“ทนายตั้ม” โวยคดี “บิ๊กต่อ-บิ๊กโจ๊ก” 2 มาตรฐานหรือไม่

23 เม.ย. – “ทนายตั้ม” เปิดหลักฐานชี้ให้สังคมเห็นการทำคดีของ “บิ๊กต่อ-บิ๊กโจ๊ก” สองมาตรฐาน พร้อมเปิดหลักฐานบัญชีม้าโอนเงินให้คนสนิท “บิ๊กต่อ” ระบุหากเส้นเงิน “บิ๊กโจ๊ก” ผิดจริง “บิ๊กต่อ” ก็ต้องโดนด้วย


นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม แถลงข่าวกรณี 2 นายตำรวจ มีส่วนพัวพันในคดีฟอกเงินเหมือนกัน แต่กลับถูกดำเนินคดีแบบสองมาตรฐาน โดยกล่าวว่า ที่ผ่านมามีการวิพากษ์วิจารณ์ว่าตนเองไม่ได้ทำเพื่อชาติ แต่เป็นการทำเพื่อ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล ที่ตนเองมีความสนิทสนมนานหลายปี แต่ยืนยันว่าวันนี้ไม่มีเรื่องเพื่อนพี่น้อง เป็นการทำเพื่อชาติ ใครจะโกรธก็ต้องโกรธ ตนจะดำเนินคดีทั้งสองฝ่ายให้ถึงที่สุด

นายษิทราได้เปิดแผนผังแสดงความเชื่อมโยงระหว่างบัญชีม้าจากเว็บไซต์พนันออนไลน์ bnk master ที่มีความเชื่อมโยงไปถึงตำรวจทั้ง 2 นาย โดยกรณีของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ พบว่ามีเงินจากเว็บพนันออนไลน์โอนเข้าบัญชีม้าที่ผู้ใต้บังคับบัญชาถืออยู่จำนวน 4 บัญชี และโอนไปยังบัญชีครอบครัว รวมทั้งมีการโอนไปยังโรงพยาบาลแห่งหนึ่ง ใจกลางกรุงเทพมหานคร จำนวน 4 ล้านบาท เพื่อใช้เป็นค่ารักษาพยาบาลให้กับครอบครัว และยังมีการโอนเข้าไปยังบัญชีของน้องชายและแม่เดือนละ 50,000 บาท ซึ่งเป็นหลักฐานที่สามารถดำเนินคดีอาญากับ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ได้อย่างแน่นอน แต่เรื่องของวินัยนั้นตนเองไม่ทราบรายละเอียดขั้นตอน แต่มองว่ามีการกระทำเป็นขบวนการเร่งรัดให้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ถูกสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อนทันที ก่อนที่ตำรวจจะส่งสำนวนให้ ป.ป.ช. อีกครั้ง


ขณะที่การดำเนินคดีของ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ ตนเองได้นำพยานหลักฐานทั้งเส้นทางการเงินและอื่นๆ ไปร้องทุกข์กล่าวโทษที่สถานีตำรวจนครบาลเตาปูน และกองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บก.ปปป.) ยังไม่มีความคืบหน้า พนักงานสอบสวนอ้างว่าอยู่ระหว่างตรวจสอบเส้นทางการเงินและตรวจสอบต้นทางของบัญชีต่างๆ ซึ่งมองว่าเป็นการดำเนินการสองมาตรฐานของเจ้าหน้าที่ตำรวจ พร้อมตั้งคำถามว่า พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว จะกล้าดำเนินคดีกับผู้บังคับบัญชา คือ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ หรือไม่ ทั้งที่หลักฐานที่ตนเองนำไปส่งให้นั้นชัดเจนว่ามีการโอนเงินจากบัญชีม้าไปยังภรรยาของ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ และเครือญาติชัดเจน ทั้งยังพบว่าเงินถูกใช้จ่ายเป็นค่านิติบุคคลให้กับคอนโดมิเนียม 3 แห่ง รีสอร์ตหรูชื่อดังที่ อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา และเป็นค่าใช้จ่ายสำหรับรถอีกหลายคัน แต่ไม่ขอระบุว่าเจ้าของอสังหาริมทรัพย์ดังกล่าวเป็นใคร เพราะเกรงว่าจะทำให้เกิดปัญหาครอบครัว

ย้ำว่าค่าใช้จ่ายเหล่านี้ ต้นทางมาจากบัญชีม้าบัญชีหนึ่งของนายณัฐพงศ์ ที่มีเงินเข้าจากเว็บไซต์พนันออนไลน์ เฉพาะบัญชีนี้เดือนละ 80 ล้านบาท ยอดรวมทั้งหมดมีมากกว่า 800 ล้านบาท นอกจากนี้พบว่าเงินจากบัญชีนี้ถูกโอนต่อเป็นทอดและเชื่อมโยงไปยังปลายทาง คือบัญชีของเครือญาติและคนสนิท พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ ในลักษณะเดียวกันกับกรณีของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ จึงเป็นเหตุให้ตั้งข้อสงสัยว่าการดำเนินการของพนักงานสอบสวนมี 2 มาตรฐาน พร้อมตำหนิการทำงานของพนักงานสอบสวนว่าหลักฐานขนาดนี้ดำเนินคดีไม่ได้ก็ไปชิงหมาเกิด

พร้อมตั้งคำถามว่าการที่ไม่มีใครกล้าดำเนินคดีกับ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ เนื่องจากมีเบื้องหลังดีหรือไม่ และเชื่อว่านายกรัฐมนตรีก็ไม่กล้ายุ่งเช่นกัน ขอให้ประชาชนช่วยสนับสนุนตนเองด้วย เพราะตนเองยอมตาย เสียสละ ทำเพื่อชาติ ในอนาคตอาจจะโดนยิงตายก็ได้ ถ้าทำให้ส่วยน้อยลงตนเองอาจได้ขึ้นสวรรค์ก็ได้ และต่อไปนี้จะทำเพื่อประชาชน ใครที่โทรศัพท์มาปรึกษาคดีกับตนในหมายเลขโทรศัพท์เดิมก็จะไม่คิดเงินอีกต่อไป และหากหลักฐานที่ตนยื่นไปเป็นเท็จก็ดำเนินคดีกับตนเองได้


ทั้งนี้ พรุ่งนี้ (24 เม.ย.) ตอนจะนำข้อมูลเส้นทางการเงินของ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ ไปให้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ที่ บก.ปปป. เวลา 10.00 น. พล.ต.ต.จรูญเกียรติ จะอยู่พบตัวเองหรือไม่ก็ไม่เป็นไร และให้ขอดูการกระทำของตนเองที่กล้าเอาผิดกับทั้งสองฝั่งเป็นตัวอย่าง และในวันพฤหัสนี้จะไปพบพนักงานสอบสวนที่สถานีตำรวจนครบาลเตาปูน เพื่อให้ปากตำเพิ่มเติมด้วย

ส่วนคดีของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ที่มีความผิดจากการรับเงินจากเว็บพนันออนไลน์นั้น เชื่อว่าผิดจริง และในฐานะทนายความมองว่าค่อนข้างจะเหนื่อยแล้ว แต่ต้องเป็นเรื่องที่ต้องต่อสู้คดีต่อไป แต่ศาลจะเชื่อหรือไม่ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง

ทั้งนี้ ข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ซึ่งก่อนหน้านี้ตนเองอ้างว่าได้รับข้อมูลมาสักพักแล้ว และเพิ่งมาประมวลข้อมูลช่วงสงกรานต์ และตั้งใจจะนำไปแถลงก่อน ก.ตร. แต่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ถูกให้ออกจากราชการไว้ก่อน จึงไม่ได้ดำเนินการตามที่ตั้งใจ.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ชูความสำเร็จทีมไทยแลนด์ ปิดดีลภาษีสหรัฐที่ 19%

ทำเนียบ 1 ส.ค.-โฆษกรัฐบาล เผย ปิดดีลภาษีนำเข้าสหรัฐสำเร็จที่ 19% เกาะกลุ่มระดับใกล้เคียงกับประเทศในภูมิภาค ชู เป็นอีกหนึ่งความสำเร็จสำคัญของทีมไทยแลนด์ ในแนวทาง Win-Win นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลไทยสามารถเจรจาและบรรลุข้อตกลงเกี่ยวกับอัตราภาษีนำเข้าต่างตอบแทน (Reciprocal Tariffs) กับสหรัฐอเมริกาได้สำเร็จ โดยขณะนี้ รัฐบาลสหรัฐได้ประกาศแล้วว่าจะเรียกเก็บอัตราภาษีนำเข้าฯ จากสินค้าของไทยในอัตรา 19 % ซึ่งข้อตกลงดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันนี้วันที่ 1 สิงหาคม 2568 เป็นต้นไป นายจิรายุ กล่าวว่า อัตราภาษีดังกล่าวที่ ต่ำกว่า อัตราเดิม 36 % และเกาะอยู่อยู่ในระดับใกล้เคียงกับประเทศในภูมิภาค อาทิ เวียดนาม ฟิลิปปินส์ และญี่ปุ่น สามารถรักษาการแข่งขันได้ เมื่อเทียบกับประเทศอื่นในภูมิภาคอาเซียน ซึ่งได้เจรจากับสหรัฐสำเร็จแล้วก่อนหน้านี้ “การปิดดีลครั้งนี้ของรัฐบาลไทย ในระดับภาษีนำเข้าฯ ไว้ที่ 19% ถือเป็นอีกหนึ่งความสำเร็จสำคัญของทีมไทยแลนด์ ในแนวทาง Win-Win เพื่อรักษาฐานการส่งออกและเสถียรภาพทางเศรษฐกิจของประเทศในระยะยาว ย้ำถึงศักยภาพของประเทศไทยในเวทีการค้าโลก ท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงในนโยบายการค้าระหว่างประเทศ” นายจิรายุกล่าว […]

รพ.สรรพสิทธิประสงค์ แจ้งยกเลิกรับผู้ป่วยกัมพูชาชั่วคราว

อุบลราชธานี 31 ก.ค. – โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี ออกหนังสือขอยกเลิกการให้บริการผู้ป่วยชาวกัมพูชา และยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา เนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งส่งผลต่อความมั่นคงของประเทศ เมื่อวานนี้ (30 ก.ค.) พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ลงพื้นที่เยี่ยมให้กำลังใจผู้ได้รับบาดเจ็บจากสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา พร้อมทั้งให้กำลังใจแก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติ งานด้านการแพทย์และพยาบาล ณ โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี นายแพทย์ มนต์ชัย วิวัฒนาสิทธิพงศ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร ให้การต้อนรับและรายงานความคืบหน้าการดูแลรักษาผู้ได้รับบาดเจ็บ รวมถึงการเตรียมความพร้อมด้านการรักษาพยาบาลรองรับสถานการณ์ฉุกเฉินในพื้นที่ชายแดน รพ.สรรพสิทธิประสงค์ แจ้งยกเลิกรับผู้ป่วยกัมพูชาชั่วคราวขณะที่ในวันเดียวกัน โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ ได้ออกเอกสารขอยกเลิกการให้บริการผู้ป่วยชาวกัมพูชา และยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา ใจความในหนังสือว่า “โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ได้ให้การตรวจรักษาพยาบาลแก่ผู้ป่วยทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ รวมถึงผู้ป่วยชาวกัมพูชาที่เดินทางเข้ามารักษาอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งส่งผลต่อความมั่นคงของประเทศ และจากมติที่ประชุมคณะกรรมการคลินิกพิเศษนอกเวลาราชการ โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ มีมติดังนี้ 1.ยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา และจิตอาสาภาษาต่างประเทศ2.ปิดการให้บริการ SMC Premium ชั่วคราว3.ยกเลิกการรับยาแทน และงดรับเคสใหม่ผู้ป่วยชาวกัมพูชา4.ผู้ป่วยชาวกัมพูชาที่ยังนอนอยู่ในโรงพยาบาลให้จำกัดพื้นที่ชัดเจน ในการนี้ให้มีผลตั้งแต่วันที่ 31 กรกฎาคม 2568 ถึงวันที่ 10 […]

รมช.มท. โฟนอินผู้ว่าฯ อุบลฯ ตอบกลางสภา ยันไม่มีปัญหาเบิกจ่ายงบ

รัฐสภา 31 ก.ค.-สส.ศรีสะเกษ ภูมิใจไทย ทวงถามเงินช่วยเหลือเยียวยาจังหวัดชายแดนไทย-กัมพูชา ชี้ตั้งแต่วันแรกยังไม่ได้เงินรัฐบาลสักบาท ซัด “ผู้ว่าฯ อุบล” อ้างกลัวติดคุกไม่กล้าเบิกงบ ด้าน รมช.มหาดไทย ต่อสายโฟนอิน ผู้ว่าฯ ตอบกลางสภา ยืนยันไม่มีปัญหาเบิกจ่ายงบ ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ทำหน้าที่ประธานการประชุม พิจารณากระทู้ถามสดด้วยวาจา โดยนายธนา กิจไพบูลย์ชัย สส.ศรีสะเกษ พรรคภูมิใจไทย สอบถามกรณีเหตุปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งนายกรัฐมนตรี มอบหมาย นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย เป็นผู้ตอบกระทู้ แต่เนื่องจากนายภูมิธรรม ติดภารกิจจึงมอบหมายให้ น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รมช.มหาดไทย ชี้แจงแทน นายธนา กล่าวว่า จากเหตุปะทะบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ส่งผลกระทบต่อประชาชนในพื้นที่ 4 จังหวัดชายแดน ทั้งศรีสะเกษ สุรินทร์ บุรีรัมย์ และอุบลราชธานี ตั้งแต่เกิดเหตุจนถึงขณะนี้ ยังไม่มีงบประมาณจากส่วนกลางลงพื้นที่แม้แต่บาทเดียว ทุกวันนี้เราอาศัยเงินบริจาคเป็นหลัก และนำงบขององค์การปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) […]

ทูตไทยตอบโต้กัมพูชา หลังยกกรณีปัญหาชายแดนที่ยูเอ็น

นิวยอร์ก 31 ก.ค. – เอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรไทยประจำองค์การสหประชาชาติ โต้ผู้แทนกัมพูชา ซึ่งหยิบประเด็นชายแดนไทย-กัมพูชา ขึ้นพูดผิดกาลเทศะ ผิดวาระ ในที่ประชุมสหประชาชาติ วาระสำคัญของการประชุมระดับสูงระหว่างประเทศในเวทีสหประชาชาติ ที่นครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐ เมื่อวานนี้ คือการผลักดันเพื่อระงับข้อพิพาทปัญหาปาเลสไตน์โดยสันติวิธี แต่ปรากฏว่านาย เจีย แก้ว เอกอัครราชทูตกัมพูชาประจำสหประชาชาติ กลับพูดในประเด็นที่ไม่เกี่ยวข้องกับวาระการประชุม โดยพาดพิงถึงไทยเกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา นายเชิดชาย ใช้ไววิทย์ เอกอัครราชทูต ผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติ จึงกล่าวตอบโต้โดยชี้แจงข้อมูลความจริงในประเด็นที่กัมพูชาละเมิดข้อตกลงหยุดยิง โดยระบุว่า เป็นที่น่าเสียดายที่มีคณะผู้แทนหยิบยกประเด็นที่ไม่เกี่ยวข้องขึ้นมาในที่ประชุม ซึ่งเป็นเวทีที่หลายฝ่ายรอคอย และมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมการสนับสนุนจากประชาคมระหว่างประเทศต่อการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลและปาเลสไตน์อย่างเป็นธรรม ถาวร และครอบคลุม ผ่านแนวทางสันติวิธีโดยการดำเนินการตามแนวทางสองรัฐ นายเชิดชาย กล่าวในที่ประชุมว่า ประเทศไทยไม่ได้มีเจตนาจะนำเรื่องทวิภาคีเข้าสู่เวทีสำคัญดังกล่าว แต่ต้องขอชี้แจงข้อเท็จจริงเพื่อป้องกันความเข้าใจผิด โดยย้ำว่าเมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 2568 ไทยและกัมพูชา ได้บรรลุข้อตกลงหยุดยิง โดยได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ในฐานะประธานอาเซียน แต่หลังจากที่ข้อตกลงหยุดยิงมีผลบังคับใช้ในวันที่ 29 กรกฎาคม อีกฝ่ายกลับใช้อาวุธข้ามพรมแดน และบุกรุกเข้ามาในดินแดนของไทยอีกครั้ง ซึ่งถือเป็นการละเมิดข้อตกลงอย่างร้ายแรง ประเทศไทยจึงขอเรียกร้องให้ประเทศเพื่อนบ้านปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงอย่างเคร่งครัด และยืนยันความมุ่งมั่นของไทยที่จะใช้กลไกทวิภาคีที่มีอยู่ในการแก้ไขปัญหา หลีกเลี่ยงการเผยแพร่ข้อมูลที่เป็นเท็จหรือทำให้เข้าใจผิด และให้มีส่วนร่วมด้วยเจตนาดี.-810.-813.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

มทภ.2 ยันไม่เคยสั่งกำลังพลไปเก็บศพเขมร อย่าเชื่อข่าวปลอม

5 ส.ค. – แม่ทัพภาคที่ 2 ยืนยันไม่เคยมีคำสั่งให้กำลังพลไปเก็บศพชาวกัมพูชา บริเวณชายแดน ขออย่าหลงเชื่อข่าวปลอม เมื่อวันที่ 5 ส.ค.68 พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 เปิดเผยว่า จากกรณีที่สื่อโซเชียลมีเดียได้ลงข้อความอันเป็นเท็จ ที่ทำให้พี่น้องประชาชนเข้าใจผิดว่า แม่ทัพภาคที่ 2 ได้สั่งให้กำลังพลไปเก็บศพชาวกัมพูชาที่อยู่บริเวณชายแดนนั้น ตนยืนยันว่าไม่เป็นความจริง และไม่เคยมีคำสั่งให้กำลังพลไปปฏิบัติอย่างนั้น ผู้เสียชีวิตนั้นเป็นชาวกัมพูชา ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับทางประเทศไทย “ผมไม่เคยมีคำสั่งแบบนี้ และขอยืนยันว่า ข่าวที่ออกมานั้นเป็นข่าวปลอม ขอให้พี่น้องประชาชนอย่าได้หลงเชื่อ“ แม่ทัพภาคที่ 2 กล่าว.-313-สำนักข่าวไทย

ทหารไทยยอมรับได้กลิ่นศพทหารกัมพูชาจริง

ศรีสะเกษ 5 ส.ค. – วันนี้ยังมีการเก็บกู้ระเบิดที่กัมพูชายิงเข้ามาในพื้นที่พลเรือนฝั่งไทย ส่วนเมื่อคืนนี้ (4 ส.ค.) เป็นคืนแรกของการประชุม GBC ชุด ชรบ.หมู่บ้านแนวชายแดน อ.กันทรลักษ์ จึงออกตรวจตราเข้มข้น ขณะที่ทหารแนวหน้ายอมรับได้กลิ่นศพทหารกัมพูชาจริง ทีมข่าวมีโอกาสได้พูดคุยกับทหารที่ปฏิบัติหน้าที่ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา สอบถามถึงเรื่องที่กำลังเป็นประเด็น คือกลิ่นศพของทหารกัมพูชา ทหารยอมรับว่ามีกลิ่นจริง และมีศพทหารกัมพูชาถูกทิ้งไว้จริง แต่ไม่สามารถทำอะไรได้ เพราะอยู่ในระหว่างการปฏิบัติหน้าที่ หากมีหน้ากากอนามัยเชื่อว่าจะช่วยบรรเทาได้บ้าง อย่างไรก็ตาม ขณะนี้มีหน้ากาก N95 ส่งถึงพื้นที่บ้างแล้ว พร้อมขอบคุณพี่น้องประชาชนที่ส่งกำลังใจ ทหารยังพร้อมปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มกำลังความสามารถ วันนี้ทีมข่าวยังเกาะติดภารกิจเก็บกู้ระเบิดที่กัมพูชายิงใส่พื้นที่พลเรือนของไทยใน อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ จุดแรก จรวด BM-21 ถูกกัมพูชายิงตกใส่ลงทุ่งนาของชาวบ้าน พื้นที่ ต.ทุ่งใหญ่ เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม วันเดียวกับที่ยิงใส่ปั๊ม ปตท.บ้านผือ โดยห่างกันราว 1 กิโลเมตร ส่วนอีกจุดเป็นการทำลายลูกจรวด PG-7 ที่ถูกยิงจากเครื่องยิงจรวด RPG ตกลงในสวนยางพาราของชาวบ้าน ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ ที่ถูกพบในสภาพพร้อมทำงาน จุดนี้อยู่ห่างจากชายแดนกัมพูชาเพียง […]

เปิดศักยภาพ Gripen เขี้ยวเล็บใหม่กองทัพอากาศไทย

5 ส.ค. – เปิดคุณสมบัติโดดเด่นของ “กริพเพน” เครื่องบินรบฝูงใหม่ ซึ่งกองทัพอากาศและประเทศไทยกำลังจะทำสัญญาจัดซื้อจากสวีเดน .-สำนักข่าวไทย

มทภ.2 ขึ้นภูมะเขือ ย้ำกำลังพลไม่ประมาท นำร้องเพลงชาติไทย

5 ส.ค.- แม่ทัพภาค 2 ตรวจเยี่ยมภูมะเขือ ย้ำกำลังพลไม่ประมาท ปกป้องอธิปไตย พร้อมร่วมร้องเพลงชาติ เมื่อเวลา 17.00 น. วันที่ 5 ส.ค.68 พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ลงพื้นที่หน่วยเฉพาะกิจที่ 1 กองกำลังสุรนารี พื้นที่ภูมะเขือ อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ โดยได้ทำการเดินลาดตระเวน ตรวจเยี่ยมให้กำลังใจกำลังพลที่วางกำลังฐานปฏิบัติการ ทั้งนี้ มีพระสงฆ์จำนวน 3 รูปจากวัดใกล้เคียง มารอแม่ทัพภาคที่ 2 เพื่อมอบวัตถุมงคลและให้กำลังใจในการปฏิบัติหน้าที่ พร้อมให้พรกำลังพลทุกนาย ให้แคล้วคลาดปลอดภัยจากอันตรายต่างๆ จากนั้นแม่ทัพภาคที่ 2 ได้ฟังบรรยายสรุปสถานการณ์ในพื้นที่ภูมะเขือ โดยเน้นย้ำให้อยู่ในความไม่ประมาท ปฏิบัติหน้าที่รักษาอธิปไตยของชาติ ด้วยความปลอดภัยและให้ดูแลรักษาสุขภาพให้ดี จากนั้น พล.ท.บุญสิน ได้ให้กำลังพลเปลี่ยนธงชาติไทยผืนใหญ่กว่าเดิม นำร้องเพลงชาติบนยอดภูมะเขือร่วมกัน ก่อนเดินทางกลับได้มอบเครื่องอุปโภคบริโภคและถ่ายรูปร่วมกับกำลังพล -สำนักข่าวไทย