ดีเอสไอ 22 ม.ค.- “กัน จอมพลัง” พาผู้เสียหาย ยื่นเรื่องถึงดีเอสไอ สอบตำรวจ สภ.อรัญประเทศ ผิด พ.ร.บ.อุ้มหาย
ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ นายกัณฐัศว์ พงศ์ไพบูลย์เวชย์ หรือ “กัน จอมพลัง” พาผู้เสียหาย 2 กรณี ยื่นเรื่องถึง พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ รองอธิบดีดีเอสไอ รักษาราชการแทนอธิบดีดีเอสไอ ขอให้ติดตามความคืบหน้าทางคดี โดยพาหลานสาวลุงเปี๊ยก มาขอความเป็นธรรม ตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย พ.ศ. 2565 (พ.ร.บ.อุ้มหาย) หลังถูกคลุมถุงดำ นอนถอดเสื้อในห้องแอร์ทรมานให้รับสารภาพ และอีกกรณี ที่นายสมภพ อายุ 40 ปี ร้องเรียนว่า นายกรวิชญ์ ลูกชายวัย 16 ปี ถูกแก๊งลูกตำรวจโยนบ่อน้ำและใช้มีดฟันซ้ำเสียชีวิต เมื่อ ช่วงพ.ย.65 ในท้องที่ สภ.อรัญประเทศ แต่คดีไม่มีความคืบหน้า
นายกัณฐัศว์ กล่าวว่า กรณีลุงเปี๊ยก หลานสาวมาขอความเป็นธรรมหลังผลสอบตำรวจพบความผิดเพียง 2 ราย คือ พ.ต.ท.พิชิต วัฒโน ผกก.สส.สภ.อรัญประเทศ ฐานผิดวินัย กับ ดาบเสก ฐานผิดวินัย และ ม.157 จึงยังคาใจเรื่องการสอบสวนว่ามีการช่วยเหลือกันหรือไม่ อยากให้ดีเอสไอช่วยตรวจสอบข้อเท็จจริงว่ายังมีเจ้าหน้าที่รายอื่นเกี่ยวข้องอีกหรือไม่ และตำรวจ 2 ราย มีหลักฐานไปถึงสามารถเอาผิด พ.ร.บ.อุ้มหาย หรือไม่ เพราะมีประเด็นการคลุมถุงดำ นั่งถอดเสื้อตากแอร์
ส่วนกรณีพ่อของเด็ก 16 ปี เสียชีวิตคดีคล้ายกับ “ป้าบัวผัน” ถูกมีดฟันและโยนบ่อน้ำเหมือนกัน เหตุเกิดตั้งแต่ปี 65 คดียังค้างอยู่ที่ สภ.อรัญประเทศ จนปัจจุบันถ้าตำรวจ สภ.อรัญประเทศ ดำเนินคดีตั้งแต่แรก ป้าบัวผันคงไม่ตายและไม่ทำให้เกิดเหตุซ้ำ ทั้งนี้พ่อของเด็ก 16 ปี ผู้สูญเสียออกมาร้องขอความเป็นธรรมแต่กลับถูกแก๊งลูกตำรวจข่มขู่อาละวาดถึงบ้าน ขู่ทำร้ายลูกอีกคน จนต้องย้ายครอบครัวไปอยู่ที่อื่นเพื่อความปลอดภัย
ด้าน นายสมภพ เผยว่า ลูกชายเสียชีวิตเพราะถูกแก๊งลูกตำรวจกว่า 10 คนทำร้าย มีเพื่อนลูกชายได้รับบาดเจ็บ 3 ราย ฟันแขนและขา โดนสะเก็ดระเบิด ส่วนลูกชายถูกโยนบ่อน้ำเสียชีวิต แต่จับคนร้ายได้ 3 ราย เป็นเยาวชนอายุ 14-16 ปี แต่คดีไม่คืบตำรวจเจ้าของสำนวนก็ย้ายไป ส่วนทางแพ่งชนะคดีแต่คู่กรณียังไม่เยียวยา จำนวนกว่า 1,020,000 บาท นอกจากนี้ ครอบครัวถูกคู่กรณีมาปาระเบิดข่มขู่ถึงบ้านทำให้ต้องย้ายบ้านหนี ต้องสูญเสียรายได้เหลือวันละ 200 บาทจากการเก็บของเก่าขาย
ด้านพ.ต.ต.วรณัน ศรีล้ำ โฆษกดีเอสไอ ระบุว่า เบื้องต้นรับเรื่องไว้ตรวจสอบข้อเท็จจริงโดยกองกิจการอำนวยความยุติธรรม จะตั้งเรื่องสืบสวนข้อมูลและหาพยานหลักฐานเพิ่มเติม ทั้ง พยานบุคคล พยานวัตถุต่างๆ ส่วนจะเข้าข่าย พ.ร.บ.อุ้มหาย หรือไม่ ต้องดูองค์ประกอบข้อกฎหมาย อาทิ การถูกจำกัดเสรีภาพ การกระทำบางอย่างจนให้การรับสารภาพ หรือการกระทำอันตรายทั้งร่างกายและจิตใจ และข้อเท็จจริงอื่นมาประกอบ ส่วนการคุ้มครองพยานอยู่ระหว่างพิจารณาจะเร่งรัดโดยเร็วที่สุด อย่างไรก็ตาม พ.ร.บ.อุ้มหาย มี 4 หน่วยงานสามารถดำเนินการได้ตามกฎหมาย ทั้ง ตำรวจท้องที่ ฝ่ายปกครอง กรมสอบสวนคดีพิเศษ และ อัยการ
นอกจากนี้ ในประเด็นเด็กอายุ 16 ปีเสียชีวิตและคดีค้างอยู่ สภ.อรัญประเทศ ดีเอสไอ อยู่ระหว่างการสอบสวนข้อเท็จจริง .119 .-สำนักข่าวไทย