21 ก.พ. – ตำรวจไซเบอร์แถลงจับกุมแก๊งหลอกข้าราชการบำนาญ หลอกติดตั้งแอปฯ ดูดเงินสูญกว่า 500,000 บาท
พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผู้บัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี แถลงข่าวจับกุมแก๊งหลอกข้าราชการบำนาญ หลอกติดตั้งแอปฯ ก่อนดูดเงิน โดยระบุว่า จากการจัดโครงการ Senior’s Community Cyber Police Club” ที่เป็นการเตือนภัยสำหรับผู้สูงอายุวัยเกษียณ 60 ปีขึ้นไป / สามีของผู้เสียหายได้เข้าร่วมรับฟังกลโกงต่างๆ กับทาง ผบช.สอท. และขอความช่วยเหลือผ่านทางการไลฟ์ในห้อง Zoom เนื่องจากถูกมิจฉาชีพหลอกให้ติดตั้งแอปพลิเคชันดูดเงิน จนสูญเงินกว่า 540,000 บาท
โดยภรรยา (ผู้เสียหาย) อายุ 66 ปี ได้รับโทรศัพท์ ซึ่งโทรมาที่เครื่องของสามี ปลายสายแจ้งว่าเป็นเจ้าหน้าที่หน่วยงานราชหารแห่งหนึ่ง อ้างว่าสามีของตนยังไม่ได้รับเงินบำเหน็จดำรงชีพจากกองคลัง และจะช่วยลงทะเบียนให้เพื่อให้ได้รับเงินก้อนนี้ จากนั้นคนร้ายจะได้ส่งลิงค์มาทาง SMS เพื่อให้เพิ่มเพื่อนทางไลน์ ชื่อ “กองบริหารการคลัง” หลังจากที่มีการเพิ่มเพื่อนในไลน์แล้ว คนร้ายได้วิดีโอคอลมาหาผู้เสียหาย แต่คนร้ายไม่เปิดกล้อง จากนั้นได้มีการหลอกล่อให้ผู้เสียหายติดตั้งแอปพลิเคชัน ด้วยการส่งลิ้งค์ดาวน์โหลดนอก App Store หรือ Google Play ชื่อว่า Digital Pension ตัวแอปฯ มีการสร้างคล้ายกับหน่วยงานราชการเพื่อสร้างความเชื่อถือให้กับผู้เสียหาย ในรอบแรกไม่สามารถติดตั้งได้เนื่องจากโทรศัพท์ของผู้เสียหายมีระบบป้องกันความปลอดภัย เลยทำให้คนร้ายดูดเงินไม่สำเร็จ ต่อมาช่วงเย็นวันในวันเดียวกันคนร้ายได้ส่งลิ้งค์ดาวน์โหลดเดิมมาให้ผู้เสียหาย และได้ให้ผู้เสียหายปลดล็อคโทรศัพท์และติดตั้งแอปฯ ใหม่อีกครั้ง หลังจากติดตั้งสำเร็จ คนร้ายก็ได้ทำการควบคุมโทรศัพท์และดุลเงินออกจากบัญชีผู้เสียหายจำนวน 540,000 บาท
จากการสืบสวนสามารถจับกุมคนร้ายได้ 2 คน เป็นบัญชีม้า ผู้ต้องหาคนแรกให้การว่า ในปี 2567 ได้รับการชักชวนจากเพื่อนแถวบ้านให้เปิดบัญชีให้กับเว็บพนัน จึงได้ไปเปิดบัญชีที่ กทม. และสระแก้ว รวม 6-7 บัญชี ได้รับค่าจ้างบัญชีละ 500 – 1,000 บาท แต่ต้องเดินทางไปสแกนหน้าที่ประเทศเพื่อนบ้าน จึงมีการแจ้งข้อหา ร่วมกันลักทรัพย์โดยรวมว่าเป็นเจ้าพนักงาน / ความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ในการบิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน / เข้าถึงโดยมีชอบซึ่งระบบข้อมูลคอมพิวเตอร์ซึ่งมีมาตรการป้องกันการเข้าถึงโดยเฉพาะและมาตรการนั้นมิได้มีไว้สำหรับตน / ทำให้เสียหาย ทำลาย แก้ไข เกิดแก่ทรัพย์สินของผู้อื่น / และเปิดหรือยินยอมให้บุคคลอื่นใช้บัญชีเงินฝาก
ส่วนผู้ต้องหาอีก 1 ราย พบว่าถูกจับกุมในพฤติกรรมลักษณะเดียวกัน ขณะนี้ถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำกลางจังหวัดสุรินทร์
ส่วนเงินที่มีการหลอกผู้เสียหาย คาดว่าทันทีที่ผู้เสียหายโอนเงินไปยังคนร้าย คนร้ายได้เปลี่ยนเป็นเงินดิจิตอล ที่อยู่ในขบวนการแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่อยู่ประเทศเพื่อนบ้าน ขณะนี้ได้มีการประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อขยายผลติดตามต่อไป. -420- สำนักข่าวไทย