ศาลฎีกาพิพากษาแก้อัตราดอกเบี้ยให้กลุ่มแม่ข่ายยูฟัน

ศาลอาญา 19 ก.ค. – ศาลฎีกาพิพากษาแก้อัตราดอกเบี้ยให้กลุ่มเกย์นทีและแม่ข่ายยูฟัน ชดใช้ผู้เสียหายกว่า 2,000 คน เป็น 2 ยอด ส่วนโทษอาญายังคำจำคุกตามศาลอุทธรณ์คนละ 20 ปี


เมื่อวันที่ 19 กรกฎาคม ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลนัดอ่านคำพิพากษาศาลฎีกา คดีแชร์ลูกโซ่ยูฟันสโตร์ รวม 7 สำนวน ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 9 และผู้เสียหาย ร่วมกันเป็นโจทก์ฟ้องนายอภิชณัฏฐ์ แสนกล้า แม่ข่ายยูฟันสโตร์ นายนที ธีระโรจนพงษ์ หรือเกย์นที นักเคลื่อนไหวความหลากหลายทางเพศกับพวกร่วมกันเป็นจำเลยที่ 1-43 ความผิดฐานร่วมกันมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ 2556 พ.ร.บ.ขายตรงและการตลาดแบบ ตรง 2545 ร่วมกันกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน ตาม พ.ร.ก.การกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน 2527 ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน และร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ ตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550

กรณีเมื่อ 25 ต.ค.56-18 มิ.ย.58 บริษัทยูฟัน สโตร์ จำกัด ชักชวนบุคคลเข้าร่วมเครือข่ายในการ ประกอบธุรกิจน้ำผลไม้และสมุนไพรกับเครื่องสำอางผิวหน้า ทำให้หลงเชื่อว่าจะให้ผลประโยชน์ตอบแทนจากการหาผู้เข้าร่วมเครือข่าย แต่กลับหลอกลวงให้ร่วมลงทุน
จำเลยให้การปฏิเสธ


ศาลเห็นว่านายอภิชณัฏฐ์ จำเลยที่ 1 ร่วมกับพวกทำงานเป็นขั้นตอน ชักชวนให้ผู้เสียหายมาร่วมลงทุนการประกอบธุรกิจของบริษัทยูฟันฯ ไม่ได้เน้นการจำหน่ายสินค้าขายตรงตามที่แจ้งไว้ แต่กลับเชิญชวนให้ลงทุนยูโทเคน อ้างว่าจะมีมูลค่าเพิ่มขึ้นเรื่อยไปอย่างต่อเนื่อง หากผู้ลงทุนหาสมาชิกใหม่เพิ่มได้จะได้รับค่า ทำให้ได้รับความเสียหาย

พิพากษาว่า ให้จำคุกจำเลยที่ 1,2,4,6,11,12,13 ฐานร่วมกันกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชนซึ่งเป็นบทที่มีโทษหนักสุด 2,451 กระทง ๆ ละ 5 ปี เป็นเวลารวม 12,255 ปี และให้จำคุกอีกคนละ 10 ปี ฐานร่วมกันมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ แต่เมื่อรวมโทษทุกกระทงแล้วคงจำคุกสูงสุดตามกฎหมาย 50 ปี

และให้จำคุกจำเลยที่ 7 ฐานกู้ยืมเงินฯ 2,451 กระทงๆ ละ 5 ปี เป็นเวลารวม 12,255 ปี,ให้จำคุก 10 ปี ฐานร่วมกันมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ,จำคุกอีก 2 ปี ฐานร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ด้วยข้อมูลอันเป็นเท็จ แต่เมื่อรวมโทษทุกกระทงแล้วคงจำคุกสูงสุดตามกฎหมาย 50 ปี พร้อมกับให้ปรับ บริษัท ยูเทรดดิ้ง จำกัด จำเลยที่ 42 ฐานกู้ยืมเงินฯ 2,451 กระทงๆ ละ 500,000 บาท และให้ปรับฐานร่วมกันมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ อีก 200,000 บาท รวมปรับเป็นเงินทั้งสิ้น 1,225,700,000 บาท ส่วนจำเลยที่ 5,15,16,22,23,29,31,36,37,40 ให้จำคุกฐานฐานกู้ยืมเงินฯ 2,451 กระทง ๆ ละ 5 ปี คนละ 12,255 ปี แต่เมื่อรวมโทษทุกกระทงแล้วคงจำคุกสูงสุดตามกฎหมาย 20 ปี


สำหรับจำเลยที่ 17,19,27 ให้จำคุกฐานกู้ยืมเงินฯ 2,451 กระทงๆ ละ 5 ปี คนละ 12,255 ปี และฐานร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ด้วยข้อมูลอันเป็นเท็จ จำคุกอีกคนละ 2 ปี แต่เมื่อรวมโทษทุกกระทงแล้วคงจำคุกสูงสุดตามกฎหมาย 20 ปี

โดยให้จำเลยที่ 1,2,4,5,6,7,11,12,13,15,16,17,19,22,23,27,29,31,36,37,40,42 ร่วมกันคืนเงินจำนวน 356,211,209 บาทให้แก่ผู้เสียหายทั้ง 2,451 คน ตามจำนวนที่แต่ละคนถูกฉ้อโกงไป พร้อมให้ชำระดอกเบี้ยอัตราร้อยละ7.5 ต่อปี นับแต่วันที่ให้กู้ยืม หรือวันสุดท้ายที่ให้กู้ยืม หรือวันสุดท้ายของเดือนที่ให้กู้ยืม และให้ริบทรัพย์สินที่เป็นเงินสดของกลางด้วย และให้ยกฟ้องจำเลย 21 คน (ประกอบด้วยจำเลยที่ 3,8,9,10,14,18,20,21,24,25,26,28,30,32,33,34,35,38,39,41,43) ซึ่งได้รับการปล่อยตัวหลังศาลพิพากษายกฟ้อง

ต่อมาทั้งโจทก์ และจำเลยบางส่วน ยื่นอุทธรณ์ วันนี้เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ได้เบิกตัวจำเลยทั้งชาย-หญิง จากเรือนจำพิเศษกรุงเทพ และทัณฑสถานหญิงกลางมาศาลพร้อมฟังคำพิพากษา

โดยศาลอุทธรณ์ ตรวจสำนวนประชุมหารือกันแล้วเห็นว่า อุทธรณ์ของจำเลยบางส่วนฟังขึ้น จึงพิพากษา แก้เป็นว่า จำเลยที่ 7 คงมีความผิด จำนวน 2,451 กระทงๆ ละ 5 ปี คนละ 12,255 ปี ร่วมกันกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน และจำคุกอีก 2 ปี ฐานร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ด้วยข้อมูลอันเป็นเท็จ แต่เมื่อรวมโทษทุกกระทงแล้วคงจำคุกสูงสุดตามกฎหมาย 20 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91(2) โดยให้ยกฟ้องฐานร่วมกันมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ และให้ยกฟ้องจำเลยที่ 1,2,6,11 ในความผิดฐานร่วมกันมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ โดยจำเลย ยังคงมีโทษ ฐานร่วมกันกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน แต่เมื่อรวมโทษทุกกระทงแล้วคงจำคุกสูงสุดตามกฎหมาย 20 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91(2) (เดิมศาลชั้นต้นพิพากษาจำคุกสูงสุด 50 ปี)

พร้อมทั้งให้ยกฟ้องจำเลยที่ 15,16,22,23,29,31,36,37,40 ที่เคยถูกพิพากษาจำคุก ฐานร่วมกันกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน พ.ร.ก.การกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน พ.ศ.2527 และฐานร่วมกันฉ้อโกงประชาชน ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 343 และให้ยกฟ้องจำเลยที่ 17,19 ในความผิดฐานร่วมกันกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน และฐานร่วมกันฉ้อโกงประชาชนและฐานร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ด้วยข้อมูลอันเป็นเท็จ โดยให้ยกคำขอที่จะให้จำเลยที่ 15,16,17,19, 22 ,23 ,29, 31,36 ,37, 40 ร่วมกันคืนเงินที่ฉ้อโกงแก่ผู้เสียหาย

นอกจากที่ได้พิพากษาแก้แล้ว ส่วนอื่นก็ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น และยังคงให้จำเลยที่ 1 ,2,4,5,6,7,11,12,13 ซึ่งเป็นกลุ่มแม่ข่ายระดับสูง 27,42 ร่วมกันคืนเงินจำนวน 356,211,209 บาทให้แก่ผู้เสียหายทั้ง 2,451 คน ตามจำนวนที่แต่ละคนถูกฉ้อโกงไป พร้อมให้ชำระดอกเบี้ยอัตราร้อยละ7.5ต่อปี

โจทก์ยื่นฎีกา จำเลยที่ 1,2,4,7,11-14, 27, 42 ยื่นฎีกา

ศาลได้ตรวจสำนวนประชุมปรึกษาแล้ว เห็นว่าฎีกาของจำเลยที่อ้างว่า โจทก์ไม่มีผู้เสียหายทาง สคบ.จึงไม่มีสิทธิ์แจ้งความ และพนักงานสอบสวนก็ไม่มีอำนาจสอบสวนโดยชอบด้วยกฎหมาย เห็นว่าคดีรับฟังได้ข้อยุติว่า ทาง สคบ.ได้รับการร้องเรียนจากประชาชนจึงได้เข้าไปตรวจสอบและพบว่าบ.ยูฟันลงทะเบียนว่าเป็นผู้ประกอบการขายตรง แต่ไม่ได้มีสินค้าตามที่ระบุไว้ ดังนั้นการกระทำดังกล่าวจึงเป็นความผิดต่อรัฐ ไม่ต้องมีผู้เสียหายมาร้องโดยตรงก็ได้ เพราะกฎหมายให้อำนาจกับทาง สคบ. คุ้มครองผู้บริโภค ด้านตำรวจได้เข้ามาสอบสวนและพิสูจน์ได้ว่า บ.ยูฟันฯ มีส่วนร่วมกับอาชญากรรมข้ามชาติ และการฉ้อโกงประชาชน จนกระทั่งจับกุมผู้กระทำผิดได้ และ บ.ยูฟันฯได้รับเงินที่หลอกลวงจากประชาชนไป คำพิพากษาของศาลล่างทั้ง 2 ชอบแล้ว

ศาลฎีกาพิพากษาแก้ คงให้จำเลยที่ 1,2,4,5,6,7,11-13 ซึ่งเป็นกลุ่มแม่ข่ายระดับสูง จำเลยที่ 27 (เกย์นที), 42 ร่วมกันคืนเงินจำนวน 356,211,209 บาทให้แก่ผู้เสียหายทั้ง 2,451 คน ตามจำนวนที่แต่ละคนถูกฉ้อโกงไป

แต่ให้ชำระดอกเบี้ย ใน 2 อัตราคือ ดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันที่ให้กู้ยืมหรือวันสุดท้ายที่ให้กู้ยืม หรือวันสุดท้ายของเดือนที่ให้กู้ยืมเป็นต้นไปจนถึงวันที่ 10 เม.ย.2564 ให้คิดอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 5 ต่อปี (อัตราดอกเบี้ยตามกฎหมายที่แก้ไขใหม่) นับตั้งแต่วันที่ 11 เม.ย.2564 เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่ผู้เสียหายทั้งหมด

จากเดิมคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้ชำระดอกเบี้ยในอัตราเดียวคือร้อยละ 7.5 ปี

นอกจากที่ศาลฎีกาแก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ คือโทษอาญาให้จำคุกจำเลย 1,2,6,7,11 คนละ 20 ปี

ในส่วนของจำเลยที่ 5, 6,8,10, 15, 16, 22, 23 ,31,36,37,40 โจทก์และจำเลยดังกล่าวไม่ฎีกาจึงยุติไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์

ส่วนจำเลยที่ 18,20 ,21,24-26, 28, 30,32-35 38, 39,41,43 ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโจทก์และจำเลยดังกล่าว ไม่อุทธรณ์คดีจึงยุติไปตามคำพิพากษาศาลชั้นอุทธรณ์.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ประหารชีวิตแอมไซยาไนด์

ศาลอาญาพิพากษาประหารชีวิต “แอม ไซยาไนด์”

ศาลอาญาพิพากษาประหารชีวิต “แอม ไซยาไนด์” ส่วนอดีตสามี คุก 1 ปี 4 เดือน “ทนายพัช” คุก 2 ปี ไม่รอลงอาญา ชดใช้ ให้ผู้เสียหายกว่า 2 ล้านบาท

นายกฯ ถกตั้งนายพลตำรวจ 41 ตำแหน่ง ยันไม่มีการเมืองแทรก

นายกฯ ถกแต่งตั้งนายพลตำรวจ 41 ตำแหน่ง ยันไม่มีการเมืองแทรก ยึดตาม พ.ร.บ.ตำรวจ ฉบับใหม่ พลิกโผ ‘สยาม บุญสม’ ผงาดคุมนครบาล ‘สันติ ชัยนิรามัย’ นั่ง ผบช.ปส. ‘ไตรรงค์ ผิวพรรณ’ โยกคุมไซเบอร์ ‘ภาณุมาศ บุญญลักษม์’ ขึ้นเป็น ผบช.สตม.

ดีเอสไอพบเส้นเงินโอนจากแม่ถึงนักการเมือง ส. เกือบ 100 ล้าน

ดีเอสไอพบเส้นเงินโอนจากแม่ถึงนักการเมือง ส. เกือบ 100 ล้านบาท จำนวนนี้พบโอนจาก “บอสพอล-บอสปีเตอร์” ด้วย เร่งขยายผลมีบอสรายอื่นโอนเข้าบัญชีดังกล่าวอีกหรือไม่

ข่าวแนะนำ

คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญถกคำร้อง “ทักษิณ-เพื่อไทย” ล้มล้างฯ

จับตา ศาลรัฐธรรมนูญ “รับ/ไม่รับ” คำร้องปม “ทักษิณ-พรรคเพื่อไทย” ใช้สิทธิเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองหรือไม่

อุตุฯ เผยเหนือ-อีสาน อากาศเย็นในตอนเช้า ภาคใต้ฝนตกหนักบางแห่ง

กรมอุตุฯ เผยภาคเหนือ ภาคอีสาน มีอากาศเย็นในตอนเช้า ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนดูแลรักษาสุขภาพเนื่องจากสภาวะอากาศที่เปลี่ยนแปลง ส่วนภาคใต้ มีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง

“เอวา” เสือโคร่งสายแบ๊ว ดาวรุ่งดวงใหม่

หน้าตาที่น่ารักบ้องแบ๊วเหมือนแมวตัวโต ตกหัวใจคนรักสัตว์กันไปเต็มๆ สำหรับน้องเอวา เสือโคร่งสายแบ๊วของเชียงใหม่ไนท์ซาฟารี นอกจากหน้าตาน่ารักแล้วยังมีความสามารถหลายอย่าง จนกลายเป็นดาวรุ่งดวงใหม่ ที่ผู้คนแห่ไปชมความน่ารักกันอย่างคึกคัก คาดจะช่วยดึงนักท่องเที่ยวไปที่เชียงใหม่ไนท์ซาฟารีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

ต้อนรับอบอุ่น “โอปอล” รองอันดับ 3 มิสยูนิเวิร์ส 2024 ถึงไทย

กลับถึงไทยแล้ว “โอปอล สุชาตา” รองอันดับ 3 มิสยูนิเวิร์ส 2024 ปรากฏตัวในชุดไทย สวยสง่า แฟนนางงามต้อนรับอย่างอบอุ่น