กรุงเทพฯ 22 ส.ค. – “จตุพร” เคาะ 4 มาตรการข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ปี 68/69 วงเงิน 224.5 ล้านบาท เตรียมเสนอ ครม. เห็นชอบ ย้ำยังคงมาตรการ 3:1 นำเข้าภายใต้ AFTA รักษาสมดุลการผลิตข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ในประเทศทั้งระบบ
นายจตุพร บุรุษพัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ (นบขพ.) ว่า รัฐบาลมีเจตนารมณ์ชัดเจนในการดูแลสินค้าเกษตรสำคัญ โดยเฉพาะ “ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์” ซึ่งต้องบริหารจัดการให้สมดุลทั้งระบบ ตั้งแต่เกษตรกร ผู้รวบรวม โรงงานอาหารสัตว์ ไปจนถึงการนำเข้า รวมทั้งต้องสอดคล้องกับการแก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศ PM2.5 ที่ประชุม นบขพ. ยืนยันมติเมื่อวันที่ 10 มิ.ย. 2568 ดังนี้ 1.โรงงานอาหารสัตว์ ต้องเปิดรับซื้อข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ความชื้น 14.5% ในราคา 9.80 บาท/กก. 2.ผู้รวบรวมในพื้นที่ รับซื้อข้าวโพดสด ความชื้น 30% ในราคา 7.05 บาท/กก.
หากพบว่ามีการกักตุนหรือวัตถุดิบขาดแคลน รัฐบาลพร้อมจัดหาวัตถุดิบทดแทนทันที ขณะเดียวกัน หากโรงงานใดรับซื้อในราคาต่ำกว่ากำหนด จะไม่สามารถใช้เป็นเอกสารประกอบการขอนำเข้าในสัดส่วน 3:1 ได้
คณะกรรมการฯ เห็นชอบมาตรการรักษาเสถียรภาพราคาและส่งเสริมการผลิตข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ปี 2568/69 รวม วงเงิน 224.5 ล้านบาท ครอบคลุม 4 โครงการ ได้แก่
- ชดเชยดอกเบี้ยในการเก็บสตอกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์
- สินเชื่อเพื่อรวบรวมและสร้างมูลค่าเพิ่มโดยสถาบันเกษตรกร
- เพิ่มช่องทางการตลาดข้าวโพดเลี้ยงสัตว์
- เพิ่มประสิทธิภาพการเพาะปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์
มาตรการทั้งหมดจะเสนอให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาเห็นชอบต่อไป
สำหรับการนำเข้าข้าวโพดเลี้ยงสัตว์และวัตถุดิบทดแทน ยังคงมาตรการเดิม โดยผู้นำเข้าทั่วไปสามารถนำเข้าภายใต้ AFTA ได้ระหว่าง 1 ก.พ.–31 ส.ค. 2569
• การนำเข้าข้าวสาลี 1 ส่วน ต้องรับซื้อข้าวโพดในประเทศ 3 ส่วน
• ใช้การรับซื้อข้าวโพดตั้งแต่ 1 ส.ค. 2568 เป็นต้นมา มาแสดงเป็นหลักฐานประกอบการนำเข้าปี 2569
ทั้งนี้ จะมีคณะอนุกรรมการฯ ที่ประกอบด้วยผู้แทนภาครัฐ เกษตรกร และเอกชน คอยติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด เพื่อให้มาตรการนำเข้าและดูแลตลาดมีประสิทธิภาพสูงสุด
นายจตุพร ย้ำว่า การประชุมวันนี้ น่าเสียดายที่สมาคมผู้ผลิตอาหารสัตว์ไทยไม่ได้ส่งผู้แทนเข้าร่วมประชุม แต่สามารถดำเนินงมาตรการเหล่านี้ตามมติที่ประชุม ซึ่งเป็นการรักษาสมดุลทั้งห่วงโซ่ ตั้งแต่เกษตรกรไปจนถึงโรงงาน และต้องยึดตามกติกาที่กำหนดไว้ พร้อมกำชับเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ตรวจสอบการปฏิบัติจริงอย่างเข้มข้น
“สิ่งสำคัญที่สุดคือการลงตรวจสอบให้เป็นไปตามมติ ไม่เช่นนั้นจะกระทบทั้งระบบ เรากำหนดราคาแล้ว ทุกฝ่ายต้องเคารพกติกา เกษตรกรมั่นใจได้ว่าจะได้รับราคาที่เป็นธรรม” รมว.พาณิชย์ กล่าว.-512-สำนักข่าวไทย