ศาลออกหมายจับ 2 ผู้ต้องหา ร่วมฆ่าหนุ่มไต้หวัน

กรุงเทพฯ 17 พ.ย.- ศาลออกหมายจับ 2 ผู้ต้องหา ร่วมฆ่าหนุ่มไต้หวันวัย 47 ปี หลังหนุ่มเมียนมารับสารภาพ ทำหน้าที่ดูต้นทาง ก่อนร่วมกับชายผิวดำชาวแคเมอรูน และชาวผิวขาวชาติตะวันตก บุกห้องพักผู้ตายจับมัดมือไพล่หลัง


ศาลอาญาพระโขนงได้ออกหมายจับนายแซวอ ลิง แปร่ หรือ เจนซี่ อายุ 21 ปี ชาวเมียนมา และนายจอห์น แอบอนี อายุ 40 ปี ชาวแคมเมอรูน ในข้อหา ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา

นายเจนซี่ ผู้ต้องหาที่ 1 ให้การลักษณะภาคเสธ ว่าได้สมัครงานผ่านช่องทางออนไลน์ ที่โพสต์หาคนทำงานสอดแนม สะกดรอย และถ่ายรูป จากหญิงไทยรายหนึ่ง และได้ร่วมกับชายผิวสี ผู้ต้องหาที่ 2 และชาวยุโรปผิวขาว อีก 1 คน โดยเป้าหมายคือเอาทรัพยสินของผู้ตาย เนื่องจากข้อมูลของหญิงไทยบอกว่า ผู้ตายมีทรัพย์สินจำนวนมาก และมีประวัติคดีอาชญากรรมติดตัว จึงสั่งให้เปิดห้องพักเพื่อเฝ้าพฤติกรรมของผู้ตาย


กระทั่งวันที่ 16 พฤศจิกายน เวลา ตี 1 ได้ร่วม กับผู้ต้องหาที่ 2 ชาวแคมเมอรูน และชายผิวขาว ชาวตะวันตก เข้าไปในห้องพักของผู้ตาย โดยชาวชาวตะวันตก เป็นผู้จับ และตนเป็นผู้มัดมือของผู้ตาย ด้วยเทปกาวและเข็มขัด โดยมีผู้ต้องหาที่ 2 ทำหน้าที่ดูต้นทาง และรื้อค้น ทรัพย์สินของผู้ตายแต่ไม่พบเงิน จึงนำคอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊กและโทรศัพท์มือถือหลบหนีไป ก่อนออกจากห้องผู้ตายยังมีชีวิตอยู่ ส่วนผู้ต้องหาที่ 2 ชาวแคมเมอรูน อ้างว่าเป็นครูสอนภาษา ปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา ส่วนผู้ร่วมขบวนการอีกหนึ่งรายที่เป็นชาวตะวันตก ได้หลบหนีออกนอกประเทศไปแล้ว

ขณะที่ พล.ต.ต.พงศ์อนันต์ คล้ายคลึง รอง ผบช.น. ได้เดินทางเข้ามาติดตามคดี พร้อมสอบปากคำด้วยตนเอง

ต่อมา พล.ต.ต.พงศ์อนันต์ คล้ายคลึง รอง ผบช.น. พร้อมด้วย พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล และ พล.ต.ต.วิทวัฒน์ ชินคำ ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 5 เดินทางมาประชุมติดตามความคืบหน้ากรณีพบศพชายชาวไต้หวัน ภายในโรงแรมย่านอุดมสุข พื้นที่สถานีตำรวจนครบาลบางนา


โดยภายหลังการประชุม พล.ต.ต.พงศ์อนันต์ ให้สัมภาษณ์ว่า คดีนี้เป็นที่สังคมให้ความสนใจเนื่องจากมีชาวต่างชาติเสียชีวิต ชุดสืบสวน ก็บังคับการสืบสวนตำรวจนครบาลร่วมกับกองบังคับการตำรวจนครบาล 5 และชุดสืบสวนสถานีตำรวจนครบาลบางนา ได้ลงพื้นที่แกะรอยจากพยานหลักฐานและกล้องวงจรปิดจนทราบตัวผู้กระทำผิดทั้งหมด ตอนนี้สามารถออกหมายจับบุคคล 3 คน เป็นชาวเมียนมา 1 คน ชายชาวแคเมอรูน 1 คน ที่สามารถควบคุมตัวได้แล้ว และชายชาวต่างชาติ (ยังไม่ทราบสัญชาติ) อีก 1 คน ที่อยู่ระหว่างติดตามตัว

เบื้องต้นพฤติการณ์การกระทำความผิดจากที่เกิดเหตุ พบว่ามีพยานหลักฐานยืนยันว่า ทั้งหมดเข้าไปรุมทำร้ายจนชาวไต้หวันเสียชีวิตในที่เกิดเหตุ สาเหตุเบื้องต้นคาดว่าเกี่ยวกับทรัพย์สินของผู้ตาย เพราะมีทรัพย์สินบางอย่างของผู้ตายสูญหาย แต่ยังสั่งการให้ชุดสืบสวนดูในเรื่องของสาเหตุอื่น ๆ ประกอบด้วย เพื่อให้ข้อมูลปรากฏชัดเจน

ส่วนที่ผู้ต้องหาชาวเมียนมา อ้างว่าได้รับว่าจ้างจาก Facebook ประเด็นนี้เป็นสิทธิ์ของผู้ต้องหา แต่เมื่อควบคุมตัวได้แล้ว ก็ต้องสอบปากคำรวบรวมพยานหลักฐานจากคำให้การ และจากข้อมูลอื่นมาประกอบกัน ส่วนที่จะซัดทอดไปถึงบุคคลอื่นนั้น ก็ต้องนำข้อมูลดังกล่าวไปสืบสวนขยายผลเพิ่มเติม แต่เชื่อมั่นว่าจะสามารถรวมพยานหลักฐานเอาผิดได้

ส่วนไทม์ไลน์ของผู้เสียชีวิตชาวไต้หวัน พบว่าเข้ามาในเมืองไทยหลายครั้ง และครบ 15 วัน จะเดินทางกลับประเทศไต้หวัน ส่วนในเรื่องของอาชีพที่ชัดเจนของผู้เสียชีวิตจะต้องประสานไปยังทางการไต้หวัน เพื่อตรวจสอบในเรื่องของการประกอบธุรกิจ แต่เบื้องต้นยังไม่พบว่ามีการประกอบธุรกิจในประเทศไทย อาจเข้ามาทำการค้าขายโดยมาแบบนักท่องเที่ยว เช่นเดียวกับเรื่องของประวัติอาชญากรรมผู้เสียชีวิตที่ต้องรอการยืนยันอย่างเป็นทางการโดยได้ให้ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง 1 ประสานข้อมูลไปยังทางการประเทศไต้หวัน

ส่วนที่มีข้อมูลว่ามีหญิงชาวจังหวัดราชบุรีเกี่ยวข้อง และมีข้อมูลว่าผู้ต้องหาซัดทอดว่าเป็นผู้สั่งการนั้น พล.ต.ต.พงศ์อนันต์ บอกว่า ในประเด็นนี้ยังไม่อยากให้เชื่อมโยงไปถึง ต้องรอสืบสวนจนพบข้อมูลหลักฐานก่อน ซึ่งขอสงวนข้อมูลเรื่องนี้ไว้ก่อน

ขณะที่เรื่องของตู้เซฟของผู้เสียชีวิตได้ประสานให้ผู้เชี่ยวชาญพร้อมกับเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน เข้าร่วมตรวจสอบและเปิดตู้เซฟ เพื่อว่ามีทรัพย์สินหรือเอกสารใดที่จะเกี่ยวข้องกับสาเหตุการเสียชีวิต ส่วนข้อมูลที่ผู้เสียชีวิตฝากตู้เซพไว้กับเพื่อนอยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐาน แต่การตรวจสอบที่เกิดเหตุเบื้องต้นพบว่ามีทรัพย์สินผู้เสียชีวิตบางส่วนสูญหายไป ประกอบด้วยคอมพิวเตอร์แล็ปท็อป และโทรศัพท์มือถือ ซึ่งจะเกี่ยวข้องกับสาเหตุการเสียชีวิตครั้งนี้ด้วยหรือไม่นั้นอยู่ระหว่างการสืบสวน และยังต้องตรวจสอบทรัพย์สินรายการอื่นเพิ่มเติมอีกด้วย

ส่วนเรื่องของสภาพศพผู้เสียชีวิต และร่องรอยบาดแผลต่าง ๆ อยู่ระหว่างรอให้แพทย์นิติเวชตรวจชันสูตรเพื่อระบุสาเหตุและร่องรอยบาดแผลที่ชัดเจน. -สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สิ้นพระเอกดัง “ไพโรจน์ สังวริบุตร” จากไปอย่างสงบในวัย 72 ปี

3 มิ.ย.- วงการบันเทิงเศร้า… สิ้นพระเอกดัง “เอ๋” ไพโรจน์ สังวริบุตร นักแสดง-ผู้กำกับในตำนาน จากไปอย่างสงบในวัย 72 ปี แฟนคลับร่วมแสดงความอาลัย ข่าวเศร้าช็อกวงการบันเทิง เอ๋-ไพโรจน์ สังวริบุตร เสียชีวิตอย่างสงบ เมื่อเวลา 03.00 น. (3 มิ.ย.68) ที่จังหวัดนครราชสีมา สิริอายุได้ 72 ปี กำหนดสวดพระอภิธรรม ณ วัดมกุฏกษัตริยารามราชวรวิหาร สำหรับพิธีรดน้ำศพ จะมีขึ้นในวันที่ 4 มิถุนายน 2568 โดยข้อมูลจากเพจดาราภาพยนตร์ เผยการจากไปของพระเอกรุ่นใหญ่ สร้างความโศกเศร้าให้กับวงการบันเทิงไทยอย่างมาก หากเอ่ยถึงชื่อ “ไพโรจน์ สังวริบุตร” คนไทยหลายรุ่นคงต้องนึกถึงชายหนุ่มร่างโปร่ง ใบหน้าเปื้อนรอยยิ้ม และแววตาทะเล้นที่ปรากฏอยู่บนจอเงินในบท “ตั้ม” จากภาพยนตร์ วัยอลวน อันโด่งดังในยุค 2510–2520 เขาคือพระเอกผู้ก้าวข้ามกาลเวลา จากภาพลักษณ์ของวัยรุ่นสุดแนวในวันนั้น สู่ผู้กำกับภาพยนตร์มากฝีมือในวันนี้ และยังคงยืนหยัดเป็นบุคคลสำคัญในประวัติศาสตร์วงการภาพยนตร์ไทย “ไพโรจน์ สังวริบุตร” เกิดเมื่อวันที่ 18 […]

Thai drone illegally enters Cambodian airspace, intercepted by Cambodian troops

กัมพูชาอ้างสกัดโดรนที่ส่งจากฝั่งไทย

พนมเปญ 3 มิ.ย.- สื่อกัมพูชารายงานว่า ทหารกัมพูชาสกัดอากาศยานไร้คนขับหรือโดรนที่อ้างว่าส่งจากฝั่งไทยเข้าไปสอดแนมที่ตั้งทางทหารของกัมพูชา เว็บไซต์หนังสือพิมพ์แขมร์ไทมส์รายงานวันนี้ว่า กองทัพไทยยังคงละเมิดดินแดนของกัมพูชา โดยล่าสุดได้ส่งโดรนไปบินเหนือพื้นที่แนวหน้าโดยไม่ได้รับอนุญาต เพื่อสอดแนมที่ตั้งทางทหารของกัมพูชา และถูกกำลังพลกัมพูชาสกัดไว้ได้ แขมร์ไทมส์อ้างรายงานจากชายแดนว่า เมื่อช่วงบ่ายวันที่ 2 มิถุนายน ทหารกัมพูชาที่ประจำการอยู่บริเวณแนวหน้าในจังหวัดพระวิหารสามารถสกัดโดรนลำหนึ่งที่เข้ามาในน่านฟ้ากัมพูชาเพื่อวัตถุประสงค์ในการสอดแนม ผลการประเมินเบื้องต้นชี้ว่า โดรนลำนี้ถูกส่งโดยกองทัพไทย เพื่อเก็บข้อมูลข่าวกรองเรื่องการประจำการและการเคลื่อนย้ายกำลังพลของกองทัพกัมพูชา.-814.-สำนักข่าวไทย

ล่อซื้อบุหรี่ไฟฟ้ากลางเมืองขอนแก่น ถอยหนีชนดะ

ขอนแก่น 3 มิ.ย. – ระทึก ผู้ต้องหาถอยรถหนี ชนจยย.สายตำรวจ ขณะล่อซื้อบุหรี่ไฟฟ้ากลางเมืองขอนแก่น ก่อนจนมุมรถไถลข้ามเลนพลิกตะแคง กล้องวงจรปิดบันทึกภาพรถยนต์สีขาวจอดคุยกับชายคนหนึ่งที่ยืนริมถนนกสิกรทุ่งสร้าง หน้าตลาดจอมพล เขตเทศบาลนครขอนแก่น ทันใดนั้น รถคันดังกล่าวก็ถอยหลังอย่างรวดเร็ว พุ่งชนรถจักรยานยนต์ที่ขี่อยู่ด้านหลังล้ม 2 คัน และพยายามเร่งเครื่องหลบหนีจนไปชนกับรถคันอื่นอย่างแรง แล้วไถลข้ามเลนพลิกตะแคงอยู่ข้างทาง เมื่อเวลา 22.45 น. วานนี้ (2 มิ.ย.) คนขับปีนออกจากหน้าต่าง มีท่าทีขัดขืน แต่สุดท้ายก็ยอมออกมาจากรถ หลังจากนั้นตำรวจพาเดินข้ามถนนไปฝั่งตรงข้าม และมีชายอีกคนออกมาจากหน้าเป็นรายที่สอง ตำรวจจึงควบคุมตัวที่ข้างทาง ต่อมา รถกู้ชีพมาถึงที่เกิดเหตุและทำการปฐมพยาบาลทั้งชายสองคนและสายลับที่ได้รับบาดเจ็บ ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าว เป็นเหตุขณะล่อซื้อบุหรี่ไฟฟ้า ภายในรถมีบุหรี่ไฟฟ้าวางอยู่ ก่อนจะคุมตัวขึ้นรถกระบะไป สภ.เมืองขอนแก่น พ.ต.อ.พรศักดิ์ งานดี ผู้กำกับการตำรวจสืบสวนจังหวัดขอนแก่น เปิดเผยว่า นายอนุพงษ์ อายุ 35 ปี เป็นคนขายบุหรี่ไฟฟ้า ส่วนนายณัฐพล อายุ 37 ปี เป็นคนขับรถยนต์คันที่เกิดเหตุ มีพฤติกรรมลักลอบขายบุหรี่ไฟฟ้า ผ่านเฟซบุ๊กให้กับลูกค้าทั่วไปที่สั่งซื้อ จึงวางแผนล่อซื้อ […]

ทรงพระเจริญ

ชาวสงขลารวมใจภักดิ์ รักสมเด็จพระราชินี ร่วมแปรอักษร แสดงพลังความจงรักภักดี

สงขลา 2 มิ.ย. – จังหวัดสงขลา จัดกิจกรรม “ชาวสงขลารวมใจภักดิ์ รักสมเด็จพระราชินี” ประชาชนกว่า 5,000 คน ร่วมแปรอักษร “ทรงพระเจริญ คนสงขลารักพระราชินีฯ” แสดงพลังความจงรักภักดีอย่างยิ่งใหญ่ เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 3 มิถุนายน 2568 วันนี้ 2 มิถุนายน 2568 เวลา 16.30 น. ที่สนามกีฬาติณสูลานนท์ อำเภอเมือง จังหวัดสงขลา นายโชตินรินทร์ เกิดสม ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา พร้อมด้วยนางปวีณ์ริศา เกิดสม ประธานแม่บ้านมหาดไทยจังหวัดสงขลา นำคณะรองผู้ว่าราชการจังหวัด หัวหน้าส่วนราชการ นายอำเภอ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ นักเรียน นักศึกษา และประชาชนชาวสงขลากว่า 5,000 คน ร่วมกิจกรรม “ชาวสงขลารวมใจภักดิ์ รักสมเด็จพระราชินี” เพื่อแสดงความจงรักภักดีและเทิดพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา พัชรสุธาพิมลลักษณ พระบรมราชินี เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 3 มิถุนายน […]

ข่าวแนะนำ

นายกฯ ย้ำรัฐบาลยึดหลักอธิปไตย-ประโยชน์สูงสุดของประเทศ

กรุงเทพฯ 4 มิ.ย. – นายกฯ ย้ำรัฐบาลไม่นิ่งนอนใจต่อสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ยืนยันหลักอธิปไตยและประโยชน์สูงสุดของประเทศ วันนี้ (4 มิ.ย.68) นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี โพสต์เรื่องสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา รัฐบาลยืนยันหลักอธิปไตยและประโยชน์สูงสุดของประเทศ “ดิฉันขอย้ำอีกครั้งว่า รัฐบาลไม่ได้นิ่งนอนใจต่อสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา และได้บูรณาการการทำงานอย่างใกล้ชิดระหว่างกระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงกลาโหม และหน่วยงานความมั่นคง เพื่อประเมินสถานการณ์อย่างรอบด้าน” นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวว่า เรารวบรวมข้อมูลจากทั้งเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ ภาพแผนที่จากเทคโนโลยีและการวิเคราะห์ทางวิทยาศาสตร์ ตลอดจนพิจารณาอย่างเคร่งครัดภายใต้หลักกฎหมายระหว่างประเทศ โดยมีเป้าหมายคือการปกป้องอธิปไตยของชาติและผลประโยชน์ของประชาชนเป็นสำคัญ หากมีความคืบหน้า รัฐบาลจะมอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศ เป็นผู้ชี้แจงรายละเอียดเป็นระยะ เพื่อให้พี่น้องประชาชนได้รับข้อมูลที่ถูกต้องและรอบด้านต่อไป.-314-สำนักข่าวไทย

ม็อบรถบัส 2 ชั้น ขู่บุกกรุง ค้านคำสั่งห้ามใช้เส้นทางเขาพับผ้า

ตรัง 4 มิ.ย. – ม็อบรถบัส 2 ชั้น ชุมนุมคัดค้านคำสั่งห้ามใช้เส้นทางเขาพับผ้า อ้างไม่ชอบ กม.-เส้นทางไม่เข้าหลักเกณฑ์กำหนด ขู่เคลื่อนขบวนพันคันบุกกรุง หากไม่ได้รับแก้ไข บริเวณอันดามันเกตเวย์ บนเส้นทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 4 เขาพับผ้า เครือข่ายผู้ประกอบการรถบัส 2 ชั้น ในนามสมาคมรถโดยสารสองชั้นไทย กว่า 100 คัน พร้อมผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยว ราว 200 คน ชุมนุมคัดค้านคำสั่ง กรมการขนส่งทางบกที่ห้ามรถบัส 2 ชั้นใช้เส้นทาง 7 แห่งทั่วประเทศ การชุมนุมครั้งนี้ เป็นการรวมตัวของผู้ประกอบการจากทั้งภาคใต้ ภาคกลาง และภาคตะวันออก เพื่อประท้วงคำสั่งที่มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 11 เม.ย.68 สำหรับรถทัวร์ และวันที่ 1 มิ.ย.68 สำหรับรถประจำทาง โดยชูป้ายข้อความต่างๆ รวมถึงการเรียกร้องให้รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคมและอธิบดีกรมการขนส่งทางบกลาออกจากตำแหน่ง นายสุริยะ แกล้วทนงค์ นายกสมาคมผู้ประกอบการรถโดยสารสองชั้นไทย เปิดเผยว่า การสำรวจเส้นทางเขาพับผ้า พบว่าไม่เข้าหลักเกณฑ์ที่ต้องประกาศห้าม เนื่องจากมีความลาดชัน 8% […]

หัวโจกปล้นบุหรี่ไฟฟ้า กลับลำ ยันไม่มีคนในชี้เป้า

กทม. 4 มิ.ย. – คุมตัว “แบงค์” หัวโจกปล้นบุหรี่ไฟฟ้าของกลางกรมศุลฯ ทำแผน เจ้าตัวกลับลำอ้างลงมือครั้งแรก ไม่มีใครชี้เป้า ปัดเจตนาชน รปภ.ดับ กลางดึกที่ผ่านมาตำรวจ สน.ท่าเรือ พร้อมชุดปฏิบัติการพิเศษ กว่า 20 นาย ควบคุม 5 ผู้ต้องหาแก๊งปล้นบุหรี่ไฟฟ้า ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ บริเวณ ตู้คอนเทนเนอร์ ในโกดังสเตเตียม ถนนท่าเรือ 1 เขตคลองเตย จากนั้นในช่วงเช้าที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ได้นำตัวผู้ต้องหาทั้ง 5 คนไปฝากขังผัดแรกที่ศาลอาญากรุงเทพใต้ ส่วนนายแบงค์ หัวโจก พนักงานสอบสวนได้ควบคุมตัวไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพอย่างเงียบๆ เพราะเกรงว่านายแบงค์จะถูกญาติ รภป. ผู้เสียชีวิต รุมประชาทัณฑ์ ภายหลังจากทำแผนประกอบคำรับสารภาพเสร็จสิ้นแล้ว พนักงานสอบสวนได้คุมตัวนายแบงค์กลับมา คุมขังที่ สน.ท่าเรือ เพื่อสอบปากคำเพิ่มเติม ผู้สื่อข่าวได้พยายามซักถามว่านายแบงค์ก่อเหตุมาแล้วกี่ครั้ง นายแบงค์ อ้างว่าก่อเหตุขโมยบุหรี่ไฟฟ้ามาเพียงครั้งเดียว ส่วนนำไปขายใครนั้น นายแบงค์ไม่ตอบ และยืนยันว่าการก่อเหตุนี้ ไม่มีคนในมาชี้เป้า เพราะบริเวณนั้นใครก็รู้ว่าเป็นพื้นที่เก็บสินค้าที่ต้องการทำลาย พร้อมยกมือไหว้ขอโทษครอบครัว รปภ.ที่เสียชีวิต และยอมรับว่าตนเองไม่ได้ตั้งใจถอยรถชน […]

“ภูมิธรรม” ลงพื้นที่ชายแดนติดตามสถานการณ์ไทย-กัมพูชา

อุบลราชธานี 4 มิ.ย. – “ภูมิธรรม” ลงพื้นที่ จ.อุบลราชธานี ติดตามสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ย้ำกองทัพไม่ขัดแย้งรัฐบาล นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ลงพื้นที่ อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี เพื่อติดตามสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา หลังเกิดกรณีการปะทะกันที่ช่องบก โดยระบุว่า การมาครั้งนี้ตั้งใจมาให้กำลังใจกำลังพลที่อยู่แนวหน้า ซึ่งกำลังเตรียมความพร้อมในการดูแลและป้องกันปัญหาที่จะเกิดขึ้น รวมถึงดูพื้นที่จริง ซึ่งเบื้องต้นพบว่า ข่าวทหารกัมพูชาวางกับระเบิดเป็นของเก่า เวลานี้เรากำลังใช้ทางออกที่โลกอยากเห็น และเรายังไม่ได้เสียอธิปไตยตรงไหนไป สิ่งที่เกิดขึ้นในแต่ละจุด เราอยากให้มันค่อยๆ คลายไป เรากำลังใช้มาตรการทางการทูตเชิงรุก เริ่มต้นจากเล็กไปหาใหญ่ และมาตรการต่างๆ ที่จะมีเพิ่มขึ้น เราตกลงกันแล้วว่า จะคุยด้วยกันตลอด ไม่ได้มีปัญหาอะไร มันไม่ได้ถึงขั้นนั้น เพราะยังไม่มีอะไร เราคำนึงถึงชีวิตของพี่น้องประชาชนตามแนวชายแดน เราจะใช้กระบวนการสันติวิธีให้ถึงที่สุด ถ้ามีอะไรเกินเลย ฝ่ายที่อยู่แนวหน้าจะต้องแจ้งเรา ซึ่งจะดำเนินการโดยทันทีทันใด ยืนยันกองทัพกับฝ่ายการเมืองไม่มีปัญหากัน .-สำนักข่าวไทย