ศาลออกหมายจับ 2 ผู้ต้องหา ร่วมฆ่าหนุ่มไต้หวัน

กรุงเทพฯ 17 พ.ย.- ศาลออกหมายจับ 2 ผู้ต้องหา ร่วมฆ่าหนุ่มไต้หวันวัย 47 ปี หลังหนุ่มเมียนมารับสารภาพ ทำหน้าที่ดูต้นทาง ก่อนร่วมกับชายผิวดำชาวแคเมอรูน และชาวผิวขาวชาติตะวันตก บุกห้องพักผู้ตายจับมัดมือไพล่หลัง


ศาลอาญาพระโขนงได้ออกหมายจับนายแซวอ ลิง แปร่ หรือ เจนซี่ อายุ 21 ปี ชาวเมียนมา และนายจอห์น แอบอนี อายุ 40 ปี ชาวแคมเมอรูน ในข้อหา ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา

นายเจนซี่ ผู้ต้องหาที่ 1 ให้การลักษณะภาคเสธ ว่าได้สมัครงานผ่านช่องทางออนไลน์ ที่โพสต์หาคนทำงานสอดแนม สะกดรอย และถ่ายรูป จากหญิงไทยรายหนึ่ง และได้ร่วมกับชายผิวสี ผู้ต้องหาที่ 2 และชาวยุโรปผิวขาว อีก 1 คน โดยเป้าหมายคือเอาทรัพยสินของผู้ตาย เนื่องจากข้อมูลของหญิงไทยบอกว่า ผู้ตายมีทรัพย์สินจำนวนมาก และมีประวัติคดีอาชญากรรมติดตัว จึงสั่งให้เปิดห้องพักเพื่อเฝ้าพฤติกรรมของผู้ตาย


กระทั่งวันที่ 16 พฤศจิกายน เวลา ตี 1 ได้ร่วม กับผู้ต้องหาที่ 2 ชาวแคมเมอรูน และชายผิวขาว ชาวตะวันตก เข้าไปในห้องพักของผู้ตาย โดยชาวชาวตะวันตก เป็นผู้จับ และตนเป็นผู้มัดมือของผู้ตาย ด้วยเทปกาวและเข็มขัด โดยมีผู้ต้องหาที่ 2 ทำหน้าที่ดูต้นทาง และรื้อค้น ทรัพย์สินของผู้ตายแต่ไม่พบเงิน จึงนำคอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊กและโทรศัพท์มือถือหลบหนีไป ก่อนออกจากห้องผู้ตายยังมีชีวิตอยู่ ส่วนผู้ต้องหาที่ 2 ชาวแคมเมอรูน อ้างว่าเป็นครูสอนภาษา ปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา ส่วนผู้ร่วมขบวนการอีกหนึ่งรายที่เป็นชาวตะวันตก ได้หลบหนีออกนอกประเทศไปแล้ว

ขณะที่ พล.ต.ต.พงศ์อนันต์ คล้ายคลึง รอง ผบช.น. ได้เดินทางเข้ามาติดตามคดี พร้อมสอบปากคำด้วยตนเอง

ต่อมา พล.ต.ต.พงศ์อนันต์ คล้ายคลึง รอง ผบช.น. พร้อมด้วย พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล และ พล.ต.ต.วิทวัฒน์ ชินคำ ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 5 เดินทางมาประชุมติดตามความคืบหน้ากรณีพบศพชายชาวไต้หวัน ภายในโรงแรมย่านอุดมสุข พื้นที่สถานีตำรวจนครบาลบางนา


โดยภายหลังการประชุม พล.ต.ต.พงศ์อนันต์ ให้สัมภาษณ์ว่า คดีนี้เป็นที่สังคมให้ความสนใจเนื่องจากมีชาวต่างชาติเสียชีวิต ชุดสืบสวน ก็บังคับการสืบสวนตำรวจนครบาลร่วมกับกองบังคับการตำรวจนครบาล 5 และชุดสืบสวนสถานีตำรวจนครบาลบางนา ได้ลงพื้นที่แกะรอยจากพยานหลักฐานและกล้องวงจรปิดจนทราบตัวผู้กระทำผิดทั้งหมด ตอนนี้สามารถออกหมายจับบุคคล 3 คน เป็นชาวเมียนมา 1 คน ชายชาวแคเมอรูน 1 คน ที่สามารถควบคุมตัวได้แล้ว และชายชาวต่างชาติ (ยังไม่ทราบสัญชาติ) อีก 1 คน ที่อยู่ระหว่างติดตามตัว

เบื้องต้นพฤติการณ์การกระทำความผิดจากที่เกิดเหตุ พบว่ามีพยานหลักฐานยืนยันว่า ทั้งหมดเข้าไปรุมทำร้ายจนชาวไต้หวันเสียชีวิตในที่เกิดเหตุ สาเหตุเบื้องต้นคาดว่าเกี่ยวกับทรัพย์สินของผู้ตาย เพราะมีทรัพย์สินบางอย่างของผู้ตายสูญหาย แต่ยังสั่งการให้ชุดสืบสวนดูในเรื่องของสาเหตุอื่น ๆ ประกอบด้วย เพื่อให้ข้อมูลปรากฏชัดเจน

ส่วนที่ผู้ต้องหาชาวเมียนมา อ้างว่าได้รับว่าจ้างจาก Facebook ประเด็นนี้เป็นสิทธิ์ของผู้ต้องหา แต่เมื่อควบคุมตัวได้แล้ว ก็ต้องสอบปากคำรวบรวมพยานหลักฐานจากคำให้การ และจากข้อมูลอื่นมาประกอบกัน ส่วนที่จะซัดทอดไปถึงบุคคลอื่นนั้น ก็ต้องนำข้อมูลดังกล่าวไปสืบสวนขยายผลเพิ่มเติม แต่เชื่อมั่นว่าจะสามารถรวมพยานหลักฐานเอาผิดได้

ส่วนไทม์ไลน์ของผู้เสียชีวิตชาวไต้หวัน พบว่าเข้ามาในเมืองไทยหลายครั้ง และครบ 15 วัน จะเดินทางกลับประเทศไต้หวัน ส่วนในเรื่องของอาชีพที่ชัดเจนของผู้เสียชีวิตจะต้องประสานไปยังทางการไต้หวัน เพื่อตรวจสอบในเรื่องของการประกอบธุรกิจ แต่เบื้องต้นยังไม่พบว่ามีการประกอบธุรกิจในประเทศไทย อาจเข้ามาทำการค้าขายโดยมาแบบนักท่องเที่ยว เช่นเดียวกับเรื่องของประวัติอาชญากรรมผู้เสียชีวิตที่ต้องรอการยืนยันอย่างเป็นทางการโดยได้ให้ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง 1 ประสานข้อมูลไปยังทางการประเทศไต้หวัน

ส่วนที่มีข้อมูลว่ามีหญิงชาวจังหวัดราชบุรีเกี่ยวข้อง และมีข้อมูลว่าผู้ต้องหาซัดทอดว่าเป็นผู้สั่งการนั้น พล.ต.ต.พงศ์อนันต์ บอกว่า ในประเด็นนี้ยังไม่อยากให้เชื่อมโยงไปถึง ต้องรอสืบสวนจนพบข้อมูลหลักฐานก่อน ซึ่งขอสงวนข้อมูลเรื่องนี้ไว้ก่อน

ขณะที่เรื่องของตู้เซฟของผู้เสียชีวิตได้ประสานให้ผู้เชี่ยวชาญพร้อมกับเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน เข้าร่วมตรวจสอบและเปิดตู้เซฟ เพื่อว่ามีทรัพย์สินหรือเอกสารใดที่จะเกี่ยวข้องกับสาเหตุการเสียชีวิต ส่วนข้อมูลที่ผู้เสียชีวิตฝากตู้เซพไว้กับเพื่อนอยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐาน แต่การตรวจสอบที่เกิดเหตุเบื้องต้นพบว่ามีทรัพย์สินผู้เสียชีวิตบางส่วนสูญหายไป ประกอบด้วยคอมพิวเตอร์แล็ปท็อป และโทรศัพท์มือถือ ซึ่งจะเกี่ยวข้องกับสาเหตุการเสียชีวิตครั้งนี้ด้วยหรือไม่นั้นอยู่ระหว่างการสืบสวน และยังต้องตรวจสอบทรัพย์สินรายการอื่นเพิ่มเติมอีกด้วย

ส่วนเรื่องของสภาพศพผู้เสียชีวิต และร่องรอยบาดแผลต่าง ๆ อยู่ระหว่างรอให้แพทย์นิติเวชตรวจชันสูตรเพื่อระบุสาเหตุและร่องรอยบาดแผลที่ชัดเจน. -สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เมียติด GPS รถผัว ตามง้อถึงบ้าน ฝ่ายชายเมิน ยิงดับ

ภรรยาติด GPS รถสามี ตามง้อไม่สำเร็จ ซัดด้วยลูกโม่ตายคาใต้ถุนบ้าน คาดปมทะเลาะหึงหวง คิดจบชีวิตตัวเองตาม แต่พ่อสามียึดปืนไว้ทัน

ครูสูญเงิน 1.2 ล้านบาท มิจฉาชีพหลอกเป็นที่ดิน-จนท.ธนาคาร

ครูสาวชาวอุบลราชธานี ถูกมิจฉาชีพอ้างตัวเป็นหน่วยงานราชการ และเจ้าหน้าที่ธนาคาร ใช้เบอร์ธนาคารโทรหาจึงหลงเชื่อ สูญเงินกว่า 1.2 ล้านบาท

สุราษฎร์ฯ คลื่นลมแรง น้ำทะเลหนุนสูงท่วมบ้าน-รีสอร์ต

ฝนตกหนัก-คลื่นลมแรง น้ำทะเลหนุนสูงซัดบ้านพัก-รีสอร์ต อ.ไชยา จ.สุราษฎร์ธานี พังเสียหาย 4 หลัง เตือนเรือประมงงดออกจากฝั่ง

New threats in Los Angeles as wildfire switches direction

ไฟป่าแอลเอเปลี่ยนทิศสร้างปัญหาใหม่

ลอสแอนเจลิส 12 ม.ค.- รัฐแคลิฟอร์เนียของสหรัฐเกิดภัยคุกคามใหม่วานนี้ เมื่อไฟป่าที่โหมไหม้เผาหลายพื้นที่ทั่วเทศมณฑลลอสแอนเจลิสหรือแอลเอเคาน์ตี้ได้เปลี่ยนทิศทาง ทำให้ต้องสั่งอพยพประชาชนเพิ่มเติม และกลายเป็นปัญหาท้าทายใหม่สำหรับทีมนักดับเพลิง พื้นที่เขตแคลิฟอร์เนียใต้เผชิญไฟป่ามาตั้งแต่วันที่ 7 มกราคม โดยเกิดไฟป่าพร้อมกัน 6 จุดทั่วแอลเอเคาน์ตี้ ทำให้มีผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 11 คน  ผู้สูญหาย 13 คน  บ้านเรือนและสิ่งปลูกสร้างเสียหายหรือถูกทำลายรวมแล้วกว่า 10,000 หลัง คาดว่าความเสียหายทั้งต่อชีวิตและทรัพย์สินจะเพิ่มขึ้นอีก เมื่อเจ้าหน้าที่สามารถเข้าตรวจสอบพื้นที่ประสบภัยได้อย่างละเอียด ขณะนี้ยังคงมีประชาชน 153,000 คนอยู่ภายใต้คำสั่งอพยพ และอีก 166,800 คน เสี่ยงต้องอพยพเนื่องจากมีการประกาศเคอร์ฟิวในทุกพื้นที่ที่มีการอพยพประชาชนหนีไฟป่า ขณะเดียวกันเครื่องบินกองทัพอากาศของเม็กซิโกได้ออกเดินทางมุ่งหน้าสู่รัฐแคลิฟอร์เนียของสหรัฐเมื่อวานนี้ เพื่อนำทีมบุคคลากร 74 คนจากกองทัพบกและคณะกรรมาธิการป่าไม้แห่งชาติ ไปช่วยปฏิบัติการดับไฟป่าที่กำลังลุกไหม้ลามไม่หยุดทั่วเขตแคลิฟอร์เนียใต้ ภารกิจด้านมนุษยธรรมดังกล่าวครอบคลุมทั้งปฏิบัติการดับไฟป่าและปกป้องพลเรือน ขณะที่กงสุลเม็กซิโกในเมืองแอลเอประกาศไม่ปิดทำการและเสนอให้ที่พักพิงกับผู้ประสบภัยชาวเม็กซิโก ไม่ว่าจะมีสถานะเป็นผู้อพยพหรือไม่ ปัจจุบันมีชาวเม็กซิโกหรือลูกหลานชาวเม็กซิโกอาศัยอยู่ในรัฐแคลิฟอร์เนียคิดเป็นเกือบร้อยละ 30 ของประชากรทั้งรัฐ.-820(814).-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

นายกฯ เตรียมลงพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้ 16 ม.ค.นี้

“แพทองธาร” นายกฯ เตรียมลงพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้ 16 ม.ค.นี้ ติดตามโครงการพัฒนาพื้นที่ พบนักเรียน ประชาชน ร่วมมหกรรมแก้หนี้, พูดคุยผู้นำศาสนา-ผู้ประกอบการประมง-เร่งโครงการก่อสร้างสะพาน, ขุดลอกคลอง, โครงการเงินกู้ซอฟต์โลน

นายกฯ เรียกรัฐมนตรี-คณะทำงานด้านเศรษฐกิจ ประชุมกรอบงบฯ 69

“แพทองธาร” นายกฯ เรียก 3 รมต.คลัง-ที่ปรึกษานโยบายของนายกฯ หารือสรุปทิศทางการทำงบประมาณปี 69 มั่นใจใช้งบที่มาจากภาษีประชาชน แก้ไขปัญหาพัฒนาประเทศได้ตรงจุด

สส.ศรีสะเกษ เพื่อไทย เล่านาทีกระป๋องนมเฉี่ยวไปนิดเดียว

“สส.ศรีสะเกษ เพื่อไทย” เล่านาทีระทึก กระป๋องนมเฉี่ยวไปนิดเดียว เชื่อมีคนเขวี้ยงมาแน่ บอกมันดังมากเลยนะ งง! จะหล่นมาจากฝ้าได้อย่างไร ด้าน “เลขาฯ สภา” แจงแล้ว ตรวจสอบกล้องวงจรปิดพบตกจากเพดาน คาดคนงานขึ้นไปซ่อมฝ้า ดื่มนมแล้วทิ้งไว้

เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์

รมช.คลัง เร่งดัน กม.สถานบันเทิงครบวงจร ยันไร้เส้นสาย-เกี้ยเซียะ

‘รมช.คลัง’ ลั่นเร่งดันกฎหมายเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ บอกทุนจดทะเบียนหมื่นล้าน ไม่จำกัดสัญชาติ แต่ต้องมีคุณภาพ ยันไม่มีเส้นสาย-เกี้ยเซียะในรัฐบาล