พังงา 4 มิ.ย. – อธิบดีกรมอุทยานฯ สั่งเอาผิดเรือขนส่งสินค้าสัญชาติเมียนมาที่เกยตื้นแนวปะการังในพื้นที่อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสุรินทร์ถึงที่สุด พร้อมเรียกค่าเสียหายกว่า 12 ล้านบาท สั่งเร่งกู้ซากเรือ โดยให้กระทบต่อแนวปะการังน้อยที่สุด
นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช เปิดเผยว่า จากกรณีเรือบรรทุกสินค้าสัญชาติเมียนมา “MV.AYAR LINN” เกยตื้นบนแนวปะการังบริเวณอ่าวจาก อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสุรินทร์ จังหวัดพังงา กรมอุทยานฯ ได้ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งประเมินความเสียหายและกำหนดแนวทางดำเนินการทางกฎหมายต่อผู้รับผิดชอบอย่างถึงที่สุด ทั้งในทางอาญาและทางแพ่ง พร้อมจัดทำตัวเลขเรียกค่าชดเชยต่อทรัพยากรธรรมชาติที่ได้รับผลกระทบ
จากผลการสำรวจเบื้องต้นของเจ้าหน้าที่ พบว่าแนวปะการังได้รับความเสียหายเป็นระยะทางประมาณ 75 เมตร โดยเฉพาะช่วงระยะ 45–75 เมตร ที่ตัวเรือทับอยู่โดยตรง คาดว่าพื้นที่ปะการังที่เสียหายมีขนาดประมาณ 150 ตารางเมตร โดยชนิดปะการังที่ได้รับผลกระทบหลัก ได้แก่ ปะการังสีน้ำเงิน (Heliopora coerulea) เสียหายประมาณ 80%, ปะการังเขากวาง (Acropora sp.) 15%, ปะการังโขด (Porites lutea) 5% และยังพบปะการังแตกหักอีกหลายโคโลนี เช่น ปะการังสมองร่องสั้น (Platygyra daedalea), ปะการังดอกกะหล่ำ (Pocillopora), และปะการังดาวเหลี่ยม (Leptastrea purpurea)
นอกจากนี้ยังพบขยะจากตัวเรือ อาทิ กระดาษลัง เศษผ้า ยางรถบรรทุก และสายยาง ตกค้างและติดอยู่ตามแนวปะการัง อาจส่งผลกระทบต่อการฟื้นตัวของระบบนิเวศทางทะเล
อธิบดีกรมอุทยานฯ ระบุว่า การประเมินค่าชดเชยใช้เกณฑ์มาตรฐานของกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง โดยพิจารณาค่าทดแทนจากการฟื้นฟู (R), ค่าความเสียโอกาสทางระบบนิเวศ (O), และค่าดำเนินการ (C) รวมมูลค่าทั้งสิ้น 12,035,477.50 บาท แบ่งเป็น
- ค่าฟื้นฟูแนวปะการัง (R) = 10,003,927.50 บาท
- ค่าความเสียโอกาส (O) = 1,631,550 บาท
- ค่าดำเนินการ (C) = 400,000 บาท
กรมอุทยานฯ ได้สั่งการให้เร่งรวบรวมพยานหลักฐาน ส่งดำเนินคดีทั้งในด้านอาญาและแพ่ง รวมถึงประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง, ศูนย์วิจัยทางทะเล, เจ้าท่าภูมิภาค, ศรชล., หน่วยทหารเรือ และตำรวจภูธรคุระบุรี เพื่อกำหนดแผนการกู้เรือโดยให้เกิดผลกระทบต่อปะการังน้อยที่สุด พร้อมวางแผนฟื้นฟูร่วมกับนักวิชาการและภาคีเครือข่ายอย่างใกล้ชิด. -512-สำนักข่าวไทย