บช.ก.แถลงจับแก๊งปลอมป้ายทะเบียน-เครือข่ายโจรกรรมรถข้ามชาติ

กรุงเทพฯ 27 ต.ค. – ตำรวจสอบสวนกลาง ร่วมกับตัวแทนสถานทูตประเทศมาเลเซีย และตัวแทนจากกรมขนส่งทางบก แถลงจับกุมขบวนการปลอมป้ายทะเบียนและเครือข่ายโจรกรรมรถข้ามชาติ


พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ร่วมกับตัวแทนสถานทูตประเทศมาเลเซียฝ่ายตำรวจ และตัวแทนจากกรมขนส่งทางบก แถลงจับกุมคดีเกี่ยวข้องกับการปลอมแปลงเอกสารแผ่นป้ายทะเบียน รวมถึงการจับกุมเครือข่ายโจรกรรม รถจากประเทศมาเลเซียส่งขายประเทศเมียนมา โดยใช้เส้นทางภายในประเทศไทย

โดยกองกำกับการ 6 กองบังคับการปราบปราม จับกุมเครือข่ายโจรกรรมรถยนต์ข้ามชาติ หลังได้รับประสานจากสถานทูตมาเลเซีย ว่ามีการนำรถที่โจรกรรมในประเทศมาเลเซียส่งออกโดยผ่านประเทศไทย สืบสวนในประเด็นนี้ประมาณ 4 เดือน พบพฤติการณ์ของกลุ่มชาวเมียนมาที่พักอาศัยอยู่ใน จ.สมุทรสาคร โดยพบตัวกลางซึ่งเป็นหนึ่งในบุคคลที่ตำรวจสามารถจับกุมได้ ชื่อนางมะลิ ทำหน้าที่ในการประสานรับออเดอร์จากทางประเทศเมียนมา เพื่อจัดหาหรือคอยลำเลียงรถยนต์ตามใบสั่ง ก่อนจะประสานไปที่เครือข่ายในมาเลเซีย ให้ดำเนินการโจรกรรม เมื่อได้รถตามเป้าจะมีการติดต่อประสานงานและนำรถมายังช่องทางธรรมชาติตามรอยต่อในพื้นที่สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส นำรถข้ามผ่านมายังประเทศไทย


โดยนางมะลิจะทำหน้าที่จัดหาแผ่นป้ายทะเบียนปลอม ซึ่งว่าจ้างจากเครือข่ายรับทำทะเบียนปลอมต่างๆ มาใช้ติดกับรถที่มีการเคลื่อนย้ายข้ามประเทศ และให้คนในเครือข่ายขับรถทั้งหมดมาตามเส้นทางหลวง โดยใช้รถดูต้นทางคล้ายขบวนการยาเสพติด หากพบว่าไม่มีด่านตรวจของตำรวจก็จะมีการขับรถมาเก็บไว้ในโกดังซึ่งซุกซ่อนอยู่ในพื้นที่ จ.สมุทรสาคร เพื่อรอดูสถานการณ์ของประเทศเมียนมา หรือรอรับออเดอร์ที่ลูกค้าสั่งซื้อ หากมีออเดอร์หรือสถานการณ์ตามชายแดนสามารถนำรถข้ามได้ก็จะนำรถขับไปส่งที่ชายแดน และจะมีเครือข่ายในประเทศเมียนมามารับข้ามชายแดนตามรอยต่อช่องทางธรรมชาติ

ปฏิบัติการครั้งนี้สามารถจับกุมผู้ร่วมขบวนการได้กว่า 11 ราย โดยแบ่งเป็น 4 ราย จับจากพื้นที่ จ.สมุทรสาคร อีก 7 ราย จับได้ในพื้นที่สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส พร้อมยึดรถที่ถูกโจรกรรมมาจากประเทศมาเลเซีย จำนวน 5 คัน แต่จากการตรวจสอบข้อมูลยังพบว่าเครือข่ายนี้มีการขนส่งรถไปไม่ต่ำกว่า 50 คัน ที่มีหลักฐานปรากฏ เช่น ภาพจากกล้องวงจรปิดในการใช้เส้นทางตามชายแดน แต่จาการตรวจสอบข้อมูลเชิงลึกเชื่อว่ามีการส่งรถข้ามแดนไปแล้วไม่ต่ำกว่า 100 คัน ขณะนี้อยู่ระหว่างการเร่งตรวจสอบและขยายผลในประเด็นนี้ เพื่อติดตามนำรถกลับมาส่งคืนให้กับประเทศมาเลเซีย ตามสนธิสัญญาที่มีการเซ็นร่วมกันว่าเมื่อสามารถจับกุมรถที่ถูกโจรกรรมมาจากประเทศมาเลเซียได้จะนำส่งคืนกลับไปยังประเทศต้นทาง

การจับกุมครั้งนี้ยังขยายผลไปจับกุมกลุ่มเครือข่ายที่รับทำแผ่นป้ายทะเบียนปลอม แผ่นป้ายภาษี และเล่มทะเบียนรถ ยึดของกลางเป็นอุปกรณ์ในการจัดทำและแผ่นป้ายปลอมจำนวนมาก จึงอยากขอฝากเตือนถึงประชาชนให้หลีกเลี่ยงการกระทำความผิดในลักษณะนี้ โดยตำรวจกับกรมการขนส่งทางบก ได้ประสานความร่วมมือในการส่งข้อมูลเกี่ยวกับการตรวจค้นแผ่นป้ายทะเบียนต่างๆ


ส่วนผลการปฏิบัติของตำรวจทางหลวงหลังได้รับการประสานและขยายผลมาจากกองกำกับการ 2 กองปราบปราม สามารถตรวจจับรถติดแผ่นป้ายทะเบียนปลอมได้กว่า 151 คัน ในจำนวนนี้สามารถส่งคืนรถให้เจ้าของที่ถูกต้องตามกฎหมายได้มากกว่า 46 คัน ส่วนคันอื่นๆ อยู่ระหว่างการตรวจสอบพิสูจน์หาเจ้าของที่แท้จริงต่อไป.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ผ่าไชน่า เรลเวย์ คว้า 3 โครงการรัฐในภูเก็ต

เหตุการณ์ตึก สตง.ถล่ม กลายเป็นปฐมบทในการปูพรมตรวจสอบบริษัท ไชน่า เรลเวย์ หลังพบเป็นผู้ชนะการประมูลโครงการก่อสร้างตึก สตง. และโครงการรัฐหลายแห่งทั่วประเทศ ล่าสุดที่ จ.ภูเก็ต ตรวจพบ 3 โครงการ และหนึ่งในนั้นกำลังมีปัญหาก่อสร้างที่ไม่ได้มาตรฐาน

มหาสงครามโลก

นักวิชาการชี้ “มหาสงครามโลกครั้งที่ 3” เกิดแน่ถ้าโลกยังตึงเครียด

นักวิชาการด้านความมั่นคงและการต่างประเทศระดับแนวหน้าของไทย มีความเห็นตรงกันว่า หากผู้นำชาติมหาอำนาจไม่เร่งลดระดับความตึงเครียดสถานการณ์โลก

กู้ภัยนานาชาติ เครือข่าย USAR ถอนกำลังแล้ว

กู้ภัยนานาชาติ เครือข่าย USAR ถอนกำลังแล้ว หลังอยู่ปฏิบัติภารกิจค้นหา-กู้ชีพ สนับสนุนกู้ภัยไทย เหตุตึก สตง.ถล่ม กว่า 1 สัปดาห์

ธรรมชาติใต้ดินเปลี่ยนไป หลังแผ่นดินไหว 1 สัปดาห์

แผ่นดินไหวที่เกิดขึ้นเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ส่งแรงสั่นสะเทือนในหลายพื้นที่ของภาคเหนือ แม้บนพื้นผิวดินจะไม่ได้สร้างความเสียหายมากนัก แต่พบความเปลี่ยนแปลงสภาพใต้ดินจนเกิดปรากฏการณ์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ทั้งหลุมยุบขนาดใหญ่ น้ำพุร้อนที่เคยพุ่งจากใต้ดินหายไป แต่น้ำตกที่แห้งในหน้าแล้งกลับมีน้ำไหลออกมา ซึ่งนักธรณีวิทยายืนยันเป็นผลพวงจากแผ่นดินไหวครั้งนี้

ข่าวแนะนำ

รถบัสรับส่งพนักงานพุ่งตกคูน้ำ เจ็บ 21

รถบัสรับส่งพนักงานพุ่งตกคูน้ำ ถนนสายเอเชีย ขาขึ้น จ.พระนครศรีอยุธยา มีผู้บาดเจ็บ 21 คน คาดคนขับหลับใน เบื้องต้นยังไม่พบตัว

เน้นเครื่องจักรหนักเข้าถึงโซน B, C คาดมีผู้ติดค้างจำนวนมาก

ฝนตกหนักช่วงเช้า เพิ่มอุปสรรคค้นหาผู้ประสบภัย และการรื้อซากอาคาร สตง.ถล่ม เจ้าหน้าที่ทุกส่วนต้องหยุดปฏิบัติภารกิจชั่วคราว วันนี้ยังเน้นใช้เครื่องจักรหนักเข้าถึงโซน B และโซน C ที่มีลักษณะคล้ายร่างกายมนุษย์ติดอยู่ในซาก ด้านทีม K9 ประกาศยุติภารกิจค้นหาผู้สูญหาย