กอช. ผนึกกำลัง กยศ. ส่งเสริมทักษะชีวิตให้มีความรู้การบริหารจัดการเงินให้เยาวชนอย่างยั่งยืน

กรุงเทพฯ 22 มิ.ย.- กอช. ร่วมกับ กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) จัดงานพิธีลงนามบันทึกความร่วมมือโครงการส่งเสริมการออมกับกองทุนการออมแห่งชาติ (กอช.) พร้อมส่งเสริมให้เยาวชนได้มีความรู้ในการบริหารจัดการเงินตั้งแต่วัยเรียน จนเข้าสู่วัยทำงานเพื่ออนาคตที่ดี


นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ ปลัดกระทรวงการคลัง ประธานกรรมการกองทุนการออมแห่งชาติ และประธานกรรมการกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา กล่าวภายหลังลงนามบันทึกความร่วมมือโครงการส่งเสริมการออมกับกองทุนการออมแห่งชาติ (กอช.) ระหว่าง กองทุนการออมแห่งชาติ กับ กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา โดยมีนางสาวจารุลักษณ์ เรืองสุวรรณ เลขาธิการคณะกรรมการกองทุนการออมแห่งชาติ (กอช.) และนายชัยณรงค์ กัจฉปานันท์ ผู้จัดการกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) เป็นผู้ลงนามในบันทึกความร่วมมือ โดย กอช. เป็นกองทุนการออมภาคประชาชน เพื่อประชาชนได้มีเงินบำนาญรายเดือนไว้ใช้หลังเกษียณกับ กอช. ซึ่งกองทุนนี้เป็นหนึ่งในยุทธศาสตร์ชาติในการขับเคลื่อน เพื่อลดความเหลื่อมล้ำทางสังคม จึงได้เกิดการบูรณาการทำงานร่วมกันของ ทั้ง 2 หน่วยงาน ในการขับเคลื่อนการทำงาน โดยเฉพาะกลุ่มนักเรียน นิสิต นักศึกษา ซึ่งเป็นกลุ่มเป้าหมายเดียวกัน  กยศ. มีบทบาทสำคัญในการสนับสนุนให้เยาวชน ได้มีทุนทรัพย์ในการศึกษาเล่าเรียนและค่าใช้จ่ายรายเดือนในช่วงขณะเรียน  ส่วน กอช. ส่งเสริมให้รู้จักการออม รู้จักการบริหารจัดการเงิน ค่าใช้จ่ายที่จำเป็น ได้วางแผน การเก็บออมตั้งแต่วัยเรียน จนถึงวัยทำงาน เพื่ออนาคตจะได้มีเงินบำนาญที่เพียงพอเป็นหลักประกันในการใช้จ่าย

อย่างไรก็ตาม การออมเงินเพื่อการเกษียณ เป็นสิ่งที่ไกลตัวสำหรับเยาวชน จะต่างกันเพียงใครเริ่มก่อนหรือ รู้ตัวก่อน ถึงความสำคัญของการออม การออมในวัยเรียน “การออมก่อนใช้เงิน” แบ่งเงินออมเพียงเล็กน้อยก่อนนำเงินไปใช้จ่าย เพื่อให้เกิดเงินที่จะนำไปใช้จ่ายน้อยลง และให้มีเงินเก็บบางส่วน พอเข้าสู่วัยทำงาน “การออมถูกที่ บริหารเงินออมให้เป็น ได้เงินมากกว่า” ในปัจจุบันการออมมีรูปแบบให้เลือกสรรมากมายการออมกับ กอช. เป็นการออมขั้นพื้นฐาน จัดตั้งโดยรัฐบาลเพื่อประชาชนได้มีเงินออมอย่างสุขสบายในอนาคต ออมเริ่มต้นเพียง 50 บาท สูงสุด 13,200 บาทต่อปี ให้ผลตอบแทนเพิ่มขึ้นแบบขั้นบันไดตามช่วงอายุของสมาชิกสูงสุด 1,200 บาทต่อปี  ถ้าเยาวชนมีวินัยการออมอย่างต่อเนื่องสม่ำเสมอในอนาคตจะมีเงินออมรวมล้านกว่าบาท โดย กอช. จ่ายคืนในรูปแบบเงินบำนาญรายเดือน ทั้งนี้ กอช. และ กยศ. ได้ร่วมกันบูรณาการการทำงานในการส่งเสริมให้คนไทยได้รู้จักการบริหารจัดการเงินที่ดี และช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตประชาชนคนไทยให้ดีขึ้น


นางสาวจารุลักษณ์ เรืองสุวรรณ เลขาธิการคณะกรรมการกองทุนการออมแห่งชาติ (กอช.) กล่าวว่า  กองทุนการออมแห่งชาติ (กอช.) เป็นกองทุนบำนาญภาคประชาชนมีภารกิจสำคัญในการผลักดันให้ประชาชนที่มีอายุระหว่าง 15 – 60 ปี ไม่มีสวัสดิการจากรัฐบาลได้เข้าถึงการออม ได้ตระหนักถึงการออมเงินไว้ใช้ในอนาคต โดยการบูรณาร่วมกันในการขับเคลื่อนส่งเสริมให้มีความรู้การวางแผนทางการเงิน โดยเฉพาะกลุ่มนักเรียน นิสิต นักศึกษา ได้บริหารจัดการเงินให้เกิดประสิทธิภาพ ตั้งแต่ในวัยเรียน จนเข้าสู่วัยทำงาน โดยเริ่มจากวางแผนรายรับรายจ่าย การจัดการหนี้หรือภาระทางการเงิน เพื่อไม่ให้เกิดเบี้ยปรับ และการออมเงินเก็บไว้ใช้ในอนาคตกับ กอช. รู้จักเก็บเล็กผสมน้อย โดยออมเริ่มต้น 50 บาท เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ โดยตั้งเป้าหมายกำหนดไว้ สร้างวินัยการออมขึ้น สูงสูด 13,200 บาทต่อปี ทุกครั้งที่ส่งเงินออมสะสมกับ กอช. จะได้เงินสมทบเพิ่มให้ตามช่วงอายุ อายุ 15 – 30 ปี รับเงินสมทบเพิ่มจากรัฐร้อยละ 50 ของเงินออม สูงสุดไม่เกิน 600 บาทต่อปี หรือ คิดเป็นดอกเบี้ยเงินฝากประจำประมาณร้อยละ 4  อายุมากกว่า 30 – 50 ปี รับเงินสมทบเพิ่มจากรัฐร้อยละ 80 ของเงินออม สูงสุดไม่เกิน 960 บาทต่อปี หรือคิดเป็นดอกเบี้ยเงินฝากประจำประมาณร้อยละ 7  อายุมากกว่า 50 – 60 ปี รับเงินสมทบเพิ่มจากรัฐร้อยละ  100 ของเงินออม สูงสุดไม่เกิน 1,200 บาทต่อปี หรือคิดเป็นดอกเบี้ยเงินฝากประจำประมาณร้อยละ 9 ซึ่งสมาชิก กอช. สามารถดูบัญชีเงินออมของตนเองได้ที่แอปพลิเคชัน “กอช.” พร้อมเงินสมทบที่รัฐสมทบเพิ่มให้ และเมื่อเข้าสู่วัยทำงานเงินออมสะสมนำไปลดหย่อนภาษีเพิ่มได้ด้วย

นายชัยณรงค์ กัจฉปานันท์ ผู้จัดการกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) กล่าวว่า กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) มีวัตถุประสงค์เพื่อสนับสนุนและส่งเสริมการศึกษาด้วยการให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา ใน 4 ลักษณะ ได้แก่ นักเรียน นักศึกษาที่ขาดแคลนทุนทรัพย์/ศึกษาในสาขา ที่เป็นความต้องการหลัก ซึ่งมี ความชัดเจนของการผลิตกำลังคน และมีความจำเป็นต่อการพัฒนาประเทศ/ศึกษาในสาขาวิชาขาดแคลนหรือสาขาวิชาที่มุ่งส่งเสริมเป็นพิเศษ/และเรียนดีเพื่อสร้างความเป็นเลิศ ปัจจุบัน มีนักเรียน นักศึกษา ที่ได้รับโอกาส ทางการศึกษาจากกองทุน ตั้งแต่ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย ระดับอาชีวศึกษา จนถึงระดับปริญญาตรี ตั้งแต่ปีการศึกษา 2539 – 2563 จำนวน 5.9 ล้านราย โดยกองทุนมีนักเรียน นักศึกษาผู้กู้ยืมในแต่ละปีประมาณ 600,000  ราย ซึ่งกองทุนได้กำหนดคุณสมบัติให้ผู้กู้ยืมทุกคนทำกิจกรรมจิตสาธารณะ 36 ชั่วโมงต่อปีการศึกษา เพื่อสนับสนุนให้ผู้กู้ยืมได้มีโอกาสทำกิจกรรมเพื่อสังคมและสาธารณประโยชน์ต่างๆ รวมถึงการสร้างวินัยทางการเงินให้กับผู้กู้ยืม โดยกองทุนหวังว่าเมื่อผู้กู้ยืมจบการศึกษาไปแล้วจะเป็นบุคลากรที่มีคุณภาพ นอกจากจะสามารถมีเงินออมเพื่อพึ่งพาตนเองได้แล้ว ยังมีจิตสำนึกช่วยเหลือผู้อื่นและตอบแทนสังคมส่วนรวม นับเป็นการสร้างคนดีให้กับสังคมไทย

ทั้งนี้ กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา จึงได้ร่วมมือกับกองทุนการออมแห่งชาติ ในการทำบันทึกข้อตกลงความร่วมมือส่งเสริมการออม ภายใต้การนับชั่วโมงกิจกรรมจิตสาธารณะ เพื่อส่งเสริมวินัยทางการเงินให้นักเรียน นักศึกษา ผู้กู้ยืมเงินได้เริ่มต้นออมเงินและรู้จักการวางแผนการเงินในระยะยาว โดยผู้กู้ยืมที่อยู่ระหว่างการศึกษาสามารถนำส่งเงินออมเป็นรายเดือนเข้ากองทุน กอช. ขั้นต่ำครั้งละ 50 บาท ออมได้เดือนละ 1 ครั้งเมื่อผู้กู้ยืมออมเงินต่อเนื่องทุกเดือน นอกจากจะมีเงินเก็บเป็นของตัวเองแล้วยังสามารถนำไปสะสมชั่วโมง จิตสาธารณะได้ 1 ชั่วโมงต่อเดือนอีกด้วย.-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

หนุ่มขี่จยย. พุ่งชนฝาคอนกรีต ตกบ่อร้อยสายไฟดับสลด

11 ส.ค.- หนุ่มวัย 26 ขี่รถจักรยานยนต์ฝ่าแนวกั้นพุ่งชนฝาคอนกรีต ร่างกระเด็นตกบ่อร้อยสายไฟใต้ดิน ลึก 10 เมตร จมน้ำดับสลด เมื่อเวลา 00.30 น.วันที่ 11 ส.ค.68 ร.ต.ท.เจนวิทย์ เหลือผล รองสารวัตร(สอบสวน) สน.ทุ่งสองห้อง รับแจ้งอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์พุ่งตกบ่อร้อยสายไฟใต้ดิน ถนนแจ้งวัฒนะ ขาออก บริเวณหน้าศาลปกครอง แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กทม. จึงรุดตรวจสอบพร้อมอาสาสมัครมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ที่เกิดเหตุใกล้สถานีรถไฟฟ้า ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ เป็นถนน 5 เลน บริเวณช่องทางซ้าย 3 เลนปิดเป็นพื้นที่ก่อสร้างโครงการร้อยสายไฟใต้ดิน พบรถจักรยานยนต์สีครีม ทะเบียน กทม. ล้มคว่ำหน้ารถพังยับพุ่งชนเครื่องปั่นไฟฟ้า ใกล้บ่อมีความลึก 10 เมตร เจ้าหน้าที่จึงใช้อุปกรณ์โรยตัวลงไปตรวจสอบพบผู้ขับขี่จมน้ำเสียชีวิต นำร่างขึ้นมาทราบชื่อนายสันติสุข (สงวนนามสกุล) อายุ 26 ปี สวมเสื้อยืดคอกลม แขนสั้น นุ่งกางเกงกีฬาขาสั้นสีน้ำเงิน ตามร่างกายมีบาดแผล กระโหลกศีรษะแตก เจ้าหน้าที่จึงบันทึกรวบรวมที่เกิดเหตุไว้เป็นหลักฐาน สอบถามคนงานที่อยู่บริเวณจุดเกิดเหตุให้การว่า […]

“ขัตติยา” ชี้ภารกิจชายแดนเป็นผลงานร่วมทุกฝ่าย ใต้ร่ม ศบ.ทก.

กทม. 10 ส.ค.-“ขัตติยา” สส.เพื่อไทย ชี้โพลฯ ประชาชนเชื่อมั่นกองทัพสูง แต่ภารกิจชายแดนเป็นผลงานร่วมทุกฝ่าย ใต้ร่ม ศบ.ทก. น.ส.ขัตติยา สวัสดิผล สส.บัญชีรายชื่อและรองโฆษกพรรคเพื่อไทย โพสต์ X ถึงผลสำรวจล่าสุดของนิด้าโพล ที่ให้ความไว้วางใจกองทัพสูงกว่ารัฐบาลและกระทรวงการต่างประเทศ ว่าอยากชวนมองภาพให้ครบว่า ทุกหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้อง ล้วนทำงานร่วมเป็นทีมเดียวกัน ภายใต้ศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา หรือ ศบ.ทก. ศูนย์นี้จัดตั้งขึ้นตั้งแต่เดือนมิถุนายน โดยรวมเอาหลายภาคส่วนเข้ามาทำงานร่วมกัน ทั้งกระทรวงกลาโหม สภาความมั่นคงแห่งชาติ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงแรงงาน กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักข่าวกรองแห่งชาติ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด และผู้บัญชาการทหารบก ทุกฝ่าย คือทีมไทยแลนด์ ที่แบ่งบทบาทหน้าที่และประสานงาน เพื่อเป้าหมายเดียวกัน คือ การรักษาอธิปไตยของประเทศ และปกป้องความปลอดภัยของชีวิตประชาชน แม้กองทัพจะมีบทบาทสำคัญเป็นด่านหน้าในพื้นที่ชายแดน แต่ก็ไม่ได้ทำงานแยกเดี่ยวหรือเป็นอิสระจากภาคส่วนอื่นๆ หากทำงานเคียงบ่าเคียงไหล่กับทุกหน่วยงานภายใต้ร่มของ ศบ.ทก. ในสถานการณ์ที่ท้าทายเช่นนี้ ไม่มีหน่วยงานใดสามารถทำงานบรรลุเป้าหมายได้เพียงลำพัง ความสำเร็จต้องเกิดจากการร่วมแรงร่วมใจของทุกภาคส่วน.-314.-สำนักข่าวไทย

วันแม่แห่งชาติ ขึ้นทางด่วนฟรี 𝟯 สายทาง

กทม. 9 ส.ค.-วันแม่แห่งชาติ 12 สิงหาคม 2568 กทพ. แจ้งยกเว้นค่าผ่านทางพิเศษของทางพิเศษรวม 𝟯 สายทาง ดังนี้ ทางพิเศษเฉลิมมหานคร จำนวน 𝟮𝟭 ด่าน ทางพิเศษศรีรัช จำนวน 𝟯𝟮 ด่าน และทางพิเศษอุดรรัถยา จำนวน 𝟭𝟬 ด่าน นายอนุกูล พฤกษานุศักดิ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ตามที่รัฐบาลประกาศให้วันจันทร์ ที่ 11 สิงหาคม 2568 เป็นวันหยุดพิเศษ ทำให้มีวันหยุดต่อเนื่องกันรวม 4 วัน (9-12 สิงหาคม 2568) เพื่อให้ประชาชนเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศ และช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศในภาพรวม โดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) คาดการณ์สถานการณ์ “คนไทย” เดินทาง “ท่องเที่ยวภายในประเทศ” วันหยุดยาวช่วงวันแม่แห่งชาติ ระหว่างวันที่ 9-12 สิงหาคม 2568 จะสร้างรายได้สะพัดทั่วประเทศ 13,750 ล้านบาท […]

“มาริษ” แจงโทรเคลียร์ รมว.ต่างประเทศสิงคโปร์ ปมถูกบิดเบือนคำพูด

สุรินทร์ 9 ส.ค. – “มาริษ” แจงโทรเคลียร์ “วิเวียน” รมว.ต่างประเทศสิงคโปร์ ถูกบิดเบือนคำพูด ย้ำไม่ได้วิจารณ์เชิงลบ แต่ห่วงภาวะผู้นำทำงานได้ไม่เต็มที่เพราะมีอุปสรรคขัดขวาง นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่มีบางสื่อบิดเบือนคำพูดของนายวิเวียน บาลากริชนิน (Vivian Balakrishnan) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศสิงคโปร์ ซึ่งตนไม่สบายใจตั้งแต่ต้น และได้สะท้อนไปว่าการแสดงความคิดเห็นในเรื่องที่ละเอียดอ่อนเหล่านี้มักจะทำให้เกิดความเข้าใจผิด และจะมีคนเอาคำพูดท่านไปใช้ประโยชน์ในการโจมตีทางการเมือง นายมาริษ เปิดเผยว่า ได้คุยโทรศัพท์กับนายวิเวียน เพื่อแสดงความห่วงกังวล เขายอมรับแล้วอนุญาตให้ช่วยชี้แจง อธิบายกับสื่อมวลชนที่เป็นสื่อหลัก เพราะข้อความที่แปลผิดได้แพร่สะพัดอยู่ในโซเชียลมีเดีย “นายวิเวียนไม่ได้มีความประสงค์ที่จะไปตั้งคำถามในเรื่องภาวะผู้นำของใครทั้งสิ้น เขาเพียงแต่พูดว่าอยากเห็นการทูตทำงานอย่างเต็มที่ เพราะการทูตจะแก้ไขปัญหาได้หากอยู่ในจุดที่สมดุล และเมื่อไรที่ภาวะผู้นำถูกขัดขวาง ไม่ว่าจะด้วยปัจจัยอะไรก็ตาม มันจะมีผลกระทบให้การแก้ไขปัญหาซับซ้อนมากยิ่งขึ้น” นายมาริษ กล่าว นายมาริษ กล่าวย้ำว่า สิ่งที่นายวิเวียนพูด จะพยายามสื่อสารเพื่อให้ทุกคนได้ตระหนักว่าอยากเห็นผู้นำได้ทำงานอย่างเต็มที่ ไม่มีอุปสรรคขัดขวาง ซึ่งจะเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้การแก้ไขปัญหาลุล่วงไปได้อย่างสมบูรณ์.-319-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

เตือนทั่วไทยฝนตกต่อเนื่อง ‘ตะวันออก’ หนักสุด

กทม. 12 ส.ค.- กรมอุตุฯ เผยทั่วไทยฝนตกต่อเนื่อง เตือนภาคตะวันออกรับมือฝนถล่ม อาจเกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก กรมอุตุนิยมวิทยาเผยประเทศไทยมีฝนตกหนักบางแห่ง โดยมีฝนตกหนักมากบางพื้นที่บริเวณภาคตะวันออก ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่มไว้ด้วย เนื่องจากมีร่องมรสุมพาดผ่านตอนบนของภาคเหนือ ประเทศลาวตอนบน เข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณประเทศเวียดนามตอนบน ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยตอนบนมีกำลังปานกลาง โดยทะเลอันดามันตอนบนและอ่าวไทยตอนบน มีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่างมีคลื่นสูง 1 – 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองไว้ด้วย อนึ่ง พายุไต้ฝุ่น “โพดุล” (PODUL) บริเวณมหาสมุทรแปซิฟิก คาดว่าจะเคลื่อนผ่านเกาะไต้หวัน และเคลื่อนขึ้นฝั่งบริเวณด้านตะวันออกของประเทศจีนในช่วงวันที่ 13 – 14 ส.ค. โดยพายุนี้ไม่เคลื่อนเข้าสู่ประเทศไทย – สำนักข่าวไทย

เสียงสะท้อนจากวีรบุรุษแนวหน้าถึงแนวหลัง

11 ส.ค. – แม้สถานการณ์สู้รบไทย-กัมพูชาเหมือนจะดีขึ้น แต่ยังวางใจไม่ได้ เช่นข่าวทหารไทยเหยียบกับระเบิดบาดเจ็บอีก 3 นาย วันนี้จะพาไปดูความพร้อมของหน่วยแพทย์ในการดูแลทหารของชาติในฐานะวีรบุรุษ พร้อมข้อคิดจากจ่าสิบเอกพิชิตชัย บุญชูกล้า หรือจ่าเต้ 1 ในวีรบุรุษ ฝากถึงแนวหลัง.-สำนักข่าวไทย

“ภูมิธรรม” เล็งปิด​ ศบ.ทก. หลังถก​ สมช.​ เคาะสถานการณ์สงบจริง

เมืองทองธานี 11 ส.ค.- “ภูมิธรรม” ลั่น​ ก็จบ!! ​ หลัง “กองทัพ” ยืนยันแล้ว “แม่ทัพภาค 2” ไม่ได้พูดยึดปราสาทตาควาย ย้ำยังไม่มีอะไรผิดสัญญา เล็งปิด​ ศบ.ทก. หลังประชุม​ สมช.​ 13-14 ส.ค.นี้​ เคาะสถานการณ์สงบจริง​ นายภูมิธรรม​ เวชยชัย​ รอง​นายก​รัฐมนตรี​และ​รัฐมนตรี​ว่าการ​กระทรวง​มหาดไทย​ รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี​ กล่าวถึงกรณีพลโท บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2​ ออกมา ประกาศยึดคืนปราสาทตาควาย จะถือเป็นการละเมิดข้อตกลงไทย-กัมพูชาหรือไม่ ว่า​ ยังไม่ได้ยินแม่ทัพภาคที่ 2 พูด​ แต่ทุกอย่างต้องเป็นไปตามข้อตกลง​ เมื่อถามว่าแม้กองทัพ จะออกมาปฏิเสธแล้ว​ แต่ทางกัมพูชา​อาจมองเป็นการกระตุ้นให้เกิดความขัดแย้ง และละเมิดข้อตกลง 13 ข้อ นายภูมิ​ธรรม​ กล่าวว่า​ ยังไม่มีอะไรผิดสัญญา กองทัพซึ่งเป็นตัวหลักได้ยืนยันแล้ว​ ก็จบตามนั้น​ เมื่อถามว่า​ สถานการณ์ชายแดน 2-3 วันที่ผ่านมา​ ถือว่าสงบนิ่งหรือไม่​ เนื่องจากมีกระแสข่าวว่าเหตุการณ์ความไม่สงบจะกลับมา​อีก […]

ทบ.ยัน ‘มทภ.2’ ไม่ได้กล่าวรุกล้ำอธิปไตยปมปราสาทตาควาย

11 ส.ค.- โฆษกกองทัพบกโต้กัมพูชา ยันแม่ทัพภาค 2 ไม่ได้กล่าวรุกล้ำอธิปไตยปมปราสาทตาควาย ย้ำไทยไม่มีความพยายาม “ยั่วยุ-วางแผน” ใช้กำลังทางทหารตามที่เขมรกล่าวอ้าง พลตรี​ วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก ได้ชี้แจงกรณีกระทรวงกลาโหมกัมพูชาแถลงการณ์ถึงคำสัมภาษณ์ พลโท บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 เรื่องของปราสาทตาควาย ว่า “ยืนยันว่าเนื้อหาที่แม่ทัพภาคที่ 2 พูด ไม่ได้มีความหมายในแบบที่โฆษกกระทรวงกลาโหมกัมพูชาได้แถลงไป โดยเฉพาะท่านไม่พูดเรื่องการเคลื่อนย้ายกำลัง เพื่อรุกล้ำอธิปไตยกัมพูชา สิ่งที่ท่านได้กล่าวในวันนั้นคือ ปราสาทตาควายอยู่ภายใต้อธิปไตยของไทย ในช่วงที่มีการปะทะที่ผ่านมาพยายามเข้าไปยึดด้วยการวางกำลัง แต่ยังไม่สำเร็จ จึงได้ทำการวางกำลังบริเวณด้านนอก ห่างจากตัวปราสาท 30 เมตร แต่ในอนาคตจะต้องพยายามนำกลับมาภายใต้การควบคุมของไทยให้ได้ ตามขั้นตอนที่เหมาะสม พร้อมกล่าวว่าเตรียมนำเรื่องต่างๆ ไปพูดคุยเจรจาในวงเจรจาในกรอบการประชุม RBC ที่จะเกิดขึ้นใน 2 สัปดาห์ และย้ำถึงจุดยืนว่าไทยจะไม่ถอยจากแนวการวางกำลังเดิม ขอยืนยันว่า แม่ทัพภาคที่ 2 ไม่ได้พูดถึงเรื่องการใช้กำลังทางทหาร ไปดำเนินการอย่างแน่นอน เพราะฉะนั้นที่กล่าวไปในข้างต้น จึงไม่ใช่ความพยายามที่มีการยั่วยุและมีการวางแผนใช้กำลังทางทหารต่อกรณีปราสาทตาควายอย่างที่กัมพูชากล่าวอ้างแต่อย่างใด” -สำนักข่าวไทย