจเฟซบุ๊ก “ศิริโชค โสภา” ได้โพสต์คลิปเหตุการณ์ พร้อมระบุข้อความว่า “อุทาหรณ์สยอง! ผมตื่นมากับเปลวเพลิงกลางดึก-ไฟลุกท่วมรถ PHEV ทั้งคัน ทั้งที่ไม่ได้ชาร์จ! เช้ามืดวันนี้ ผมสะดุ้งตื่นขึ้นมาพร้อมเสียง “ปะทุ” ดังสนั่นกลางความเงียบของตีสาม…เมื่อรีบวิ่งออกมาดู สิ่งที่ผมเห็นคือเปลวไฟสีส้มแดงกำลังลุกโชนอย่างบ้าคลั่งจากรถยนต์ PHEV ที่จอดนิ่งหน้าบ้าน ตอนนั้นผมไม่ได้เสียบชาร์จไว้ด้วยซ้ำ-จอดไว้เฉยๆ แต่จู่ๆ ไฟกลับลุกขึ้นมาเอง โดยไม่มีสัญญาณเตือนล่วงหน้าแม้แต่นิดเดียว รถดับเพลิงต้องใช้เวลาหลายนาทีกว่าจะควบคุมเพลิงได้ และเมื่อไฟดับลง… สิ่งที่เหลืออยู่คือซากรถที่ไหม้เกรียมทั้งคันนี่ไม่ใช่แค่ความเสียหาย แต่คือคำเตือนที่น่ากลัวสำหรับผู้ใช้รถ EV และ PHEVแม้ไม่ได้ชาร์จ แม้จอดนิ่ง แบตเตอรี่ก็ยังมีโอกาสลุกไหม้ได้เองโดยไม่ทันตั้งตัว ไฟฟ้าเงียบ-แต่มันเผาผลาญทุกอย่างได้ในพริบตา ต่อมาผู้สื่อข่าวได้ […]

ตาขับรถทับศีรษะหลานวัย 1 ขวบ ดับสลด

สุราษฎร์ธานี 5 ก.ค. – สุดสลด ตาขับรถกระบะไม่ทันดู เหยียบศีรษะหลานสาว วัย 1 ขวบ 5 เดือนเสียชีวิตคาที่ ตายายร้องไห้แทบขาดใจ สุดสลด ตาขับรถกระบะไม่ทันดู เหยียบศีรษะหลานสาว วัย 1 ขวบ 5 เดือนเสียชีวิตคาที่ หลังจากที่ตากลับจากซื้อของที่ตลาด เมื่อมาถึงบ้านซึ่งเปิดเป็นร้านขายของชำในอำเภอพระแสง จังหวัดสุราษฎร์ธานี ได้ขนของลงจากรถเสร็จ ระหว่างจะนำรถไปจอดไม่ทันสังเกตว่าหลานวิ่งอ้อมรถมา รู้อีกทีล้อรถหน้าด้านคนขับเหยียบเข้าที่ศีรษะของหลานแล้ว ทำให้หลานเสียชีวิตทันที เมื่อเห็นร่างหลาน ตาและยายร้องไห้แทบขาดใจ เพราะเลี้ยงหลานคนนี้มาตั้งแต่เล็กๆ ก่อนนำร่างส่งชันสูตรที่โรงพยาบาลพระแสงต่อไป.- สำนักข่าวไทย

อ.อ๊อด ชี้เป็นเหตุการณ์ที่ไม่ปกติ กรณีรถยนต์ไฟฟ้า อดีตสส.สงขลา ไฟไหม้

นครปฐม 5 ก.ค. – อาจารย์อ๊อด นักวิชาการสาขาเคมีอินทรีย์ แสดงความคิดเห็นว่า กรณีรถยนต์ไฟฟ้าของนายศิริโชค โสภา อดีต สส.สงขลา เกิดไฟไหม้ ถือเป็นเหตุการณ์ไม่ปกติ และแบตเตอรี่อาจจะมีปัญหา จากกรณีเพจเฟซบุ๊ก Sirichok Sopha หรือ นายศิริโชค โสภา อดีต สส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ แชร์ประสบการณ์ โดยระบุข้อความว่า “เช้ามืดวันนี้ ผมสะดุ้งตื่นขึ้นมาพร้อมเสียง “ปะทุ” ดังสนั่นกลางความเงียบของตีสาม…เมื่อรีบวิ่งออกมาดู สิ่งที่ผมเห็นคือเปลวไฟสีส้มแดงกำลังลุกโชนอย่างบ้าคลั่งจากรถยนต์ PHEV ที่จอดนิ่งหน้าบ้าน รถคันนี้ซื้อจากศูนย์หาดใหญ่เมื่อ 2 ปีก่อน ผมใช้งานตามปกติ และที่สำคัญคือ ตอนนั้นผมไม่ได้เสียบชาร์จไว้ด้วยซ้ำ-จอดไว้เฉยๆแต่จู่ๆ ไฟกลับลุกขึ้นมาเอง โดยไม่มีสัญญาณเตือนล่วงหน้าแม้แต่นิดเดียวรถดับเพลิงต้องใช้เวลาหลายนาทีกว่าจะควบคุมเพลิงได้ และเมื่อไฟดับลง… สิ่งที่เหลืออยู่คือ ซากรถที่ไหม้เกรียมทั้งคันนี่ไม่ใช่แค่ความเสียหาย แต่คือคำเตือนที่น่ากลัวสำหรับผู้ใช้รถ EV และ PHEVแม้ไม่ได้ชาร์จ แม้จอดนิ่ง แบตเตอรี่ก็ยังมีโอกาสลุกไหม้ได้เองโดยไม่ทันตั้งตัวไฟฟ้าเงียบ-แต่มันเผาผลาญทุกอย่างได้ในพริบตา” รศ.ดร.วีรชัย พุทธวงศ์ หรือ อาจารย์อ๊อด นักวิชาการสาขาเคมีอินทรีย์ ผู้ช่วยอธิการบดีฝ่ายนวัตกรรมและกิจการเพื่อสังคม […]

สพฐ. จัดทีมนิติกรช่วยครูการเงิน

กทม. 5 ก.ค.-สพฐ. จัดทีมนิติกรช่วยครูการเงิน กรณีถูกชี้มูลร่วมลงชื่อเบิกจ่ายค่าอาหารกลางวัน วันที่ 4 กรกฎาคม 2568 ว่าที่ร้อยตรี ธนุ วงษ์จินดา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน เปิดเผยว่า ตามที่มีรายงานข่าวผ่านสื่อสังคมออนไลน์ กรณีข้าราชการครูผู้รับผิดชอบงานการเงินของโรงเรียนแห่งหนึ่งในจังหวัดกาญจนบุรี ได้ร้องขอความเป็นธรรมภายหลังถูกชี้มูลความผิดร่วมกับอดีตผู้อำนวยการโรงเรียน จากการลงนามในเอกสารเบิกจ่ายค่าอาหารกลางวัน โดยยืนยันว่าไม่ได้มีส่วนร่วมในการกระทำความผิดนั้น สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงร่วมกับสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาต้นสังกัด และยืนยันว่า ขณะนี้ยังไม่มีคำสั่งลงโทษทางวินัยออกโดยเขตพื้นที่ฯ แต่อย่างใด สำหรับการดำเนินการในขั้นต่อไป สพฐ. ได้จัดเตรียมนิติกรจากส่วนกลาง เพื่อสนับสนุนการให้คำปรึกษาทางกฎหมายและการรวบรวมข้อมูลที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้ครูสามารถใช้สิทธิในการอุทธรณ์ต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (คณะกรรมการ ป.ป.ช.) ตามมาตรา 99 แห่งพระราชบัญญัติ ป.ป.ช. พ.ศ. 2561 ได้อย่างเต็มที่ เลขาธิการ กพฐ. ระบุว่า กรณีนี้สะท้อนถึงความจำเป็นที่ต้องทบทวนบทบาทภาระงานของครูในภารกิจที่ไม่เกี่ยวข้องกับการจัดการเรียนการสอน โดยเฉพาะงานด้านการเงินและพัสดุ ซึ่งมีความซับซ้อนและมีความเสี่ยงเชิงกฎหมายสูง สพฐ. จึงอยู่ระหว่างการปรับปรุงระบบสนับสนุนภายในโรงเรียน เพื่อให้โครงสร้างงานสนับสนุนมีความเหมาะสมกับวิชาชีพครูมากยิ่งขึ้น “ข้าราชการครูที่ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความสุจริตจะไม่ต้องเผชิญกระบวนการตามลำพัง สพฐ. พร้อมอยู่เคียงข้างและสนับสนุนในทุกขั้นตอน เพื่อให้สามารถใช้สิทธิและเข้าถึงความเป็นธรรมได้อย่างมั่นใจครับ” เลขาธิการ กพฐ. กล่าว.-416.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

“ศิริโชค” เชื่อรถถูกเผาโยงการเมือง ตร.เร่งหาเบาะแสคนร้าย

6 ก.ค.- “ศิริโชค” ฟันธงเหตุรถยนต์ถูกลอบวางเพลิงมาจากเรื่องการเมือง ด้านตำรวจเร่งหาเบาะแสคนร้าย ส่วนบริษัทเจ้าของรถออกหนังสือชี้แจงสาเหตุไฟไหม้ ความคืบหน้าเหตุการณ์ไฟไหม้ รถ GWM HAVAL H6 PHEV ของนายศิริโชค โสภา อดีต สส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ 4 สมัย ซึ่งจอดอยู่ในบริเวณบ้านพักที่ อ.นาทวี จ.สงขลา เมื่อช่วงตี 3 วานนี้ (5ก.ค.68) ทำให้รถเสียหายทั้งคันและได้เข้าแจ้งความกับตำรวจสภ.นาทวี เพื่อให้ตรวจสอบว่าเป็นความบกพร่องของรถหรือลอบวางเพลิง ล่าสุดในทางคดีมีการยืนยันชัดเจนแล้วว่า เป็นการจงใจลอบวางเพลิง โดยหลังจากที่วานนี้ พนักงานสอบสวน สภ.นาทวี และตำรวจพิสูจน์หลักฐานเข้าตรวจสอบหาสาเหตุเพลิงไหม้รถยนต์คันนี้ ปรากฏว่าพบมียางรถยนต์จำนวน 6 เส้นถูกเผาเหลือแต่เส้นใยเหล็ก พร้อมด้วยตับสิเหรงที่ใช้มุงหลังคา ซึ่งน่าจะเป็นเชื้อเพลิงในการจุดไฟเพื่อทำการเผารถยนต์คันนี้อยู่บริเวณใต้ท้องรถ จึงเก็บไว้เป็นหลักฐานและประสานชุดสืบสวนลงพื้นที่หาเบาะแสผู้ก่อเหตุ ไม่ใช่เป็นอุบัติเหตุหรือความบกพร่องของรถแต่อย่างใด ด้านนายศิริโชค เปิดเผยว่า ตอนนี้ชัดเจนแล้วว่าเป็นการวางเพลิงโดยใช้ยางรถยนต์ ตับสิเหรง และใช้น้ำมันเบนซินราด จากที่ตนสังเกตแม้ว่าทางศูนย์หลักฐานจะยังไม่ยืนยันอย่างเป็นทางการ แต่ว่าดูจากรูปการแล้วพุ่งเป้าไปที่คนวางเพลิง ไม่ใช่ความบกพร่องของรถ แต่มีความตั้งใจที่จะให้เป็นความบกพร่องของรถเพราะเป็นรถไฟฟ้า แต่สุดท้ายจากหลักฐานที่พบบ่งชี้ไปที่การวางเพลิง มองว่ามาจากเรื่องการเมืองมากกว่าเรื่องการสร้างสถานการณ์ด้านความมั่นคงหรือเรื่องส่วนตัว เพราะตนไม่มีความแค้นส่วนตัวกับใครไม่ได้ทำธุรกิจในพื้นที่ ไม่มีเรื่องชู้สาว สิ่งที่เดียวที่มีคือการเป็นนักการเมือง […]

รวบ “สังข์” ผู้ต้องหาแหกห้องขัง สภ.เมืองสกลนคร

6 ก.ค.- ตำรวจบุกรวบ “สังข์” ผู้ต้องหาคดีอาวุธปืนและยาเสพติด หลังก่อเหตุแหกห้องขัง สภ.เมืองสกลนคร จนมุมบนขบวนรถไฟ ขณะเตรียมหลบหนีเข้ากรุงเทพฯ ตำรวจสอบสวนกลาง หรือ CIB จับกุมนายเกียรติศักดิ์ หรือ สังข์ อายุ 39 ปี ผู้ต้องหาคดีอาวุธปืนและยาเสพติด ได้บนขบวนรถไฟ ขณะเตรียมหลบหนีเข้ากรุงเทพฯ เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้ควบคุมตัวมาลงบันทึกการจับกุมที่ สน.เตาปูน และอยู่ระหว่างการควบคุมตัวกลับมาดำเนินคดีที่ สภ.เมืองสกลนคร นายเกียรติศักดิ์ ก่อเหตุหลบหนีจากห้องควบคุม สภ.เมืองสกลนคร เมื่อช่วงเช้ามืดของวันที่ 13 มิถุนายน เจ้าหน้าที่พบเบาะแสหลบซ่อนตัวบนเทือกเขาภูพาน ขณะเดียวกันโซเชียลพากันแชร์ภาพนายเกียรติศักดิ์ พบว่า เป็นบุคคลอันตรายที่อาจมีอาวุธ หากใครพบเห็นห้ามเข้าใกล้ ทั้งนี้ สภ.เมืองสกลนคร ได้ปูพรมค้นหาตามล่าตัวและตั้งรางวัลนำจับ เป็นเงิน 3 หมื่นบาทให้กับผู้แจ้งเบาะแส .-สำนักข่าวไทย

เจ้าอาวาสวัดดังพิษณุโลก ย่องลาสิกขา หลังพัวพันข่าวดัง

พิษณุโลก 6 ก.ค.- “พระ ส.” เจ้าอาวาสวัดดัง จ.พิษณุโลก ย่องลาสิกขาเงียบ หลังพัวพันข่าวดัง ขณะทางวัดยังไม่แถลงชี้แจงเกี่ยวกับสาเหตุ เจ้าอาวาสวัดแห่งหนึ่งในจังหวัดพิษณุโลก ได้ลาสิกขาอย่างเงียบ ๆ โดย พระครูวิโรจน์ธรรมากร เจ้าอาวาสวัดกรุงกรัก เจ้าคณะตำบลท่านางงาม เขต 2 เลขานุการเจ้าคณะอำเภอบางระกำ เป็นผู้ทำพิธีลาสิกขาให้พระ ส. ท่ามกลางกระแสข่าวว่าเป็นสามีคนแรกของหญิงสาวที่รู้จักในฉายา “น้องดอกไม้” หรือสีกา ก. และยิ่งได้รับความสนใจเมื่อมีข้อมูลระบุว่า น้องดอกไม้มีบุตรสาววัย 13 ปี ซึ่งอาจเกี่ยวข้องกับความสัมพันธ์ในอดีตของพระ ส. ขณะทางวัดยังไม่มีการออกแถลงชี้แจงเกี่ยวกับสาเหตุของการลาสิกขา แต่แหล่งข่าวใกล้ชิดเผยว่าเป็นการตัดสินใจส่วนตัวของเจ้าอาวาส เพื่อหลีกเลี่ยงผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของวัดและศาสนา -สำนักข่าวไทย

น้ำโขงใกล้แตะ 9 เมตร สทนช.เตือนเฝ้าระวัง

บึงกาฬ 6 ก.ค.- “แม่น้ำโขง” ระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่อง ใกล้แตะ 9 เมตร สทนช. เตือนเฝ้าระวังน้ำหลาก ดินโคลนถล่ม น้ำท่วมขัง ที่จังหวัดบึงกาฬ เกิดฝนตกติดต่อกันกว่า 2 สัปดาห์ เนื่องจากมีหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมบริเวณประเทศเมียนมาตอนบนและ สปป ลาว ตอนบน ประกอบกับ สปป ลาว มีฝนตกลงอย่างต่อเนื่อง และมีมวลน้ำเหนือจากจังหวัดเลย จังหวัดหนองคาย ไหลลงมาสมทบ ทำให้ระดับน้ำในแม่น้ำโขงเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเช้าวันนี้ จุดวัดระดับน้ำบ้านพันลำ วัดได้ 8.60 เมตร เพิ่มขึ้นจากวานนี้ 30 เซนติเมตร แต่ยังอยู่ในระดับปกติ ส่วนที่ประตูระบายน้ำ ข้างสำนักงาน ตม.บึงกาฬ เจ้าหน้าทีเทศบาลได้เปิดประตูระบายน้ำ เพื่อให้น้ำที่สะสมตามท่อระบายน้ำต่างๆ ในเขตเทศบาลเมืองไหลลงสู่แม่น้ำโขง เช่นเดียวกับบริเวณด่านพรมแดนศุลกากร เรือโดยสารขนส่งสินค้าและเรือขนส่งผู้โดยสารไทย-ลาว ต้องใช้ความระมัดระวังในการเดินเรือ เนื่องจากน้ำโขงไหลแรงและมีเศษวัชพืช เศษขยะไหลมากับสายน้ำ พร้อมขยับปรับระดับโป๊ะเทียบท่าให้อยู่ในระดับพอดี และผูกเชือกมัดโยงให้แน่นหนาเพื่อความปลอดภัย ขณะที่สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ หรือ สทนช. เฝ้าระวังน้ำหลาก ดินโคลนถล่ม […]