กรุงเทพฯ 1 เม.ย. – ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล แถลงจับกุมอาชญากรรมในพื้นที่กรุงเทพฯ-ปริมณฑล หลายคดี ทั้งคดียาเสพติด และแก๊งลักรถจักรยานยนต์เครือข่ายภาคิน
พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล แถลงผลการจับกุมกัญชาอัดแท่ง น้ำหนักกว่า 500 กิโลกรัม พร้อม อุปกรณ์บรรจุหีบห่อ ซึ่งเป็นผลงานการจับกุมของกองกำกับการสืบสวนสอบสวน กองบังคับการตำรวจนครบาล 6 หลังจากสืบทราบว่า นายสกลพรรธดิ์ หรือ โบ๊ท อายุ 26 ปี มีพฤติการณ์ลักลอบจำหน่ายกัญชาอัดแท่งผ่านสื่อออนไลน์ และจัดส่งโดยระบบพัสดุภัณฑ์ ผ่านบริษัทเอกชน ตำรวจจึงเฝ้าติดตามพฤติกรรมนานร่วม 3 เดือน กระทั่งเช้ามืด 30 มีนาคมที่ผ่านมา พบการเคลื่อนไหวขนย้ายกัญชาอัดแท่งจำนวนมากมาเก็บไว้ที่บ้านหลังหนึ่ง ย่านแฮปปี้แลนด์สาย 1 แขวงคลองจั่น เขตบางกะปิ
จากการตรวจค้นพบของกลางกัญชาอัดแท่ง จำนวน 508 กิโลกรัม สอบสวนนายโบ๊ท ให้การรับสารภาพว่าได้โพสต์ขายกัญชาออนไลน์ผ่านทาง facebook โดยใช้ชื่อ “โคตรเสีย 007” และทำมาแล้ว 8 เดือน สามารถขายกัญชาได้วันละ 30-50 กิโลกรัม กิโลกรัมละ 5,000 บาท รวมรายได้เดือนละกว่า 3 ล้านบาท
ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ระบุว่า ตาม พ.ร.บ.ยาเสพติดใหม่ ตำรวจต้องดำเนินการอายัดทรัพย์สินของผู้ต้องหาทั้งหมด เพื่อทำการตรวจสอบที่มาที่ไปว่าทรัพย์สินดังกล่าวได้มาจากการค้ายาเสพติดหรือไม่ พร้อมแจ้งข้อหามียาเสพติดให้โทษประเภท 5 กัญชา ไว้ในครอบครองเพื่อการค้า โดยไม่ได้รับอนุญาต และเร่งขยายผลแหล่งผลิตเครือข่ายค้ายาของนายโบ๊ทต่อไป
คดีที่ 2 เป็นผลงานการจับกุมแก๊งลักรถจักรยานยนต์นายภาคิน หรือ กาย ซึ่งเป็นผลงานการจับกุมของตำรวจ สน.บางโพงพาง โดยตำรวจฝ่ายสืบสวน สน.บางโพงพาง สามารถจับกุมนายภาคิน อายุ 21 ปี หัวหน้าแก๊ง พร้อมเพื่อนร่วมขบวนการอีก 4 คน พร้อมของกลางเป็นรถบรรทุก 6 ล้อ 1 คัน รถจักรยานยนต์ รวม 4 คัน การจับกุมครั้งนี้ สืบเนื่องมาจากก่อนหน้านี้เกิดเหตุคนร้ายลักรถจักรยานยนต์ในพื้นที่ ตำรวจจึงสืบสวน และพบหลักฐานสำคัญนำไปสู่การจับกุม คือ ภาพวงจรปิด ขณะที่คนร้ายขี่รถจักรยานยนต์ของกลางผ่านแยกไฟแดงจากพื้นที่ก่อเหตุ และต่อเนื่องเข้าพื้นที่ สภ.เมืองสมุทรปราการ และ สภ.พระประแดง ซึ่งการโจรกรรมตรงกับพฤติการณ์ของคนร้ายที่เคยถูกจับกุมเมื่อปี 2562 และจากการตรวจสอบประวัติพบคนร้ายรายนี้ คือ นายภาคิน ซึ่งพ้นโทษออกมาเมื่อปลายปี 2563 ตำรวจจึงเฝ้าติดตามพฤติกรรมของนายภาคิน จนทราบว่าประมาณ 18.00 น. ของวันที่ 29 มีนาคม แก๊งลักรถจักรยานยนต์จะมีการส่งมอบรถจักรยานยนต์ที่ทำการโจรกรรมมาแล้วอย่างน้อย 2 คัน ในหมู่บ้านเศรษฐกิจ 45 ตำรวจจึงซุ่มดูความเคลื่อนไหว เมื่อถึงเวลานัดหมาย พบชาย 3 คน ขับรถบรรทุก 6 ล้อ เข้ามาในพื้นที่ โดยหนึ่งในนั้นคือ นายภาคิน และยังพบว่าภายในรถบรรทุกมีรถจักรยานยนต์ที่ถูกแจ้งหายไว้ในพื้นที่ สน.ลาดกระบัง 1 และ สน.ประเวศ 2 คัน
สอบสวนนายภาคิน ให้การรับสารภาพร่วมกับพวกรวม 5 คน ออกตระเวนก่อเหตุลักรถจักรยานยนต์ในพื้นที่กรุงเทพฯ นนทบุรี สมุทรปราการ และฉะเชิงเทรา โดยทำมาแล้วมากกว่า 40 คัน ตำรวจแจ้งข้อหาร่วมกันลักทรัพย์ในเวลากลางคืน โดยทำด้วยประการอื่นเพื่อไม่ให้เห็นหรือจำหน้าได้ และร่วมกันลักทรัพย์โดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทำความผิด หรือการพาทรัพย์นั้นไป หรือเพื่อให้พ้นจากการจับกุม
คดีที่ 3 เป็นผลงานการจับกุมแก๊งลักรถจักรยานยนต์ของกองบังคับการสืบสวนสอบสวนนครบาล สามารถจับกุมนายบรีส พิลาดรัมย์ อายุ 20 ปี นายศิริพงษ์ หรือ อั๋น พุ่มทอง อายุ 21 ปี ได้บริเวณริมคลอง ภายในวัดโพธิ์ทอง และนายพันธ์ภิภพ แสงเนียม อายุ 18 ปี พร้อมด้วยของกลางรถจักรยานยนต์ ยี่ห้อฮอนด้า เวฟ 110i สีแดง หมายเลขทะเบียน 1 กท 1687 เพชรบุรี จํานวน 1 คัน ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน แจ้งหาย สภ.เมืองสมุทรสาคร รถจักรยานยนต์ รวม 4 คัน
การจับกุมสืบเนื่องจาก บช.น.ได้รับการประสานจากฝ่ายสืบสวน สภ.กระทุ่มแบน และ สภ.ในเขตใกล้เคียง ว่ามีแก๊งลักรถจักรยานยนต์ตระเวนก่อเหตุในพื้นที่จังหวัดสมุทรสาครและจังหวัดนครปฐม และได้หลบหนีตามเส้นทางในเขตกรุงเทพมหานคร จนกระทั่งสืบทราบว่า ผู้ต้องหา 3 ราย ได้ร่วมก่อเหตุใช้รถจักรยานยนต์ยามาฮ่า เอ็กซ์แม็กซ์ 300 สีเทาดํา ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน ขณะไปก่อเหตุในพื้นที่ สภ.กระทุ่มแบน สภ.โพธิ์แก้ว สภ.เมืองสมุทรสาคร โดยจะเลือกเฉพาะรถจักรยานยนต์ ยี่ห้อฮอนด้า เวฟ 110i ใหม่ หรือรถป้ายแดง โดยจะลงมือในช่วงเวลาที่เจ้าของรถพักผ่อนหลังเที่ยงคืน เมื่อตระเวนพบรถที่สนใจ จอดโดยไม่มีมาตรการรักษาความปลอดภัย ก็จะลงมือลักโดยการต่อสายสตาร์ทโดยตรง และถีบทําลายการล็อกคอรถ จากนั้นจะขับขี่ไประยะไกล ๆ เพื่อหลบหนีการตรวจสอบกล้องวงจรปิด
จากการสอบสวนผู้ต้องหาทั้ง 3 คน ให้การรับสารภาพว่าก่อเหตุจริง เมื่อลักรถจักรยานยนต์มาได้จะนําไปจอดที่ลับตาผู้คน จากนั้นจะซื้อเบ้ากุญแจประมาณ 700 บาท จากร้านขายอะไหล่รถจักรยานยนต์ทั่วไป นํามาเปลี่ยน เมื่อสภาพสมบูรณ์แล้วก็จะนํามาโพสต์ขายตามเฟซบุ๊ก ราคา 10,000-13,000 บาท เมื่อผู้ซื้อตกลงราคาได้แล้ว จะนัดมารับรถจักรยานยนต์ที่ขโมยมา โดยรถตู้รับจ้างขนส่งที่วัดโพธิ์ทอง แขวงบางมด เขตจอมทอง กรุงเทพมหานคร และเงินที่จากการขายรถจักรยานยนต์จะนํามาแบ่งกันเที่ยวเตร่ และใช้หนี้นอกระบบ จากตรวจสอบประวัติพบว่า นายบรีส พิลาดรัมย์ เคยมีประวัติต้องหาคดี “ลักทรัพย์โดยมีอาวุธ หรือร่วมกระทําความผิดด้วยกันตั้งแต่สองคน” พื้นที่ สน.วัดพระยาไกร
เบื้องต้นแจ้งข้อหา “ร่วมกันลักทรัพย์ในเคหสถานเวลากลางคืน โดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทําผิด หรือพาทรัพย์นั้นไป หรือเพื่อให้พ้นจากการจับกุม หรือรับของโจร” ก่อนนำตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวน สภ.กระทุ่มแบน เพื่อดําเนินคดีตามกฎหมายต่อไป.-สำนักข่าวไทย