สน.วิภาวดี 30 ต.ค.- สาวพริตตี้ร้องฯ ถูกหนุ่มโชเฟอร์ขับกระบะตู้ทึบซิ่งชน อาการสาหัสกระดูกข้อเท้าหัก-แผลเนื้อตายที่ขา หมดเงินรักษาร่วมล้านบาท ผ่านมา 8 เดือน คู่กรณีไร้การเยียวยา
นางสาวรมณ อายุ 27 ปี อาชีพพริตตี้ ผู้เสียหาย พร้อมด้วนนายสันติพงษ์ อายุ 32 ปี แฟนหนุ่ม และนายเอกชัย ทนายความ เดินทางมาสอบถามความคืบหน้าที่ สน.วิภาวดี (งานศูนย์ควยคุมจราจรวิภาวดีรังสิต) ในคดีที่ถูกนายจักรกฤษณ์ อายุ 22 ปี ชาว จ.บุรีรัมย์ พนักงานขับรถส่งของบริษัทเอกชนแห่งหนึ่ง ขับขี่รถยนต์กระบะพุ่งชน นางสาวรมณ ขณะนั่งซ้อนท้ายรถ จยย.ของนายสันติพงษ์ แฟนหนุ่ม ส่งผลให้ได้รับบาดเจ็บสาหัส กระดูกข้อเท้าขวาหัก, เส้นเอ็นข้อเข่าขวาฉีกขาด มีบาดแผลเนื้อตายหลังเข่าขวาขนาดใหญ่ ต้องนอนรักษาตัวอยู่ รพ. กว่า 2 เดือน เหตุเกิดบนถนนวิภาวดี-รังสิตฝั่งขาเข้า ใกล้กับซอยมิตรไมตรี 2 แขวงและเขตดินแดง กรุงเทพฯ เมื่อช่วงเที่ยงคืนของวันที่ 10 มี.ค.67 ภายหลังพนักงานสอบสวนชี้ว่าคู่กรณีเป็นฝ่ายประมาท ผ่านมากว่า 8 เดือน แต่กลับไร้การเยียวยา
นางสาวรมณ กล่าวว่า วันเกิดเหตุกลับจากไปรับประทานอาหารที่ย่านห้วยขวาง และขณะกำลังซ้อนรถจักรยานยนต์ของแฟนหนุ่มกลับบ้านที่ย่านดินแดง เมื่อรถ จยย.มาถึงถนนวิภาวดีขาเข้า ช่องทางคู่ขนาน ช่วงทางออกถนนมิตรไมตรี 2 มุ่งหน้าดินแดง ก็ถูกรถกระบะพุ่งเข้ามาชนจากด้านหลังอย่างจังจนตนเองสลบไป ส่วนแฟนหนุ่มที่เป็นคนขับได้รับบาดเจ็บ เมื่อตื่นขึ้นมาพบว่าอยู่โรงพยาบาล เดินไม่ได้ แพทย์วินิจฉัยว่ากระดูกข้อเท้าขวาหัก มีโอกาสข้อเท้าเสื่อม เส้นเอ็นไขว้หน้าเข่าขวาฉีกขาด เข่าขวาเหมือนโดนวัตถุบางอย่างเสียบทะลุ แพทย์ต้องคว้านเนื้อและปลูกถ่ายเนื้อใหม่ มีแผลครูด และแผลถูกความร้อนยาวตลอดแนวขาขวา ผ่าตัดใหญ่ไปแล้ว 2 ครั้ง ต้องนอนโรงพยาบาลนานกว่า 2 เดือน และกลับมารักษาตัวต่อที่บ้าน แต่เวลาเดินต้องใช้ไม้เท้า เพิ่งจะดีขึ้นกลับมาเดินได้เมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา รวมค่ารักษาพยาบาลเกือบ 1 ล้านบาท โดยค่ารักษาพยาบาลเบิกผ่าน พ.ร.บ.และประกันของคู่กรณีได้เพียงคนละ 5 แสนบาท ส่วนต่างจำนวนมากต้องจ่ายเอง ตลอดระยะเวลาที่รักษาตัวไม่สามารถรับงานได้ ทำให้ขาดรายได้มาตลอด 7-8 เดือนที่ผ่านมา ต้องสูญเสียรายได้ และหลังจากนี้ขามีรอยแผลเป็นขนาดใหญ่ ก็ไม่สามารถกลับไปทำงานเดิมได้อีกแล้ว
ผู้เสียหาย กล่าวว่า เมื่อไปติดตามความคืบหน้ากับตำรวจ ก็ทราบว่าตอนแรกคู่กรณีไม่ยอมรับผิด กล่าวหาว่าแฟนตนเองขี่รถจักรยานยนต์เลี้ยวออกจากซอยไปตัดหน้ารถกระบะที่มาทางตรง ซึ่งไม่เป็นความจริง มีกล้องวงจรปิดยืนยัน คู่กรณีถึงยอมรับ แต่ก็ยังไม่มีการดำเนินคดี โดยตำรวจอ้างว่ายังต้องรอเอกสารการตรวจสภาพรถคู่กรณีก่อน แต่ตนเองมองว่าล่าช้าเกินไป จึงมาติดตามความคืบหน้าคดี
เบื้องต้น ตำรวจ สน.วิภาวดี รับเรื่องไว้ตรวจสอบ และจะประสานงานกับ พ.ต.ท.เจร์ฎพิวัฒน์ ตันอยู่โชค รอง ผกก.(สอบสวน) งานศูนย์ควบคุมจราจรวิภาวดีฯ กก.2 บก.จร. เจ้าของคดีเพื่อให้ติดต่อกลับชี้แจงความคืบหน้ากับทางผู้เสียหายโดยเร็วที่สุด.-419- สำนักข่าวไทย