“หมอกล้า” เปิดใจคิดปิดคลินิกหนี เชื่ออนาคตถูกทำร้ายซ้ำอีก

กรุงเทพฯ 28 ม.ค. – “หมอกล้า” เปิดใจเริ่มคิดปิดคลินิกหนีไปต่างจังหวัด เชื่ออนาคตถูกทำร้ายซ้ำอีก พุ่งเป้าให้ใบหน้าเสียโฉม ยอมรับเคยจ้างนักสืบเอกชนค้นหาประวัติคนไข้สาวคู่กรณี ด้านตำรวจบุกค้นย่านคลองเตย แต่ยังไม่พบตัวคนร้าย


นพ.ชเนษฎ์ หรือ หมอกล้า แถลงเปิดใจ หลังเข้าให้ปากคำอย่างเป็นทางการกับตำรวจ สน.ทุ่งมหาเมฆ เมื่อกลางดึกคืนที่ผ่านมา ยืนยันคนร้ายที่ก่อเหตุทำร้ายร่างกายตน เป็นกลุ่มเดียวกับที่เคยก่อเหตุทำร้ายผิดตัว เมื่อกลางปี 2567 รวมทั้งกรณีคนไข้สาวรายหนึ่งแฝงตัวมาปรึกษาปัญหาลดน้ำหนัก แต่ภายกลับนำเรื่องไปร้องเรียนแพทยสภาจนถูกตรวจสอบทางด้านวิชาชีพ และตำรวจเข้าค้นคลินิก จึงปักใจว่าทั้ง 3 เหตุการณ์เป็นนายจ้างกลุ่มเดียวกันที่ว่าจ้างให้มาทำร้ายตน โดยหวังทำให้ใบหน้าเสียโฉม เช่น จมูกหัก เนื่องจากตนเป็นแพทย์ด้านความงาม เชื่อว่าคนร้ายไม่หวังจะเอาถึงชีวิต เพียงให้ตกใจกลัวเท่านั้น

ทั้งนี้ ตนเคยว่าจ้างนักสืบเอกชนให้สืบเสาะประวัติหญิงสาวที่แฝงตัวมาลดน้ำหนักแล้วไปร้องแพทย์สภาว่ามีจุดประสงค์อะไรถึงทำในลักษณะดังกล่าว โดยนักสืบหาข้อมูล จนพบว่าหญิงรายดังกล่าวเป็นแม่ค้าออนไลน์ ที่ไม่เกี่ยวข้องกับธุรกิจความงาม และตนพยายามขอพูดคุยกับหญิงสาวรายดังกล่าวแต่เธอไม่พูดด้วย ซึ่งภายหลังยังมีการย้อนกลับมาถ่ายภาพคลินิกเป็นระยะ


“หมอกล้า” ยืนยันส่วนตัวไม่มีปัญหาบาดหมางกับใคร หรือกับอดีตแฟนเก่าที่เพิ่งเลิกราก็จบกันด้วยดี ซึ่งอดีตแฟนเก่าก็มีชีวิตที่ดี ส่วนตัวก็ไม่เกี่ยวข้องกับการพนัน หรือสิ่งผิดกฎหมาย แต่ยอมรับว่าเป็นคนที่ต่อต้านการพนันออนไลน์ โดยจะบริจาคเงิน หรือให้ข้อมูลกับหน่วยงานที่ทำหน้าที่ปราบปรามการพนันออนไลน์อย่างต่อเนื่อง ทำให้อดคิดไม่ได้ว่านี่อาจเป็นสาเหตุที่ถูกลอบทำร้ายได้หรือไม่ ซึ่งตนได้ให้ข้อมูลกับตำรวจไว้แล้ว แต่ตำรวจคิดว่าไม่เป็นประเด็น

อย่างไรก็ตาม ตนยังเชื่อว่าหากไม่ปิดกิจการความงามที่กรุงเทพฯ และแม้ว่าตำรวจจะจับตัวคนร้ายได้ แต่เหตุการณ์ทำร้ายซ้ำๆ แบบนี้ ก็ยังจะเกิดขึ้นได้อีกแน่นอน จึงเริ่มคิดหมือนกันว่าอาจต้องปิดกิจการสาขาในกรุงเทพฯ เพื่อกลับไปทำงานที่จังหวัดพิจิตรดีหรือไม่ แต่ก็เป็นห่วงพนักงานจำนวนหลายร้อยชีวิต ที่จะได้รับผลกระทบ

ด้าน พ.ต.อ.พนม เชื้อทอง ผู้กำกับ สน.ทุ่งมหาเมฆ เปิดเผยความคืบหน้าในการติดตามตัว 2 คนร้ายที่ก่อเหตุทำร้าย นพ.ชเนษฎ์ ว่า จากการตรวจสอบวงจรปิด โดยชุดสืบสวนไล่กล้องไปสุดที่ย่านคลองเตย จึงมีการเข้าตรวจค้นในพื้นที่คลองเตย ที่คาดว่าเป็นที่พักอาศัย ปรากฏว่าไม่พบตัว ขณะนี้จึงมีการเฝ้าระวังพื้นที่ไว้


ส่วนการสอบปากคำผู้เสียหายเมื่อคืนที่ผ่านมา พนักงานสอบสวน ให้ผู้เสียหายชี้ภาพถ่ายคนร้ายยืนยัน ซึ่งสามารถชี้ตัวบุคคลยืนยันและระบุชื่อที่อยู่ได้อย่างชัดเจน โดยพบคนร้ายเป็นบุคคลที่เคยมีประวัติเกี่ยวกับยาเสพติด ตำรวจกำลังเร่งติดตาม คาดว่าจะได้ตัวเร็วๆ นี้. -412-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ผ่าไชน่า เรลเวย์ คว้า 3 โครงการรัฐในภูเก็ต

เหตุการณ์ตึก สตง.ถล่ม กลายเป็นปฐมบทในการปูพรมตรวจสอบบริษัท ไชน่า เรลเวย์ หลังพบเป็นผู้ชนะการประมูลโครงการก่อสร้างตึก สตง. และโครงการรัฐหลายแห่งทั่วประเทศ ล่าสุดที่ จ.ภูเก็ต ตรวจพบ 3 โครงการ และหนึ่งในนั้นกำลังมีปัญหาก่อสร้างที่ไม่ได้มาตรฐาน

มหาสงครามโลก

นักวิชาการชี้ “มหาสงครามโลกครั้งที่ 3” เกิดแน่ถ้าโลกยังตึงเครียด

นักวิชาการด้านความมั่นคงและการต่างประเทศระดับแนวหน้าของไทย มีความเห็นตรงกันว่า หากผู้นำชาติมหาอำนาจไม่เร่งลดระดับความตึงเครียดสถานการณ์โลก

กู้ภัยนานาชาติ เครือข่าย USAR ถอนกำลังแล้ว

กู้ภัยนานาชาติ เครือข่าย USAR ถอนกำลังแล้ว หลังอยู่ปฏิบัติภารกิจค้นหา-กู้ชีพ สนับสนุนกู้ภัยไทย เหตุตึก สตง.ถล่ม กว่า 1 สัปดาห์

ธรรมชาติใต้ดินเปลี่ยนไป หลังแผ่นดินไหว 1 สัปดาห์

แผ่นดินไหวที่เกิดขึ้นเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ส่งแรงสั่นสะเทือนในหลายพื้นที่ของภาคเหนือ แม้บนพื้นผิวดินจะไม่ได้สร้างความเสียหายมากนัก แต่พบความเปลี่ยนแปลงสภาพใต้ดินจนเกิดปรากฏการณ์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ทั้งหลุมยุบขนาดใหญ่ น้ำพุร้อนที่เคยพุ่งจากใต้ดินหายไป แต่น้ำตกที่แห้งในหน้าแล้งกลับมีน้ำไหลออกมา ซึ่งนักธรณีวิทยายืนยันเป็นผลพวงจากแผ่นดินไหวครั้งนี้

ข่าวแนะนำ

ชุดค้นหาลงโพรงโซน B, C ลึก 5-6 เมตร ได้กลิ่นแรง ไม่พบผู้สูญหาย

“กู้ภัย” เผยเจาะโพรงพื้นที่โซน B และ C ได้แล้ว พร้อมส่งชุดค้นหาลงโพรงไปตรวจสอบลึก 5-6 เมตร ยังไม่พบผู้สูญหายเพิ่ม แต่ได้กลิ่นแรง เร่งเดินหน้าเครื่องจักรหนักเคลียร์ซากต่อเนื่อง ยันจะช่วยเหลือจนกว่านำร่างสุดท้ายออกมาครบ

รถบัสรับส่งพนักงานพุ่งตกคูน้ำ เจ็บ 21

รถบัสรับส่งพนักงานพุ่งตกคูน้ำ ถนนสายเอเชีย ขาขึ้น จ.พระนครศรีอยุธยา มีผู้บาดเจ็บ 21 คน คาดคนขับหลับใน เบื้องต้นยังไม่พบตัว