“สมคิด” ไม่อยากเป็นนายกฯ อยากเปลี่ยนประเทศ

โรงแรมรามาการ์เด้นส์ 8 ก.ย.-“สมคิด” ควงลูกชายคนเล็กเปิดใจ หลังนั่ง ปธ.สร้างอนาคตไทย ย้ำไม่ได้อยากเป็นนายกฯ แต่อยากช่วย “น้อง ๆ” เปลี่ยนประเทศ เหน็บไม่ใช้ใจบันดาลแรง แต่มีแรงบันดาลใจเพื่อชาติ ไม่ใช่ประโยชน์ตัว


พรรคสร้างอนาคตไทยจัดกิจกรรม #คิดสร้างอนาคตไทย ประชุมสัมมนาผู้แสดงเจตจำนงลงสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.ในนามพรรคทั่วประเทศ โดยไฮไลต์สำคัญคือการเปิดตัวนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ อดีตนายกรัฐมนตรีเป็นประธานพรรคสร้างอนาคตไทย ซึ่งนายสมคิดปรากฎตัวพร้อมเปิดใจเป็นครั้งแรกด้วยการเดี่ยวไมโครโฟน ความยาว 1 ชั่วโมง โดยใช้มือล้วงกระเป๋าตามสไตล์

นายสมคิด เปิดใจช่วงหนึ่ง ว่า วันนี้ (8 ก.ย.) มาพร้อมบุตรชายคนเล็ก “น้องคลัง” หรือนายณฉัตร จาตุศรีพิทักษ์ ที่เป็นลูกที่สวรรค์ส่งมาให้ตอนดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ปัจจุบันอายุ 20 ปี ที่พามาด้วยเพื่อให้เป็นประจักษ์พยาน ว่าการสร้างพรรคการเมืองที่ดีมีจริง และต้องการให้เรียนรู้ว่าการสร้างพรรคการเมืองไม่ใช่ของง่าย ทำไมพ่อต้องมาช่วยน้อง ๆ เพราะเป็นภาระหน้าที่ ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีไม่มีความหมาย ที่สำคัญคือการเป็นผู้นำสร้างความเปลี่ยนแปลง พัฒนาบ้านเมือง จะได้เห็นความพยายามของพ่อ ซึ่งจะได้มาก ได้น้อยเป็นชะตาของบ้านเมือง


“การตั้งพรรคการเมืองในช่วงนี้ ต้องมีความกล้าหาญ ท่ามกลางสถานการณ์การเมืองที่เละเทะ สถานการณ์การเงินที่ค่าเงินตราสูงมาก การแข่งขันทางการเมืองเหมือนแข่งในสนามม้า มีม้าแข่งที่ต้องซื้อ มีคอก มีเจ้าของ ต้องหาเงินเลี้ยงม้า แต่ที่ผ่านมาโจ๋งครึ่มเกินไป เป็นตัวอย่างไม่ดี สำหรับการเมืองไทยทำให้คนรุ่นใหม่ไม่อยากเข้ามา ผมจำได้ว่า รัฐบาลหลังปี 2557 ก่อนที่จะส่ง 4 กุมารเข้าไป และคณะรัฐมนตรีเกินครึ่ง ผมสนับสนุนชื่อเข้าไปทำงานและดูว่าคนที่เข้าไปต้องทำงานเป็น ทำงานได้ ซึ่งขณะนั้นจีดีพี เหลือเพียง 1% เพราะมีการรัฐประหาร ต่างชาติไม่รับรอง ทุกอย่างติดชะงัก ทั้งทีมในครม.ช่วยกันทำงาน จนทำให้เป็น 3% ใน 2 ปีติดต่อกันและจีดีพีเพิ่มขึ้นเป็น 4% ก่อนเจอพิษโควิดปี 62 และทีม 4 กุมารเจอพิษการเมืองที่แสวงหาอำนาจ แต่ไม่แสวงหาปัญญา ผมเห็นใจนายกรัฐมนตรีในขณะนั้น เพราะเป็นพรรคการเมืองผสม และในอดีตมีจุดประสงค์ทำพรรคการเมืองผสมเพื่ออะไร ทำเพื่อบ้านเมืองใช่หรือไม่” นายสมคิด กล่าว

นายสมคิด กล่าวว่า ได้เตือนแล้วว่าการแบ่งกระทรวงก่อนที่จะฟอร์ม ครม.มันไปไม่ได้ มันไปคนละทิศคนละทาง แล้วจะเอาพลังมาจากไหน มีที่ไหนที่นโยบายของประเทศแบ่งกันตามกระทรวง ทางใครทางมัน ประชุมก็ดี แต่ถ้าไม่ทำตามที่บอกก็วอล์คเอ้าท์ และจะให้ทำอย่างไร นี่หรือประชาธิปไตย นี่คือความเป็นจริงของประเทศไทย เมื่อทีม 4 กุมารลาออกก็มีสถานการณ์โควิด-19 จีดีพีทั้งหมดหดตัวจาก 5 แสนกว่าล้านบาท เหลือ 5 แสนล้านบาทต้น ๆ ซึ่งในขณะนั้นเรายังไม่มีปัญหาเรื่องส่งออกและพลังงาน แต่วันนี้การส่งออกเริ่มชะลอตัว และอย่าบอกว่าตัวเลขดีขึ้นเพราะน้ำมันราคาแพง

นายสมคิด กล่าวว่า ต้องโทษการเมืองที่พาประเทศไปไม่ถึงฝัน ซึ่งเห็นแล้วน่าเสียดาย วันนี้เรามีนายกรัฐมนตรี แต่คนไหนตัวจริงยังไม่รู้เลย ที่น่ากังวลคือต้องมีนายกฯ ตัวจริง เพื่อให้พาสเวอร์โฟกัสไปที่ผู้นำที่ต้องทุบโต๊ะบริหารจัดการงบประมาณ ถ้าไม่ช่วยต้องยุบสภาไปเลย ผมมาวันนี้เพื่อขอบคุณและพาลูกชายมาให้ดูให้เห็น และได้เข้าใจพ่อของเขาว่าไม่ได้ต้องการตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ใครเข้าไป คุณแบกรับทั้งประเทศ และต้องให้กำลังใจคนที่จะเข้าไป ไม่ว่าจะเป็นใคร และจุดหมายประการที่ 2 ผมอยากให้พรรคนี้พยายามเข้าไปกอบกู้และสร้างอนาคตของประเทศไทย


“พรรคเสนอให้ตนเข้ามาเป็นประธานพรรค ซึ่งตนสนับสนุนพรรคทุกรูปแบบ และอยากเข้ามาช่วยแม้จะอายุมากแล้ว ซึ่งตนเห็นใจน้อง ๆ ว่าการเมืองไม่ใช่เรื่องง่าย และคนอย่างตนไม่มีใจบันดาลแรง แต่มีแรงบันดาลใจที่จะช่วยสร้างอนาคตประเทศไทย ไม่ใช่เพื่อตัวเอง” นายสมคิด กล่าว

นายสมคิด กล่าวถึงการแก้ไขรัฐธรรมนูญว่า ไม่ใช่เฉพาะเรื่องการเลือกตั้ง แต่ต้องมีเรื่องการปฏิรูป เรื่องงบประมาณ การกระจายอำนาจ และอีกหลายเรื่องเพื่อให้ทุกอย่างไปสู่ทิศทางข้างหน้า สิ่งเหล่านี้ต้องไม่ใช่รัฐธรรมนูญที่มาจากใครคนใดคนหนึ่งเป็นคนเขียน แต่ต้องมาจากการมีส่วนร่วมของคนทุกเพศ ทุกวัย ต้องดึงคนรุ่นใหม่เข้ามาด้วย ซึ่งหน้าที่ของพรรคสร้างอนาคตไทยนอกจากมีชุดความรู้ ต้องพยายามดึงภาคประชาชนเข้ามามีส่วนร่วม เพราะพรรคการเมืองจะโตขึ้น ประชาชนต้องให้การสนับสนุน และบทบาทของพรรคสร้างอนาคตไทย คือการร่วมพูดคุยกับทุกพรรคการเมืองที่มีแนวทางเดียวกัน อย่ามัวหวงอำนาจ หวงตำแหน่ง ซึ่งการสร้างพรรคที่ดีอย่ามัวแต่แสวงหาอำนาจ แต่ต้องแสวงหาคน  และต้องไม่สร้างศัตรู ต้องสร้างมิตร เราไม่ได้เก่งคนเดียว เมืองไทยรอไม่ได้เราต้องเริ่มทำตั้งแต่วันนี้

“สิ่งที่อยากฝาก 3 ข้อ คือ 1. เป็นพรรคการเมืองที่ดี มีอุดมการณ์ 2. กอบกู้เศรษฐกิจ สร้างอนาคต 3. เปลี่ยนแปลงการเมือง ซึ่งตนไม่ได้เตรียมา เรื่องการพูดในวันนี้ แต่พูดจากใจจริง การมาที่นี่อย่าพูดไปว่าผมต้องเป็นนายกรัฐมนตรี เพราะการเป็นนายกรัฐมนตรีฟ้าต้องลิขิต แต่ผมพร้อมจะเป็นผู้นำของทุกคนในพรรค” นายสมคิด กล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศในงานเปิดตัวนายสมคิดวันนี้เป็นอย่างคึกคัก ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.เข้าร่วมจำนวนมาก จัดโพเดียมปราศัย ไว้กลางห้อง รายล้อมด้วยว่าที่ผู้สมัครจากทุกภาค พร้อมป้ายเชียร์ เช่น “มือเศรษฐกิจขั้นเทพ” “เลือกสมคิด ชีวิตมีอนาคต” “จอมยุทธ์กวง” นอกจากนี้ยังมีอดีตส.ส.มาร่วมงานจำนวนมาก อาทิ นายปองพล อดิเรกสาร อดีตรองนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยบุตรชาย นายปรพล อดิเรกสาร อดีตส.ส.สระบุรี นายนวกิจ พลวิเศษ บุตรชายนายภิรมย์ พลวิเศษ อดีตส.ส.นครราชสีมา และอดีตแกนนำกลุ่มสามมิตร ซึ่งได้ยื่นใบสมัครเป็นสมาชิกพรรคสร้างอนาคตไทยแล้ว หลังจากก่อนหน้านี้ นายปองพล เพิ่งเปิดตัวไปร่วมงานกับพรรครวมไทยสร้างชาติเมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมาและลาออกจากสมาชิกพรรครวมไทยสร้างชาติ เมื่อวันที่ 6 กันยายนแล้ว.-สำนักข่าวไทย    

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เพลิงไหม้อาคารกองบัญชาการกองทัพไทย

กทม. 18 ก.ย.-เพลิงไหม้อาคารกองบัญชาการกองทัพไทย คาดไฟฟ้าลัดวงจรและลุกลามไปยังห้องข้างเคียง ไม่พบผู้บาดเจ็บหรือความเสียหายร้ายแรง เมื่อเวลา 06.00 น. วันที่ 18 ก.ย.68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้เกิดเหตุห้องอาหาร 50 จากตู้ควบคุมวงจรไฟฟ้ามีเพลิงไหม้ (ไฟฟ้าลัดวงจร) และลุกลามไปยังพื้นที่ข้างเคียงตึกกองบัญชา บกทท. บริเวณชั้น6 ข้างห้อง เสธนาธิการทหาร เจ้าหน้าที่เวรยาม และสารวัตรทหาร ได้ช่วยกันใช้ถังดับเพลิงในการดับเพลิงแต่ไม่สามารถเข้าถึงต้นเพลิงในการระงับดับไฟได้ จึงได้ประสานรถตับเพลิงและขอส่วนสนับสนุนรถดับเพลิง นทพ. มาช่วยในการระดับดับเพลิง โดยมีเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องได้เข้าตรวจสอบและดำเนินการระงับเหตุในทันที เบื้องต้นสามารถควบคุมสถานการณ์ได้ พล.ต.วิทัย ลายถมยา โฆษกกองบัญชาการกองทัพไทย เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบเบื้องต้น คาดว่าเกิดจากไฟฟ้าลัดวงจร ทั้งนี้ ยังไม่พบผู้ได้รับบาดเจ็บหรือความเสียหายร้ายแรงต่อโครงสร้างอาคารแต่อย่างใด กองบัญชาการกองทัพไทย ได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงอย่างใกล้ชิด และจะรายงานความคืบหน้าให้ประชาชนและสื่อมวลชนรับทราบต่อไป.-313.-สำนักข่าวไทย

โผ ครม. “อนุทิน” ลงตัว ไม่ถูกตีกลับ

กทม. 18 ก.ย.-โผ ครม. “อนุทิน” ลงตัว ไม่ถูกตีกลับ ขณะ “นายกฯ หนู” ยังนั่งดินเนอร์อาหารอีสานอย่างสบายใจ ท่ามกลางข่าวลือ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อช่วงค่ำของวันที่ 17 ก.ย. มีกระแสข่าวลือว่ากระบวนการทูลเกล้าฯ รายชื่อคณะรัฐมนตรี ของนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี มีปัญหา ถูกตีกลับ เนื่องจากพบรายชื่อว่าที่รัฐมนตรีบางคน ติดปัญหาคุณสมบัตินั้น ล่าสุด แหล่งข่าว ยืนยันว่า รายชื่อคณะรัฐมนตรี ที่นำทูลเกล้าฯไปนั้น ไม่ได้มีปัญหาแต่ย่างใด ทุกอย่างลงตัวเรียบร้อยตั้งแต่ช่วงเย็นวันที่ 16 ก.ย.ที่ผ่านมาแล้ว โดยเรื่องคุณสมบัติ ได้ผ่านการตรวจสอบจากสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกามาแล้ว ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า ในช่วง ค่ำวันนี้ (17 ก.ย.) ปรากฏภาพ นายอนุทิน นั่งรับประทานอาหารอีสานอย่างสบายใจ ที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งกับคนใกล้ชิด ท่ามกลางข่าวลือที่เกิดขึ้น.-319.-สำนักข่าวไทย

“รังสิมันต์” เบรกกัมพูชากลางวง AIPA หลังเสนอวาระเร่งด่วนปมเปิดด่าน

มาเลเซีย 17 ก.ย.- “รังสิมันต์” เบรกกัมพูชา กลางวงประชุม AIPA หลังเสนอวาระเร่งด่วนประเด็นขัดแย้งไทย-กัมพูชา หารือปมเปิดด่าน หวั่นเป็นประเด็นการเมือง-ละเอียดอ่อน ชี้ มีกระบวนการ IOT และ GBC อยู่แล้ว นายรังสิมันต์ โรม สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร แบบบัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ในฐานะผู้แทนรัฐสภาไทยในการประชุมคณะกรรมการบริหาร AIPA กล่าวถึงข้อเสนอของกัมพูชาผ่านเวที AIPA ว่าเป็นการเสนอในระยะเวลากระชั้นชิดเป็นช่วงสุดท้าย ที่เปิดให้ประเทศสมาชิกเสนอวาระเร่งด่วนได้ ดังนั้นทีมไทยแลนด์ที่นำโดยนายฉลาด ขามช่วง เมื่อทราบ ข้อเรียกร้องของกัมพูชาจึงได้เตรียมการในเรื่องนี้ ซึ่งจากเดิมได้เรียกร้อง 2 ข้อ คือ 1. เรื่องเฉลยศึก ที่ทหารกัมพูชาถูกควบคุมตัว ในช่วงเวลาที่มีการปะทะ และ 2. เรื่องการเปิดด่านชายแดน แต่ท้ายที่สุดทางกัมพูชากลับเรียกร้องบนเวที AIPA เพียงเรื่องการเปิดด่านชายแดนเท่านั้น จึงรู้สึกแปลกใจว่าทำไมถึงหยิบยกมาเพียงเรื่องนี้ ในเมื่อกระบวนการของคณะผู้สังเกตการณ์ชั่วคราว หรือ IOT ผ่านไป และค่อนข้างราบรื่น ดังนั้นการหยิบยกประเด็นดังกล่าวมาพูดคุยอีกครั้ง จากการแก้ปัญหาแบบทวิภาคี ระหว่างไทย และ […]

แม่ใจสลาย รับร่างลูกสาววัย 2 เดือนถูกพิตบูลขย้ำ ส่งชันสูตร

อุทัยธานี 17 ก.ย. – ครอบครัวเศร้า ติดต่อรับร่างลูกสาววัย 2 เดือน ส่งชันสูตรหาสาเหตุการเสียชีวิต หลังถูกสุนัขพิตบูลลากไปขย้ำหัว ขณะแม่ไปเก็บของเก่าภายในโรงสี เจ้าของคาดเข้าใจผิดคิดว่าเป็นของเล่น นายฉัตรมงคล สุวรรณเศรษฐ์ เจ้าหน้าที่บรรเทาสาธารณภัยจังหวัดอุทัยธานี พร้อมด้วยมารดาของ ด.ญ.กัญญาภัทร อายุเพียง 2 เดือน ผู้เสียชีวิตจากการถูกสุนัขพันธุ์พิตบูลกัด รวมถึงญาติ เดินทางไปรับศพที่โรงพยาบาลหนองฉาง จ.อุทัยธานี ก่อนนำร่างส่งชันสูตร หาสาเหตุอย่างละเอียดอีกครั้งที่โรงพยาบาลสวรรค์ประชารักษ์ จ.นครสวรรค์ ทั้งนี้ เหตุดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อช่วงเวลา 15.00 น. วานนี้ (16 ก.ย.) ที่โรงรถของบ้านหลังหนึ่ง พื้นที่ หมู่ 15 บ้านโรงสีใหม่ ต.ทุ่งโพ อ.หนองฉาง จ.อุทัยธานี โดยเมื่อเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบพบร่างเด็กน้อย อยู่บริเวณรางระบายน้ำ เจ้าของบ้านนำร่างเด็ก ส่งโรงพยาบาลไปก่อนหน้านี้ แต่เสียชีวิตในเวลาต่อมา โดยที่เกิดเหตุ ยังพบคราบเลือดและร่องรอยลากยาวราว 6 เมตร ไปถึงรางระบายน้ำ นอกจากนี้ ยังพบรถเข็นเด็ก พร้อมของเล่น […]

ข่าวแนะนำ

นายกฯ บอกเวลา 4 เดือน เศรษฐกิจต้องไปข้างหน้า “มีรูมีหนู”

สภาหอการค้าฯ 18 ก.ย.-นายกฯ บอกเวลา 4 เดือน เศรษฐกิจต้องไปข้างหน้า “มีรูมีหนู” ต้องผลักดันเต็มที่ พร้อมแก้ไขปัญหาภาคเอกชนสู่นโยบายรัฐบาล ยันทำทุกทางให้ไทยเป็นคู่ค้าที่ได้เปรียบ ไม่ปิดกั้นนโยบายคนอื่น ขอให้วินวินทุกฝ่าย นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี แถลงข่าวหลังเสร็จสิ้นการประชุมหารือกับสภาหอการค้าไทยว่า ตนและทีมงานได้มาพบกับทางคณะกรรมการสภาหอการค้าไทย เหมือนกับวันที่เราไปเยี่ยมที่สภาอุตสาหกรรม เราพยายามที่จะไปพบกับภาคเอกชนก่อนที่จะเข้าไปบริหารราชการแผ่นดิน เพื่อที่จะได้รับฟังข้อเสนอแนะและปัญหาที่ภาคเอกชนต้องการให้รัฐบาลได้สนับสนุนหรือแก้ไข จะรวบรวมข้อมูลให้มากที่สุด เพื่อเวลาเข้าไปทำงานจะได้ดำเนินการให้ทุกอย่าง ขับเคลื่อนไปด้วยความรวดเร็ว มาพบกับคณะผู้บริหารสภาหอการค้าไทย ถือว่าเป็นตัวแทนของผู้ประกอบการ เรารับฟังข้อเสนอแนะข้อกังวล สิ่งที่ผู้ประกอบการต้องการให้รัฐบาลได้ดำเนินการ เพื่อทำให้เกิดความคล่องตัว ทั้งด้านการเงิน ภาระหนี้สิน ดอกเบี้ย พลังงาน การส่งออก แรงงาน และโอกาสต่างๆ สำหรับประเทศไทยในอนาคต ได้มีการหารือลงในรายละเอียดมากพอสมควร และจะต้องมีการพบกันเป็นประเด็นไปหากมีความจำเป็น แต่ในภาพรวมจะหาโอกาสมาหารือให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เมื่อถามว่า หารือแล้วได้จัดเตรียมมาตรการความเชื่อมั่นด้านเศรษฐกิจอย่างไรบ้าง นายอนุทิน เผยว่า รับฟังปัญหาต่างๆ เรื่องของการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจให้กับผู้ประกอบการ แรงงาน ภาษี ขนส่งต่างๆ เราพยายามที่จะทะลายข้อจำกัดที่มีอยู่ ไม่จำเป็นไม่ปิดกั้นโอกาส ส่วนรายละเอียด ว่าที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และว่าที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ จะนำสิ่งเหล่านี้ไปหาทางทำให้คล่องตัวขึ้น […]

ตำรวจเสริมกำลังบ้านหนองหญ้าแก้ว

สระแก้ว 18 ก.ย. – ตำรวจเสริมกำลังที่บ้านหนองหญ้าแก้ว หลังวานนี้ชาวกัมพูชาพยายามเข้ามาทำลายทรัพย์สิน รื้อลวดหนามในพื้นที่อธิปไตยไทย จนเจ้าหน้าที่ต้องผลักดันออกไป ที่วัดหนองหญ้าแก้ว ยังเป็นจุดพักของเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อเฝ้าติดตามสถานการณ์ว่าจะเกิดเหตุการณ์ชาวกัมพูชาพยามเข้ามารื้อลวดหนาม ซึ่งถือเป็นทรัพย์สินราชการในพื้นที่บริเวณอธิปไตยของไทยอีกหรือไม่ ซึ่งหากเป็นเช่นนั้นก็ต้องบังคับใช้กฎหมายมีการดำเนินการอย่างที่ปฏิบัติมาเมื่อวานนี้ตามหลักสากล เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อม เพราะจากข้อมูลตามเพจ พบชาวกัมพูชาระดมมวลชนเพิ่ม ดังนั้น วันนี้นอกจากตำรวจในจังหวัดสระแก้วแล้ว ยังมีการเสริมกำลังตำรวจในพื้นที่ใกล้เคียงเข้ามาอีก 2 กองร้อย 340 คน ได้แก่ ตำรวจจากปราจีนบุรีและฉะเชิงเทรา อย่างไรก็ตาม สำหรับเหตุเมื่อวานนี้ ทางกองทัพบกย้ำว่าจุดปะทะพื้นที่ดังกล่าวอยู่ในเขตไทย การที่ชาวกัมพูชาบุกรุกเข้ามาทำลายสิ่งของทางราชการ และก่อการจลาจลบนแผ่นดินไทย เป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย จึงต้องถูกดำเนินการตามกระบวนการ และยืนยันการดำเนินการของฝ่ายไทยเป็นไปตามขั้นตอนตั้งแต่การเจรจา แจ้งเตือน และควบคุมการจลาจลตามหลักสากล โดยใช้กำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจร่วมกับฝ่ายปกครอง ที่สำคัญพบว่าทหารของกัมพูชาที่ร่วมในเหตุการณ์กลับไม่ห้ามปราม และมีท่าทีสนับสนุนการจลาจล ทั้งนี้ หลังเกิดเหตุการณ์ฝ่ายกัมพูชายังออกแถลงการณ์บิดเบือนข้อมูลทั้งหมดนี้แสดงถึงเจตนาของฝ่ายกัมพูชาในการใช้ประชาชนออกหน้ารุกล้ำดินแดนไทยและความไม่จริงใจในการแก้ไขปัญหาในพื้นที่ชายแดนตามข้อตกลงหยุดยิงย้อนแย้งกับภาพลักษณ์ที่รัฐบาลกัมพูชาพยายามสร้างต่อสังคมโลกว่าเป็นผู้แสวงหาสันติภาพ. -สำนักข่าวไทย

นายกฯ นั่งหัวโต๊ะ ร่วมถกสภาหอการค้าไทย

สภาหอการค้าไทย 18 ก.ย.-นายกฯ นั่งหัวโต๊ะ ร่วมถกสภาหอการค้าไทย ย้ำนำชื่อ ครม. ทูลเกล้าฯ แล้ว ลั่นลุยงานทันที หลังโปรดเกล้าฯ เผย “เอกนิติ” คัด รมช.คลัง มาเองกับมือ โวเร่งเศรษฐกิจไทยให้กลับมาเข้มแข็ง นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมหารือเพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ ระหว่างคณะรัฐบาล และคณะกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย โดยนายอนุทินกล่าวว่า มาวันนี้เพื่อพบกับทุกคน และมีว่าที่รัฐมนตรีที่ดูแลด้านเศรษฐกิจ ซึ่งทุกคนในที่นี้ไม่ใช่คนแปลกหน้าสำหรับตน เจอกันมานาน มีความสนิทสนมคุ้นเคย เคารพนับถือกันเป็นอย่างดี นายอนุทิน กล่าวว่า สิ่งที่มาวันนี้ เพื่อมาพบทุกท่านและนำว่าที่คณะรัฐมนตรีเศรษฐกิจมาแนะนำให้รู้จัก เชื่อว่าหลายคนก็รู้จักกันดีอยู่แล้ว วันนี้ตั้งใจมารับฟังรายละเอียด และรับฟังข้อเสนอแนะจากสภาหอการค้าไทย รัฐบาลที่กำลังจะเกิดขึ้นนี้เป็นรัฐบาลที่จะเน้นในการเร่งฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศไทย ให้มีความกระชับและเข้มแข็งขึ้นเร็วที่สุด ภายใต้ระยะเวลาที่มีอยู่ นายอนุทินยังแนะนำผู้ที่จะมาดำรงตำแหน่งในคณะรัฐมนตรีของตนซึ่งได้ทูลเกล้าฯ ถวายรายชื่อไปแล้ว เมื่อมีการโปรดเกล้าฯ ก็จะเร่งแถลงนโยบายรัฐบาลต่อรัฐสภา และสามารถบริหารราชการแผ่นดินได้ จากนั้นนายกรัฐมนตรีได้แนะนำว่าที่คณะรัฐมนตรีเศรษฐกิจให้ผู้ร่วมประชุมได้รู้จัก โดยในขณะที่แนะนำว่าที่รัฐมนตรี นายอนุทิน ได้กล่าวถึงนายวรภัค ธันยาวงษ์ ว่าที่รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ว่า เป็นคนฝีมือดี ซึ่งนายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาส […]

พายุในทะเลจีนใต้ ส่อแรงขึ้นเป็นโซนร้อน ทำฝนเพิ่มระยะนี้

กรุงเทพฯ 18 ก.ย.-กรมอุตุฯ เตือนพายุดีเปรสชันบริเวณทะเลจีนใต้ตอนบน มีแนวโน้มทวีกำลังแรงขึ้นเป็นพายุโซนร้อน แม้จะไม่เคลื่อนเข้าสู่ประเทศไทยโดยตรง แต่ส่งผลให้ร่องมรสุมเลื่อนขึ้นพาดผ่านตอนกลางประเทศ ทำให้ไทยตอนบนมีฝนเพิ่มขึ้น และบางพื้นที่อาจมีฝนตกหนักถึงหนักมาก ย้ำจะมีฝนตกต่อเนื่องถึงต้นเดือนตุลาคม นายสมควร ต้นจาน ผู้อำนวยการกองพยากรณ์อากาศเปิดเผยว่า พายุลูกดังกล่าวมีศูนย์กลางอยู่ที่ละติจูด 19.0 องศาเหนือ ลองจิจูด 120.0 องศาตะวันออก บริเวณประเทศฟิลิปปินส์ เคลื่อนลงสู่ทะเลจีนใต้ตอนบนแล้วในช่วงเช้าวันนี้ (18 ก.ย.) โดยมีความเร็วลมใกล้ศูนย์กลางประมาณ 55 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และกำลังเคลื่อนตัวไปทางทิศเหนือค่อนตะวันตกเล็กน้อย ด้วยความเร็ว 15 กิโลเมตรต่อชั่วโมง คาดว่า จะขึ้นฝั่งประเทศจีนตอนใต้ในช่วงวันที่ 19–20 กันยายน 2568 ทั้งนี้แม้พายุไม่ได้เข้าไทยโดยตรง แต่จากอิทธิพลทางอ้อมของพายุ จะดันให้ร่องมรสุมเลื่อนขึ้นพาดผ่านภาคเหนือตอนล่าง ภาคกลางตอนบน และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ประกอบมีมรสุมตะวันตกเฉียงใต้พัดปกคลุมต่อเนื่อง ส่งผลให้หลายพื้นที่ของประเทศไทย โดยเฉพาะภาคตะวันออกและภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ต้องเฝ้าระวังฝนตกหนักถึงหนักมากในช่วงวันที่ 18–25 กันยายนนี้ พื้นที่ที่มีแนวโน้มฝนตกสะสมในระดับเสี่ยง ได้แก่ จังหวัดอำนาจเจริญ อุบลราชธานี จันทบุรี และตราด ซึ่งอาจเกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลากในพื้นที่ลาดเชิงเขา ใกล้ทางน้ำไหลผ่าน […]