8 เม.ย. – ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) บูรณาการร่วมหลายหน่วยงาน รวบต่างด้าวชาวเมียนมา 73 คน เดินเท้าผ่าน อ.สังขละบุรี เตรียมขึ้นรถขนย้าย
กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดยกองบังคับการตำรวจทางหลวง (ทล.) และทหารหน่วยเฉพาะกิจลาดหญ้า ค่ายสุรสีห์, ฝ่ายปกครองอำเภอทองผาภูมิ ร่วมกันจับกุม แรงงานต่างด้าว 73 คน ผู้ติดตาม 4 คน พร้อมตรวจยึดของกลาง 1. รถยนต์กระบะคอก ยี่ห้ออีซูซุ รุ่นดีแม็ค สีขาว จำนวน 1 คัน 2. รถจักรยานยนต์ ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นเวฟ 110 ไอ สีน้ำเงิน จำนวน 1 คัน 3. รถจักรยานยนต์ ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นเวฟ 110 ไอ สีน้ำเงิน จำนวน 1 คัน 4. รถจักรยานยนต์ ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นเวฟ 125 ไอ สีน้ำเงิน จำนวน 1 คัน 5. อาวุธปืนสั้น ชนิดกึ่งอัตโนมัติ ยี่ห้อ SIGSAUER รุ่น P320 ขนาด 9 มม. จำนวน 1 กระบอก 6. แม็กกาซีน ขนาด 9 มม. จำนวน 2 อัน 7. กระสุนปืน ขนาด 9 มม. จำนวน 22 นัด (บรรจุอยู่ภายในแม็กาซีน จำนวนแม็กละ 11 นัด) พบของกลางลำดับที่ 5–7 ซุกซ่อนอยู่ภายในกล่องเก็บของด้านข้างเบาะผู้ขับขี่ภายในรถยนต์กระบะคอก
พฤติการณ์ เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมได้ตั้งจุดสกัด เพื่อป้องกันการลักลอบหลบหนีเข้าเมืองของแรงงานต่างด้าวและป้องกันการลักลอบขนยาเสพติดตามนโยบายนายกรัฐมนตรี ต่อมาในระหว่างออกตรวจไปถึงบริเวณภายในสวนยางพารา ซอย 4 ม.4 ต.ท่าขนุน อ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี ได้พบรถยนต์กระบะคอก 1 คัน และรถจักรยานยนต์ 3 คัน จอดอยู่และเห็นกลุ่มคนลักษณะคล้ายกลุ่มแรงงานต่างด้าวกำลังเดินขึ้นรถยนต์กระบะคอก เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงเกรงว่าอาจจะเป็นการแอบลักลอบขนแรงงานต่างด้าวหลบหนีเข้าเมือง เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงได้แสดงตัวเป็นเจ้าหน้าที่เพื่อทำการเข้าตรวจสอบ แต่กลุ่มคนดังกล่าวพยายามวิ่งจะหลบหนีเข้าไปในป่า เจ้าหน้าที่จึงวิ่งติดตามไป และสามารถควบคุมตัวกลุ่มคนดังกล่าวไว้ได้ทัน แต่ไม่สามารถควบคุมตัวผู้ขับขี่ไว้ได้
จากการตรวจสอบพบว่ากลุ่มคนดังกล่าวเป็นแรงงานต่างด้าวหลบหนีเข้าเมือง จำนวน 73 คน (เป็นชายจำนวน 55 คน และ หญิงจำนวน 18 คน) และผู้ติดตาม จำนวน 4 คน (เป็นชาย จำนวน 4 คน) เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงขอตรวจสอบเอกสารและบัตรประจำตัว แต่ผู้ต้องหาที่ 1 – 73 ซึ่งไม่สามารถนำมาแสดงให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบได้ จากการตรวจสอบพบว่าแรงงานต่างด้าวดังกล่าวไม่สามารถพูดและรับฟังภาษาไทยได้เลย เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมจึงได้ประสานกับ นายยามิน ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ อส.ตร. มาเป็นล่ามแปลภาษา ทำการสอบถามผู้ต้องหาที่ 1 – 73 ได้แจ้งกับเจ้าที่ชุดจับกุมว่าพวกตนไม่มีเอกสารหรือบัตรประจำตัวใดๆ ทั้งสิ้น และยังไม่เคยได้รับเอกสารประจำตัวใดๆ เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมเกรงว่าอาจจะมีสิ่งผิดกฎหมายซุกซ่อนอยู่ภายในรถคันดังกล่าวอีก จึงได้ทำการตรวจค้นภายในรถและบริเวณรอบข้างอย่างละเอียด ผลการตรวจค้นพบอาวุธปืนสั้น ชนิดกึ่งอัตโนมัติ ยี่ห้อ SIGSAUER รุ่น P320 ขนาด 9 มม. จำนวน 1 กระบอก พร้อมด้วย แม็กกาซีน จำนวน 2 อัน (บรรจุกระสุนปืน ขนาด 9 มม. จำนวนแม็กละ 11 นัด) ซุกซ่อนอยู่ภายในกล่องเก็บของด้านข้างเบาะผู้ขับขี่ภายในรถยนต์กระบะคอก
จากการสอบถามแรงงานต่างด้าวผ่านล่าม ให้การว่า สำหรับจักรยานยนต์ 3 คัน ที่อยู่ในที่เกิดเหตุเป็นรถที่ใช้สำหรับรับแรงงานต่างด้าวที่นั่งเรือมาส่งที่ฝั่ง ตามแนวชายฝั่งแม่น้ำบ้านขนุนคลี่ จากนั้นแรงงานต่างด้าวจะนั่งรถจักรยานยนต์ ทยอยทีละ 3-4 คน ไปลงที่บริเวณภายในสวนยางพารา ซอย 4 หมู่ 4 ตำบลท่าขนุน อำเภอทองผาภูมิ จังหวัดกาญจนบุรี เพื่อนั่งรถยนต์กระบะพาไปส่งในพื้นที่ชั้นในต่ออีกที สำหรับรถยนต์, รถจักรยานยนต์ และอาวุธที่ชุดจับกุมยึดมาได้ จะทำการตรวจสอบหาตัวผู้ครอบครอง เพื่อสอบปากคำว่ามีส่วนเกี่ยวข้องในการนำแรงงานต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองในครั้งนี้หรือไม่
ทั้งนี้ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจคาดว่าขบวนการดังกล่าวเป็นขบวนการลักลอบขนแรงงานต่างด้าวเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย โดยมีการเตรียมรถยนต์และรถจักรยานยนต์ในลำเลียงแรงงานต่างด้าวจากประเทศเมียนมา โดยมีนายหน้าคนไทยในการติดต่อกับนายหน้าเมียนมาเพื่อลักลอบขนแรงงานต่างด้าว
จากการสอบถามผู้ต้องหาที่ 1–73 โดยให้นายยามิน เป็นล่ามแปลภาษา ให้การยอมรับว่า พวกตนได้เดินทางหลบหนีเข้าเมืองมาจากประเทศเมียนมา มาตามช่องทางธรรมชาติ บ้านพระเจดีย์สามองค์ อำเภอสังขละบุรี และได้นั่งเรือมากจากอำเภอสังขละบุรี จนมาถึงบริเวณที่เกิดเหตุ เพื่อรอขึ้นรถที่จะเดินทางเข้าไปทำงานในตัวเมืองชั้นใน โดยจะเสียค่าเดินทางให้กับนายหน้าประมาณคนละ 15,000 ถึง 30,000 บาท จะจ่ายก็ต่อเมื่อเดินทางถึงที่หมาย ได้ให้นายยามิน ล่าม แจ้งให้ ผู้ต้องหาที่ 1–73 กระทำความผิดฐาน (ข้อหา) “เป็นบุคลต่างด้าวหลบหนีเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรไทยโดยไม่ได้รับอนุญาต” และผู้ต้องหาที่ 74 – 87 นำส่ง สต.กาญจนบุรี เพื่อผลักดันกลับประเทศเมียนมาต่อไป และควบคุมตัวพร้อมของกลางและนำส่งพนักงานสอบสวน สถานีตำรวจภูธรทองผาภูมิ ภ.จว.กาญจนบุรี ดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
สอบถามคำให้การผู้ต้องหาเบื้องต้น รับสารภาพทุกข้อกล่าวหา .-414-สำนักข่าวไทย