กรุงเทพฯ 27 มิ.ย. – “บิ๊กโจ๊ก” สั่งผู้บังคับบัญชานำเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ถูกออกหมายเรียกและหมายจับ ในคดีตบทรัพย์เว็บพนัน 140 ล้าน มารับทราบข้อกล่าวหาให้ครบภายในวันนี้ ส่วนลูกน้องคนสนิท 2 คนที่ “อัจฉริยะ” กล่าวหาเอี่ยวเว็บพนัน หากผิดจริงต้องรับโทษทั้งอาญา และให้ออกจากราชการทันที
พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. เปิดเผยความคืบหน้าคดีอดีตผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดชลบุรี และพวก ร่วมกันตบทรัพย์ 140 ล้านบาท จากเว็บพนันออนไลน์ ว่า หลังจากวานนี้ (26 มิ.ย.) ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 2 ได้ออกหมายจับเพิ่มผู้ร่วมขบวนการ 3 คน เป็นตำรวจ 2 นาย พลเรือน 1 คน และออกหมายเรียกเจ้าหน้าที่ตำรวจอีก 9 นาย ให้มารับทราบข้อกล่าวหา ล่าสุดได้สั่งการให้ผู้บังคับบัญชานำตัวเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องทั้งหมดมารับทราบข้อกล่าวหา ที่ สภ.แสนสุข จ.ชลบุรี ในเวลา 10.00 น.ที่ผ่านมา ซึ่งขณะนี้ได้พยานหลักฐานเพิ่มหลายส่วน พบบุคคลที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติมที่จุดรับส่งมอบเงินใน จ.เชียงราย และ จ.ชลบุรี แล้ว ขณะนี้อยู่ระหว่างการขยายผล คาดอีก 2 สัปดาห์ จะทราบตัวละครทั้งหมด
ส่วนประเด็นการติดต่อเข้ามอบตัวของนายบอย และภรรยา ผู้ต้องหาที่อยู่ระหว่างการหลบหนี ขณะนี้ไม่สามารถติดต่อได้แล้ว แต่ได้มีการประสานไปยังกระทรวงการต่างประเทศ เพื่อยกเลิกหนังสือเดินทาง หากพบว่ามีการเดินทางออกจากสิงคโปร์ ก็จะถูกดำเนินคดีทันที เพราะบทลงโทษของกฎหมายที่ประเทศสิงคโปร์ รุนแรงและหนักกว่า ถึงแม้ขณะนี้ยังไม่ได้ตัว แต่ได้ประสานกับ ปปง. เพื่อสืบทรัพย์ว่า นายบอยมีทรัพย์สินอะไรบ้าง เพื่ออายัดทรัพย์สินต่อไป พร้อมยืนยันให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย
นอกจากนี้ คณะพนักงานสอบสวนยังได้ออกหนังสือถึงหัวหน้าศาลทั้ง 3 แห่ง คือ ศาลจังหวัดมีนบุรี ศาลจังหวัดธัญบุรี และศาลจังหวัดนนทบุรี เพื่อขอให้ศาลดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องละเมิดอำนาจศาลของเจ้าหน้าที่ในคดีนี้ ประมาณ 4-5 นาย ที่ร่วมกันทำเอกสารเท็จ เพื่อออกหมายจับและนำไปหากิน ทำให้ตำรวจที่ดีทำงานยาก ซึ่งบางส่วนศาลออกหมายจับแล้ว
ส่วนกรณีที่นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ แจ้งความดำเนินคดีกับมือซ้ายและมือขวาของตนนั้น พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ บอกว่า เบื้องต้นมือซ้ายและมือขวาดังกล่าวมีตัวตนจริง ถึงแม้จะไม่เอ่ยชื่อ ตนก็รู้ว่าเป็นใคร ทั้งนี้ ย้ำว่าหากตรวจสอบพบว่ากระทำความผิดจริง ก็ให้มีการดำเนินคดีอาญาตามกฎหมายได้เลย และหากอยู่ในฐานะที่เป็นคณะทำงานกับตน ก็จะต้องโดนโทษทางวินัย ให้ออกจากราชการไว้ก่อนด้วย ถือว่าโดนโทษ 2 เท่า แต่หากไม่พบความผิด ก็ต้องให้ความเป็นธรรม
อย่างไรก็ตาม พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ บอกว่า ตนไม่ได้มีหน้าที่แบกรับลูกน้องที่ทำไม่ดีไว้กับตน การทำงานกับตน “งานต้องนำหน้าเงิน” คนไหนที่ผิดก็ต้องดำเนินคดีไป ส่วนคนที่ยังอยู่ก็จะต้องเดินหน้าปฏิบัติหน้าที่ต่อไป. – สำนักข่าวไทย