กมธ.ตำรวจได้ขึ้นดูงานชั้น 14 ที่ “ทักษิณ” รักษาตัว

รพ.ตำรวจ 12 ม.ค. – รพ.ตำรวจ อนุญาตให้ กมธ.ตำรวจ ดูงานขั้นตอนควบคุมผู้ต้องขังที่ชั้น 14 ซึ่งเป็นชั้น “ทักษิณ” พักรักษาตัว พบมีเจ้าหน้าที่หน่วยงานต่าง ๆ ดูแลตามระเบียบ


นายชัยชนะ เดชเดโช สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการการตำรวจ สภาผู้แทนราษฎร พร้อมคณะ เข้าศึกษาดูงานและเยี่ยมชมการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลตำรวจ เกี่ยวกับการนำตัวผู้ต้องขังที่ส่งจากกรมราชทัณฑ์ มารักษาตัวที่โรงพยาบาลตำรวจ รวมถึงกรณีของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งรักษาตัวอยู่ชั้น 14 อาคารมหาภูมิพลราชานุสรณ์ 88 พรรษา ซึ่งเป็นการรักษาตัวนอกเรือนจำเกิน 120 วัน โดยมีทีมแพทย์คอยอำนวยความสะดวกตอบข้อซักถามของคณะกรรมาธิการการตำรวจ

นายชัยชนะ กล่าวก่อนเข้าศึกษาดูงานว่า การที่คณะกรรมาธิการการตำรวจเดินทางมาในวันนี้ เป็นไปตามกฏหมาย ม.129 ที่ให้อำนาจ กมธ.ตำรวจ ในการตรวจสอบข้อเท็จจริงที่สังคมสงสัย ซึ่งก่อนหน้าได้ทำหนังสือถึงผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในฐานะเป็นผู้ดูแลโรงพยาบาลตำรวจ และได้ทำหนังสือถึงกรมราชทัณฑ์ เนื่องจากเป็นเจ้าของไข้ เป็นหนังสือเกี่ยวกับขั้นตอนในการรักษา และการปฏิบัติในการรักษาตัว ว่ามีระเบียบขั้นตอนอย่างไร เท่าเทียมหรือไม่ และสอบถามกรณีการรักษาตัวของนายทักษิณ ชินวัตร ว่ามีขั้นตอนอย่างไร และรักษาตัวอยู่ชั้น 14 จริงหรือไม่ ยืนยันว่า คณะกรรมาธิการฯ ปฏิบัติตามกรอบกฏหมาย ตามที่โรงพยาบาลตำรวจจัดให้ ไม่ละเมิดสิทธิผู้ต้องขัง ซึ่งสามารถทำได้แค่ไหนก็แค่นั้น เพื่อไขข้อสงสัยของสังคม แต่หากข้อมูลยังไม่ครบถ้วน ก็เป็นเรื่องที่กรมราชทัณฑ์ และโรงพยาบาลตำรวจ ต้องชี้แจงกับสังคมเอง


ส่วนเรื่องการรักษาตัวของนายทักษิณ ที่เกิน 120 วันนั้น นายชัยชนะ กล่าวว่า เป็นเรื่องของกรมราชทัณฑ์ที่จะพิจารณาตามระเบียบ โดยเชื่อว่าอาการป่วยของคนสามารถเกิดขึ้นได้ ซึ่งก่อนหน้านี้ทางกรมราชทัณฑ์ก็เคยเปิดเผยว่า มีผู้ต้องขัง 2 ราย ที่เข้ารับการรักษาเกิน 120 วันเช่นกัน ซึ่งก็ขอไม่ก้าวล่วง และปฏิบัติให้เต็มที่ตามกรอบกฎหมายที่ให้ทำได้

ล่าสุดนายชัยชนะ และผู้บริหารโรงพยาบาลตำรวจ ได้นั่งรถกอล์ฟออกจากอาคารศรียานนท์ มาที่อาคารมหาภูมิพลราชานุสรณ์ 88 พรรษา ซึ่งเป็นอาคารที่นายทักษิณ พักรักษาตัวอยู่ที่ชั้น 14 โดยมีรายงานว่า กมธ.ตำรวจ ขึ้นไปถึงชั้น 14 พูดคุยกับเจ้าหน้าที่หน้าวอร์ด แต่ไม่ได้เข้าไปที่ห้องพักของนายทักษิณ จากนั้นลงมาที่ชั้น 7 เพื่อไปตรวจเยี่ยมการรักษานักโทษที่ถูกส่งตัวมารักษาที่โรงพยาบาลตำรวจ โดยใช้เวลาอยู่ที่อาคารดังกล่าวประมาณ 15 นาที ก่อนกลับมาที่อาคารศรียานนท์อีกครั้ง

ต่อมานายชัยชนะ ได้แถลงผลการศึกษาดูงานดังกล่าว โดยระบุว่า เบื้องต้นจากการศึกษาดูงาน ทราบว่าขณะนี้โรงพยาบาลตำรวจ มีผู้ต้องขังที่รักษาตัวแบบนอนค้างคืนนอกเรือนจำเพียง 1 คนเท่านั้น ที่เหลือถูกส่งตัวมารักษาแบบเช้าไปเย็นกลับ จากนี้ยังได้หารือเรื่องระเบียบทางโรงพยาบาลตำรวจ ได้อนุญาตให้ขึ้นไปบริเวณหน้าวอร์ด ชั้น 14 ที่นายทักษิณพักรักษาตัวอยู่ เพื่อดูขั้นตอนและวิธีการคุมขัง มีเจ้าหน้าที่หลายหน่วยงาน ทั้งกรมราชทัณฑ์ ตำรวจ สน.ปทุมวัน และตำรวจสันติบาล ปฏิบัติหน้าที่อยู่ประมาณ 8 นาย โดยโรงพยาบาลตำรวจไม่อนุญาตให้เข้าไปในห้องพักนายทักษิณ เนื่องจากเป็น พ.ร.บ.ส่วนบุคคล จากนั้นลงมาที่ชั้น 7 ดูการรักษาตัวของนักโทษซึ่งเป็นโรคต้อกระจก มีเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์มาควบคุมดูแล ซึ่งก็เห็นได้ว่าการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์มีความเท่าเทียมกัน


นายชัยชนะ กล่าวต่อว่า การมาตรวจสอบข้อเท็จจริงวันนี้ ดำเนินการลุล่วงภายใต้กฎหมายและระเบียบข้อบังคับ ส่วนนายทักษิณจะยังรักษาตัวอยู่ที่นี่จริงหรือไม่นั้น เป็นหน้าที่ที่กรมราชทัณฑ์จะต้องชี้แจง ย้ำว่าคณะกรรมาธิการการตำรวจไม่ได้มาในวันนี้เพื่อเจาะจงขอเยี่ยมใคร แต่มาเพื่อตรวจสอบวิธีการปฏิบัติต่อนักโทษว่าเท่าเทียมกันหรือไม่ และจะไม่ก้าวล่วงในการรักษานายทักษิณ แต่มาเพื่อหาข้อเท็จจริงเท่านั้น ซึ่งหลังจากนี้ก็ต้องตรวจสอบต่อกับอธิบดีกรมราชทัณฑ์ ว่าเอกสารที่ได้ขอไป เช่น เอกสารการเข้าเวรเปลี่ยนเวรของเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ เอกสารกรอกประวัติก่อนเข้าเรือนจำของนายทักษิณ เอกสารค่าพยาบาลที่ราชทัณฑ์แจ้งว่าเบิกจ่ายกับ สปสช. หากเกินวงเงินให้ใช้เงินส่วนตัว เป็นระเบียบข้อไหน โดยขอให้อธิบดีราชทัณฑ์ส่งเอกสารต่อให้ กมธ.ตำรวจ ส่วนกรณีที่เอกสารต่าง ๆ นั้นจะขัด พ.ร.บ.ข้อมูลส่วนบุคคล หรือไม่ ก็ขอให้ราชทัณฑ์ชี้แจงมาว่าส่วนไหนให้ได้หรือไม่ได้

อย่างไรก็ตาม นายชัยชนะได้ขอบคุณโรงพยาบาลตำรวจที่ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี รวมทั้งชี้แจงถึงการดำเนินการของโรงพยาบาลตำรวจ จนสิ้นสงสัยในส่วนนี้ ยืนยันว่าไม่มีข้อข้องใจต่อการดำเนินงานของโรงพยาบาลตำรวจแล้ว แต่เอกสารที่ยื่นขอกรมราชทัณฑ์ไปจะต้องได้รับ ย้ำชัดเจนว่าไม่ผิดหวังที่เดินทางมาในวันนี้

นายชัยชนะ กล่าวทิ้งท้ายว่า ขอให้นายกรัฐมนตรี ซึ่งมีขอบเขตอำนาจดูแลโรงพยาบาลตำรวจ ช่วยดูแลสนับสนุนงบประมาณ 2-5 ล้านบาท ดำเนินการซ่อมแซมกล้องวงจรปิด หรือจัดซื้อกล้องวงจรปิดมาให้ทางโรงพยาบาล เนื่องจากทราบว่ากล้องวงจรปิดอาคารมหาภูมิพลราชานุสรณ์ 88 พรรษา เสียทั้งตึก และไม่มีงบประมาณซ่อมแซม.-413-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดังเปิดใช้ชื่อวัดรับบริจาค แต่วัดเบิกไม่ได้

บช.ก. 6 ส.ค. – “บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดัง เปิดรับบริจาค ใช้บัญชีชื่อวัด แต่หมอดูเบิกได้คนเดียว ตามกฎหมายทำไม่ได้ ต้องนำบัญชีมาตรวจสอบเส้นเงิน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกรณีที่มีหมอดูชื่อดังได้เปิดรับบริจาคเงินโดยใช้บัญชี ชื่อวัดพระบาทน้ำพุ แต่คนที่สามารถถอนเงินออกจากบัญชีได้คือหมอดูคนดังกล่าว ทำให้ประชาชนเกิดข้อสงสัยว่า ทำไมเปิดรับบริจาคใช้ชื่อวัดแต่วัดถอนเงินไม่ได้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า ตอนนี้มีผู้เสียหายได้มาร้องขอความเป็นธรรมที่ กองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปราม เรื่องหมอดูคนดังกล่าว และได้มีการพูดคุยกับผู้กำกับกอง 1 ซึ่งกำลังตรวจสอบอยู่ มีการอ้างว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาส อยู่ระหว่างการตรวจสอบ และจะต้องมีการเช็คว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และเจ้าอาวาสนำเงินไปใช้อะไร เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีนี้จะเข้าข่ายคดีฉ้อโกงหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่า คิดว่าน่าจะเข้าข่ายคดีฉ้อโกง แต่ก็ต้องตรวจสอบดูว่าเงินที่รับบริจาคมาเอาไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และถ้าเอาไปให้จริง เจ้าอาวาสนำเงินไปใช้จ่ายอะไรบ้าง ผู้สื่อข่าวถามอีกว่ากรณีที่หมอดูคนดังกล่าว นำชื่อวัดมารับบริจาคเงินแต่หมอดูคนดังกล่าวกับเบิกเงินได้คนเดียว ทั้งที่ชื่อในบัญชีที่รับบริจาคเป็นชื่อวัดกระทำได้หรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่าทำไม่ได้ ถ้าใช้ชื่อบัญชีรับบริจาคเป็นชื่อวัดก็ต้องนำเงินไปให้วัดแล้วคนที่เบิกได้ก็ต้องเป็นวัดเท่านั้น เพราะเป็นเงินวัด เดี๋ยวจะต้องมีการนำบัญชีดังกล่าวมาตรวจสอบว่าเงินที่เข้าในบัญชีเท่าไหร่และวัดได้เท่าไหร่ และการรับบริจาคในลักษณะนี้ ต้องมีกรรมการวัดในการตรวจสอบบัญชี ให้ละเอียด ไม่ใช่อยากรับบริจาคก็จะทำได้เลย. -415-สำนักข่าวไทย

บุกค้นบริษัท ยึดโดรน-อุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น

กทม. 6 ส.ค.-ตำรวจกองปราบ ร่วมกับ กสทช. บุกค้นบริษัทใน จ.สมุทรปราการ ยึดโดรน และอุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น ตำรวจกองบังคับการปราบปราม ร่วมกับเจ้าหน้าที่ กสทช. และพนักงานสืบสวนจังหวัดสมุทรปราการ เข้าตรวจค้นบริษัทแห่งหนึ่ง ในอำเภอเมืองสมุทรปราการ หลังพบขัอมูลว่ามีบริษัทแห่งนี้ผลิตอุปกรณ์ และมีอากาศยานไร้คนขับโดรนไว้จำนวนมาก ต่อมาเมื่อแสดงหมายเพื่อขอตรวจค้น นายกฤษนันท์ ได้แสดงตัวเป็นกรรมการผู้จัดการของบริษัทดังกล่าว เป็นผู้นำตรวจค้น จากการตรวจค้นพบอากาศยานไร้คนขับ หรือโดรน 29 เครื่อง, กระเป๋าตรวจจับสัญญาณ 38 อัน, ปืนรบกวนสัญญาณ 129 กระบอก, เครื่องรบกวนสัญญาณ 16 เครื่อง, รถตู้สำหรับตรวจจับและรบกวนสัญญาณ 1 คัน และอุปกรณ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องอีก 50 รายการ โดยของกลางทั้งหมดจะถูกนำไปเก็บไว้ที่กองบังคับการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อนำไปตรวจสอบความถี่ และเอกสารที่เกี่ยวข้อง สำหรับบริษัทดังกล่าว ตำรวจให้ข้อมูลว่า มีเจ้าของโรงงานเป็นคนสัญชาติสิงคโปร์ และมีกรรมการเป็นชาวไทยร่วมด้วย ประกอบกิจการผลิตอุปกรณ์ และอากาศยานไร้คนขับโดรน.-สำนักข่าวไทย

มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงิน

กทม 5 ส.ค.-มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงินอีก “ขจรเกียรติ” ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา ผงาดคุมที่ดิน “เชษฐา” คุม ปภ. โยก “ภาสกร” นั่งผู้ว่าฯ ระยอง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ กระทรวงมหาดไทย เตรียมเสนอให้ ครม.พิจารณาเห็นชอบรวม 5 ตำแหน่ง ประกอบด้วย นายพรพจน์ เพ็ญพาส อธิบดีกรมที่ดิน เป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายเชษฐา โมสิกรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นายขจรเกียรติ รักพานิชมณี ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา เป็นอธิบดีกรมที่ดิน นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เป็นผู้ว่าฯ ระยอง และนายไตรภพ วงศ์ไตรรัตน์ ผู้ว่าฯ ระยอง เป็นผู้ว่าฯ เพชรบุรี.-319.-สำนักข่าวไทย

เปิดปฏิบัติการค้น 200 จุด ล่าพระทำผิดกฎหมาย

กทม. 5 ส.ค.-ตำรวจสอบสวนกลาง เปิดปฏิบัติการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ลุยค้น 200 จุดทั่วประเทศ ไล่ล่าจับพระทำผิดกฎหมาย 181 เป้าหมาย ล่าสุดจับพระวัดดังย่านคลอง 6 ปทุมธานี พบเอี่ยวองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ในฐานะหัวหน้าศูนย์ป้องกันปราบปรามภัยคุกคามและเสริมสร้างความมั่นคงทางพระพุทธศาสนา สั่งการ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. นำกำลังเจ้าหน้าที่หน่วยงานในสังกัด บช.ก. เปิดปฏิบัติการกวาดลานวัด เข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย กว่า 200 จุด เพื่อจับกุมผู้ต้องหาคดีต่างๆ อาทิ ยักยอกทรัพย์ ฟอกเงิน เมาแล้วขับ หรือ มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการยาเสพติด รวมไปถึงองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ที่หลบหนีมาบวชเป็นพระซ่อนตัวตามวัดต่างๆ ทั่วประเทศ โดยกลุ่มผู้ต้องหาที่เป็นเป้าหมายหลักของปฏิบัติการครั้งนี้ มีด้วยกันทั้งหมด 181 ราย แบ่งเป็น ผู้ต้องหาที่ยังมีสถานะเป็นพระ 154 ราย ในจำนวนนี้มีพระตำแหน่งสูงสุดเป็นระดับเจ้าอาวาส ส่วนผู้ต้องหาที่เคยเป็นพระแต่สึกไปแล้วมีทั้งหมด 27 ราย ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการเข้าดำเนินการจับกุม อย่างไรก็ตามขณะนี้มีรายงานว่า จากปฏิบัติการดังกล่าวขณะนี้เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาคนสำคัญได้รายหนึ่งแล้ว […]

ข่าวแนะนำ

“ภูมิธรรม” บอกตั้ง “บุ๋ม ปนัดดา” สมน้ำสมเนื้อกับ “มาลี”

กทม. 9 ส.ค. – “ภูมิธรรม” บอกตั้ง “บุ๋ม ปนัดดา” เป็นโฆษก ศบ.ทก.จิตอาสา สมน้ำสมเนื้อกับ “มาลี” ชี้กองทัพพร้อมประสานข้อมูลเต็มที่ ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีตั้ง น.ส.ปนัดดา วงศ์ผู้ดี เป็นโฆษกจิตอาสา ศูนย์บริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ที่หลายคนตั้งข้อสังเกตว่าอาจจะมีความไม่เหมาะสมเรื่องของข้อมูล และความน่าเชื่อถือ ว่า น.ส.ปนัดดา เป็นอินฟลูเอนเซอร์ที่มีผู้ติดตามจำนวนมาก และมีความสนใจในเรื่องบ้านเมือง ซึ่งข้อมูลด้านการทหารอาจจะรู้ไม่เยอะเท่ากับเจ้าหน้าที่ทหาร แต่มีความตั้งใจ อีกทั้งการเข้ามารับตำแหน่งก็เป็นการเสนอจากผู้บัญชาการเหล่าทัพ ซึ่งต้นคิดว่าเรื่องของการได้ข้อมูล เมื่อทางทหารสนับสนุนก็จะสามารถทำงานได้ดี นายภูมิธรรม กล่าวอีกว่า พลโทหญิงมาลี โสเจียตา โฆษกกลาโหมกัมพูชาเป็นผู้หญิง เราไม่อยากให้รู้สึกเหมือนว่าใช้โฆษกทหารที่เป็นผู้ชายไปโต้แย้ง เราอาจจะเสียเปรียบกว่า ซึ่งเห็นว่า น.ส.ปนัดดา มีความเหมาะสมอยู่แล้ว ส่วนเรื่องข้อมูลก็ให้ประสานกับกองทัพอย่างเต็มที่ ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร ตรงนี้ตนคิดว่าสมน้ำสมเนื้อ เมื่อถามย้ำว่า ข้อมูลที่ น.ส.ปนัดดา จะพูดออกมา เป็นการกลั่นกรองมาจากทางกองทัพใช่หรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า ก็ประมาณนั้น […]

ไทยฝนเพิ่มขึ้น ตกหนักบางแห่ง

กทม. 9 ส.ค.-กรมอุตุฯ รายงาาน 10-15 ส.ค. ไทยจะมีฝนเพิ่มขึ้น ตกหนักบางแห่ง โดยมีฝนตกหนักมากบางพื้นที่ในภาคตะวันออก และภาคใต้ฝั่งตะวันตก ส่วนกรุงเทพฯ และปริมณฑล ฝนฟ้าคะนอง 30% ของพื้นที่ กรมอุตุนิยมวิทยา พยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า ประเทศไทยยังคงมีฝนฟ้าคะนองเกิดขึ้นได้ในบางพื้นที่ ขอให้ประชาชนระวังอันตรายจากฝนฟ้าคะนองไว้ด้วย เนื่องจากมรสุมตะวันตกเฉียงใต้พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันตอนบนมีกำลังปานกลาง โดยมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองไว้ด้วย อนึ่ง ในช่วงวันที่ 10 – 15 ส.ค. ประเทศไทยจะมีฝนเพิ่มขึ้น และมีฝนตกหนักบางแห่ง โดยมีฝนตกหนักมากบางพื้นที่ในภาคตะวันออก และภาคใต้ฝั่งตะวันตก เนื่องจากจะมีร่องมรสุมพาดผ่านภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทยจะมีกำลังแรงขึ้น พยากรณ์อากาศสำหรับประเทศไทย 06:00 น. วันนี้ ถึง 06:00 น. […]

“วัดพระบาทน้ำพุ” แจงเงินวัด เข้าแล้วออกไปไหน

ลพบุรี 8 ส.ค. – หลังจากมีกระแสข่าวเกี่ยวกับวัดพระบาทน้ำพุ ก็มีเสียงสะท้อนออกมาหลายแง่มุม ขณะที่บางส่วนตั้งคำถามเกี่ยวกับเงินวัดที่มีการเปิดรับบริจาค และการดูแลผู้ป่วยเอชไอวี ว่ายังมีความจำเป็นหรือไม่.-สำนักข่าวไทย

บุกจับเจ้าหน้าที่ ส.ป.ก.-กำนัน ทุจริตที่ดินเอื้อนายทุน

สระบุรี 8 ส.ค. – “บิ๊กเต่า” นำกำลังบุกจับเจ้าหน้าที่ ส.ป.ก.สระบุรี-กำนัน ร่วมกันทุจริตออกเอกสารสิทธิ ส.ป.ก. 600-700 ไร่ เอื้อประโยชน์นายทุนสร้างบ้านพักหรู พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. พร้อมด้วย นายธนดล สุวัณณะฤทธิ์ ที่ปรึกษาด้านกฎหมายฯ รมว.เกษตรและสหกรณ์ นำกำลังเข้าจับกุมนายวิชยุตม์ อายุ 42 ปี นายช่างสำรวจชำนาญงาน ขณะกำลังนั่งปฏิบัติหน้าที่อยู่ในห้องทำงาน ที่สำนักงานปฏิรูปที่ดินจังหวัดสระบุรี และนายสิปปกร อายุ 57 ปี กำนัน ต.หนองย่างเสือ อ.หมวกเหล็ก ตามหมายจับศาลอาญาทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 1 ข้อหาเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เป็นเจ้าหน้าที่รัฐร่วมกันปฏิบัติหรือเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เป็นเจ้าพนักงานแต่กลับร่วมกันกระทำการรับรองเอกสารอันเป็นเท็จ หลังพบใช้อำนาจหน้าที่โดยมิชอบเอื้อประโยชน์ให้กับนายทุนเข้าบุกรุกหรือครอบครองที่ป่าไม้ในพื้นที่ อ.มวกเหล็ก จ.สระบุรี ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้มีการตรวจสอบพบคาเฟ่ รีสอร์ตหรูแห่งหนึ่ง ในพื้นที่ อ.มวกเหล็ก จ.สระบุรี ก่อสร้างบุกรุกผืนป่า จึงเร่งขยายตรวจสอบที่ไปที่มาของการเข้าครอบครองที่ดินดังกล่าว กระทั่งพบว่ามีเจ้าหน้าที่รัฐบางส่วนใช้อำนาจหน้าที่เอื้อประโยชน์ให้กับนายทุน ด้วยการออกเอกสารสิทธิ ส.ป.ก.4-01 เพื่อใช้อ้างสิทธิเข้าครอบครอง […]