ล่ามสาวแจ้งความถูกกลุ่มชายฉกรรจ์คล้าย ตร.อุ้มรีดเงิน

กรุงเทพฯ 21 มี.ค. – สาวไทยล่ามแปลภาษาจีน แจ้งความถูกกลุ่มชายฉกรรจ์คล้ายตำรวจอุ้มพร้อมชายชาวจีน เรียกค่าไถ่ ตำรวจตรวจสอบเบื้องต้นพบมีรูปพรรณสัณฐานคล้ายตำรวจระดับสารวัตร สังกัดตำรวจตรวจคนเข้าเมือง


น.ส.นามี อายุ 38 ปี ล่ามสาวชาวไทย เข้าแจ้งความ สน.ดินแดง หลังช่วงเช้าวันที่ 10 มี.ค.ที่ผ่านมา ได้รับการติดต่อจากนายตี้หลุง (นามสมมติ) อายุ 62 ปี ชาวจีน ให้มาพบที่บ้านพักของนายตี้หลุง ซอยประชาสงเคราะห์ 2 เขตดินแดง โดยนายตี้หลุงอ้างว่าจะให้เดินทางไปเป็นเพื่อนเพื่อทำธุรกรรมด้านการต่ออายุหนังสือเดินทางและวีซ่า ที่ศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ แต่ปรากฏว่ามีเพื่อนชายชาวจีนของนายตี้หลุง ซึ่งไม่ทราบชื่อและนามสกุล ขับรถมารับเพื่อพาตนและนายตี้หลุงไปศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ

เมื่อเดินทางไปถึงปรากฏว่าไม่สามารถทำธุรกรรมได้ เนื่องจากเอกสารของนายตี้หลุงไม่ครบ ตอนนั้นตนเริ่มเอะใจแล้ว จึงตัดสินใจจะเดินทางกลับ โดยมีเพื่อนนายตี้หลุงขับรถมาส่งที่บ้านพักของนายตี้หลุงเช่นเดิม แต่ระหว่างลงจากรถเข้าบ้าน ปรากฏว่ามีชายฉกรรจ์ รูปพรรณสัณฐานคล้ายตำรวจ มารออยู่แล้ว 5 คน ทั้งหมดขับรถเก๋งมาด้วยกัน 3 คัน


จากนั้นนายตี้หลุงและตนถูกอุ้มขึ้นรถไปคนละคัน โดยมีเพื่อนของนายตี้หลุงขับตามประกบเป็นขบวน ออกจากซอยบ้านพัก รวม 4 คัน ระหว่างอยู่บนรถก็ถูกชายที่อ้างว่าเป็นตำรวจสอบถามถึงที่มาที่ไปว่ารู้จักกับนายตี้หลุงได้อย่างไร

จากนั้นชายฉกรรจ์ทั้งหมดพาตนและนายตี้หลุงขับรถไปวนบนถนนเส้นแจ้งวัฒนะ ใช้เวลาประมาณ 4-5 ชั่วโมง ก่อนทั้งหมดจะขับรถพาตนและนายตี้หลุงมาปล่อยไว้ที่ซอยประชาสงเคราะห์ 2 ในช่วงใกล้ค่ำ

น.ส.นามี เปิดเผยด้วยว่า หลังจากถูกปล่อยตัว นายตี้หลุงยอมรับกับตนว่ามาอยู่ในประเทศไทย โดยมีเพื่อนชายชาวจีนคนดังกล่าวแนะนำช่องทางให้สวมบัตรประชาชนคนไทย กระทั่งก่อนเกิดเหตุเพื่อนโทรศัพท์มาบอกว่าวีซ่ากับหนังสือเดินทางใกล้หมดอายุ ให้เดินทางไปทำหนังสือเดินทางด้วยกัน นายตี้หลุงจึงไหว้วานให้ตนเดินทางไปด้วย จนเป็นที่มีของการถูกอุ้มขึ้นรถไปเรียกค่าไถ่


โดยระหว่างถูกควบคุมตัวอยู่บนรถ มีชายฉกรรจ์อ้างตัวเป็นตำรวจ ข่มขู่ว่านายตี้หลุงจะต้องรับโทษฐานปลอมแปลงบัตรประชาชน จึงขอเรียกค่าไถ่เป็นเงินคริปโตฯ จำนวน 60,000 USDT เพื่อแลกกับการปล่อยตัวเป็นอิสรภาพ แต่นายตี้หลุงขอต่อรองครึ่งหนึ่ง เหลือ 30,000 USDT นายตี้หลุงจึงประสานให้ลูกชายโอนเงินให้ผ่านแอปพลิเคชันไปที่บัญชีปลายทาง ซึ่งไม่รู้เป็นของใคร เมื่อเงินเข้าบัญชีเรียบร้อยแล้ว คนร้ายจึงยอมขับรถมาส่งที่บ้าน

หลังจากนั้นตนไม่สามารถติดต่อนายตี้หลุงได้อีก มารู้ข้อมูลอีกทีคือเดินทางกลับไปอยู่กับลูกชายที่ประเทศจีนแล้ว จึงรู้สึกหวาดกลัวและเกรงว่าจะไม่ปลอดภัย เพราะเชื่อว่าคนร้ายทำเป็นขบวนการ และไม่แน่ใจว่ามีเจ้าหน้าที่รัฐรู้เห็นด้วยหรือไม่

หลังรับแจ้งความ ทางชุดคลี่คลายคดีได้ตรวจสอบประวัตินายตี้หลุง พบว่ามีบัตรประชาชนคนไทย ชื่อนายสาโรจน์ อายุ 55 ปี ชาว จ.สมุทรปราการ และเคยใช้บัตรประชาชนดังกล่าวทำธุรกรรมในประเทศไทย ซึ่งต้องตรวจให้ลึกถึงรายละเอียดว่าเจ้าของบัตรยังมีชีวิตหรือไม่ และบัตรประชาชนมาอยู่ในมือบุคคลต่างด้าวได้อย่างไร
นอกจากนี้เมื่อลงพื้นที่ตรวจสอบกล้องวงจรปิดในละแวกจุดเกิดเหตุ พบภาพรถต้องสงสัย 4 คัน และชายฉกรรจ์รวม 6 คน ก่อเหตุอุ้ม น.ส.นามี และนายตี้หลุง ขึ้นรถไปจริงตามคำให้การ โดยผู้ต้องสงสัยชายฉกรรจ์ จำนวน 2 ใน 6 คน มีรูปพรรณสัณฐานคล้ายเจ้าหน้าที่ตำรวจระดับสารวัตร สังกัดสำนักงานตำรวจตรวจคนเข้าเมือง ซึ่งอยู่ระหว่างตรวจสอบให้เกิดความชัดเจนอีกครั้ง ก่อนเชิญตัวมาให้ปากคำในฐานะผู้ต้องสงสัย.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ตึกถล่มพบเสียชีวิตเพิ่ม

พบผู้เสียชีวิตเพิ่ม 5 ราย ทีมกู้ภัยเร่งกู้ร่าง

พบผู้เสียชีวิตเพิ่ม 5 ราย ในพื้นที่โซน B และโซน C มีซากอาคารถล่มทับร่างอยู่ ทีมกู้ภัยเร่งกู้ร่างและค้นหาผู้สูญหายใต้ซากอาคารต่อเนื่อง

ชายวัย 50 ไหว้ขอโทษ ไม่มีเจตนากุเรื่องเมียท้อง 4 เดือน ติดใต้ซากตึก สตง.

ชายวัย 50 ปี ยกมือไหว้ขอโทษ ไม่มีเจตนากุเรื่องภรรยาท้อง 4 เดือน ติดใต้ซากอาคาร สตง.ถล่ม ด้านรอง ผบช.น. เตือนอย่าใช้โอกาสที่มีผู้ประสบเหตุสร้างความสงสารหลอกเอาทรัพย์สิน มีความผิดฐานฉ้อโกงประชาชน

ออกแล้ว! ผลตรวจเหล็ก 28 ชิ้น ตึก สตง.ถล่ม พบไม่ได้มาตรฐาน 13 ชิ้น

ผลตรวจตัวอย่างเหล็ก 28 ชิ้น ตึก สตง.ถล่มจากแผ่นดินไหว พบได้มาตรฐาน 15 ชิ้น ไม่ได้มาตรฐาน 13 ชิ้น ยังไม่สรุปเป็นสาเหตุตึกถล่ม ชี้ต้องดูหลายองค์ประกอบ

ข่าวแนะนำ

พ่อขอของขวัญวันเกิดให้ลูกชายรอดชีวิตจากตึก สตง.ถล่ม

พ่อของหนุ่มขอนแก่น วัย 35 ปี หนึ่งในผู้สูญหายจากอาคาร สตง.ถล่ม ขอของขวัญวันเกิดให้ลูกชายรอดชีวิต ส่วนหนุ่มช่างประปา วัย 32 ปี เหยื่อตึก สตง.ถล่ม เผาแล้ว แม่ยังทำใจไม่ได้ สะอื้นไห้หน้าเมรุ

“ชัชชาติ” เผยเตรียมกู้ 5 ร่างที่พบ-ขนย้ายชิ้นส่วนอาคารแล้ว 100 ตัน

ผู้ว่าฯ กทม. เผยเตรียมกู้ 5 ร่าง จาก 14 ร่างที่พบ ขนย้ายชิ้นส่วนอาคารแล้ว 100 ตัน ยันไม่ขีดเส้นตายหยุดช่วยเหลือ ปรับแผนเพิ่มการรื้อถอนด้วยเครื่องจักรหนักควบคู่ไปมากขึ้น